JJNY : เพื่อไทยเปิดชาเลนจ์│“พิธา”พอใจ “ก้าวไกล”ได้เบอร์31│สรท.คาดส่งออกไทยQ1 ติดลบ│คาด‘จีน-อินเดีย’ หนุน ศก.เอเชียปีนี้

เพื่อไทย เปิดชาเลนจ์ ขอแรงโซเชียลส่งไอเดีย ทำมือเบอร์ ’29’ ปังไม่ไหว!
matichon.co.th/election66/news_3910131

เพื่อไทย เปิดชาเลนจ์ ขอแรงโซเชียลส่งไอเดีย ทำมือเบอร์ ’29’ ปังไม่ไหว!

ภายหลังจากที่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 1 พรรคเพื่อไทย จับสลากได้หมายเลข 8 และได้ทำมือเป็นสัญลักษณ์เลข 8 เพื่อหาเสียงได้อย่างมีชั้นเชิง เรียกว่าซับซ้อน กระทั่งกลายเป็นไวรัลที่หลายๆ คนทนไม่ไหว ต้องทดลองยกนิ้วขึ้นมาทำตาม

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 เมษายน หลังเสร็จสิ้นการจับสลากเบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยได้เบอร์ 29 ทางเพจทวิตเตอร์ทางการของพรรคก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “แอดมินขอเปิดชาเลนจ์ทำมือเบอร์ 29 ใครมีวิธีทำแบบไหนแชร์มาที่เธรดนี้กันค่ะ กาเพื่อไทย เบอร์ 29 ไม่เอาพ่วง เริ่ม!
ซึ่งได้มีแฟนๆ พรรคเพื่อไทย และชาวออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นในหลากหลายรูปแบบได้อย่างน่าสนใจ ดังเช่นต่อไปนี้

“มันต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างง่าาา พยายามเกิ๊นน”

“โจทย์ยากมาก 555”

“อย่าลืมภาษามือด้วยนะคะ​ 29​ #พรรคเพื่อไทย”

“กานต์กนิษฐ์ เอฟเฟ็กต์มาก ตัวแม่สร้างเรื่อง ขยันหาทำ ปวดหัว”

“ตามคุณกานต์มาเลยครับ ตัวต้นเรื่องทำชาเลนจ์มือเนี่ยยยยยยยย ไปตามมาทำ 29 ด้วย”

“ขอรณรงค์ให้มีคำขวัญและเผยแพร่ออกสื่อทุกทาง ให้เป็นที่ติดปากและจำง่ายเวลาเข้าคูหาจะได้กาไม่ผิดพรรคครับ ดังนี้ ‘2 เท้า 9 เข้ามา เข้าคูหากา 29 …เพื่อไทยแลนด์สไลด์'”



“พิธา” พอใจ “ก้าวไกล” ได้เบอร์ 31 อยากให้ปชช.จำพรรคมากกว่าตัวเลข อวยพรให้ “พท.” โชคดี เปิดแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3
https://siamrath.co.th/n/436340

เมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 4 เม.ย. 66 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังจากการจับสลากหมายเลขสส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งพรรคก้าวไกลได้หมายเลข 31 
 
โดยนายพิธา กล่าวว่า ตนพอใจ แต่อย่างที่บอกว่า อยากให้ประชาชนจำพรรคและโลโก้ของพรรค มากกว่า เพราะบริบทการเลือกตั้งในครั้งนี้ คือบัตร 2 ใบ 2 หมายเลข ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสนได้ เพราะฉะนั้นการหาเสียงของเรา เพื่อจะไม่ให้เป็นภาระของประชาชน คงจะหาเสียงว่ากาก้าวไกล และบอกเบอร์ของ ส.ส.เขต เท่านั้น หากประชาชนที่กังวลว่าจะกาผิดสี ผิดเบอร์ ก็ไม่เป็นไร เลือกแค่พรรคก้าวไกล เห็นโลโก้พรรค เห็นชื่อพรรคก็พอ และจำแค่เลขของส.ส.แบบแบ่งเขต 
 
นายพิธา กล่าวต่อว่า วันนี้มีการรับสมัครทั้งหมด 49 พรรค แต่ กกต. รับสมัครถึงวันที่ 7 เม.ย. สมมติหากมีพรรคการเมืองลงสมัครเพิ่มเป็น 60 พรรค หมายเลขของพรรคก้าวไกลจะอยู่บนมุมขวาพอดี แต่ก็ไม่ได้มีสาระสำคัญเท่ากับยุทธศาสตร์ในการหาเสียง ที่สอดคล้องกับบริบทของการเลือกตั้งในครั้งนี้

เมื่อถามว่า คิดหรือยังว่าจะทำท่าทางอย่างไรในการหาเสียง นายพิธา ทำมือเป็นรูปสามเหลี่ยมคว่ำเป็นรูปโลโก้พรรคพร้อมระบุว่า ตนอยากให้คนจำโลโก้พรรคแค่นั้นพอ 
 
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ว่าลำดับอาจมีการเลื่อนขึ้น หากมีพรรคการเมืองที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ นายพิธากล่าวว่า ไม่ได้ซีเรียสอะไร และเข้าใจว่าต้องรอให้ครบวันที่ 7 เม.ย.ก่อน ตนจึงเดินออกมาไม่ได้ ชูนิ้ว ชูเบอร์ ชูเพียงโลโก้ของพรรค 
 
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคใหญ่ไม่ได้เบอร์เดี่ยว ได้แต่เบอร์ที่จำยาก นายพิธากล่าวว่า เบอร์ไม่ได้มีผลอะไร ส่วนกลยุทธ์การหาเสียงหลังจากนี้ ภายใน 2-3 วัน ต้องสร้างภาพจำให้กับประชาชน ที่เชื่อในวิธีการทำงานของพรรคก้าวไกล ต้องลงเขต และบอกเลขให้ชัดๆ เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องต้นๆ ส่วนที่เหลือก็จะกลับไปหาเสียงแบบดาวกระจายเหมือนปกติ ตนคิดว่าต้องรีบทำงาน แล้วเอาส.ส.บัญชีรายชื่อไปเพิ่มพลังให้ ส.ส.เขตให้มากที่สุด

เมื่อถามว่า ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เป็นคนหน้าใหม่มาก จะมีการลงพื้นที่หาเสียงร่วมกับผู้สมัครเขตด้วยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า แน่นอน ต้องลงไปในเขตอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่มีปัญหาในระดับพื้นที่
 
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) จะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 หากเปิดออกมาแล้วจะมีผลกระทบกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า ตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา พรรคก้าวไกลพร้อมที่จะแข่งขันและร่วมมือกันตนขอให้พรรคเพื่อไทยโชคดีในวันพรุ่งนี้ 
 
เมื่อถามว่าอยากชวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาร่วมดีเบตด้วยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่าอยากให้หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ ได้แสดงวิสัยทัศน์ในสิ่งที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ให้ประชาชนฟัง ก่อนที่เขาจะให้คำตอบกับพวกเรา เขาก็มีคำถามที่ต้องถามก่อน เพราะฉะนั้นการเมืองเป็นเรื่อง 2 ทาง ต้องให้ประชาชนตั้งคำถาม และพรรคการเมืองต้องมีคำตอบให้
 


สรท. คาดส่งออกไทยQ 1 ติดลบ เร่งทำสมุดปกขาวเสนอรัฐบาลชุดใหม่
https://www.prachachat.net/economy/news-1253201

สรท. คาดส่งออกไทยไตรมาส 1 ติดลบ 10% พร้อมเตรียมเร่งทำสมุดปกขาวเพื่อเสนอรัฐบาลชุดใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจ ดันส่งออกภายในปี 2566
 
วันที่ 4 เมษายน 2566 นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ติดลบ 4.7% โดยเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า มาตรการทางการเงินที่ยังคงรุนแรง ขณะที่ ประเมินว่าการส่งออกของไทยในไตรมาส 1 มีแนวโน้มติดลบ 10% และในไตรมาส 2 ติดลบ 0.5% โอกาสทั้งปี 2566 ส่งออกไทยขยายตัว 1%

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น สหรัฐฯ ยุโรป จีนที่ยังคงชะลอตัว นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางการเงินที่ลงรุนแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สินเชื่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลปัจจัยต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
ส่วนปัจจัยภายในประเทศยังคงต้องติดตามค่าไฟฟ้าที่เป็นแรงกดดันและต้นทุนต่อการผลิตสินค้าถึง 10-15% ขึ้นอยู่แต่ละอุตสาหกรรมและยังคงมองว่าเป็นต้นทุนที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีผลต่อศักยภาพในการแข่งขันด้วย
 
“สรท.อยู่ระหว่างการทำสมุกปกขาว ซึ่งรวบรวมข้อมูลด้านการค้า การส่งออกของไทยเพื่อเสนอให้กับรัฐบาลชุดใหม่ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนในเดือนมิถุนายน 2566 นี้ ที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยกระตุ้น สนับสนุนการส่งออกไทย”

อย่างไรก็ดี สรท. ยังคาดการณ์การส่งออกรวมทั้งปี 2566 เติบโตระหว่าง 1-2% โดยมีปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องติดตามในปี 2566 ได้แก่
 
1) ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุน และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีการแบ่งขั้วทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดสงครามทางการค้า เทคโนโลยี มาตรการกีดกันทางการค้า และ ต้นทุนราคาพลังงานโลกมีความผันผวนตามสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า และภาวะเงินเฟ้อ
 
ปัญหาการขาดสภาพคล่องของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรปที่หากลุกลามอาจทำให้เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยสูงขึ้น สะท้อนความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้อุปสงค์การนำเข้าสินค้าปรับลดลงต่อเนื่อง
 
2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI ในเดือน มี.ค. ที่หดตัวรุนแรง โดยเฉพาะกิจกรรมภาคการผลิตในกลุ่มยูโรโซน ขณะที่ PMI ของสหรัฐ หดตัวน้อยลงในเดือนมีนาคม (mom) เป็นผลจากปัญหาอุปทานค่อนข้างกระจุกตัว สินค้าคงคลังยังคงทรงตัวในระดับสูง
 
ขณะที่ ปัจจัยบวกที่มีผลต่อการส่งออก อย่างเช่น การส่งออกในกลุ่มประเทศเป้าหมายอย่างอินเดีย ตะวันออกกลางมีโอกาสเติบโต และอัตราค่าระหว่างเรือทั่วโลกลดลงกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ รวมถึงสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ที่เพียงพอต่อการส่งออก
 
ทั้งนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอแนะที่สำคัญประกอบด้วย 

1) ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้า (FT) ทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือนให้อยู่ระดับที่เหมาะสมเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระด้านต้นทุนให้ผู้ประกอบการสามารถรักษาระดับราคาสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภค
 
3) ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนเกินกว่าประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย รวมถึงทบทวนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเพิ่ม Local Currency เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ส่งออกและนำเข้าของไทย

4) พิจารณามาตรการสนับสนุนเพื่ออุดหนุนการใช้พลังงานทางเลือก เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี ในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar), พลังงานหมุนเวียน (Renewable) และพลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นต้น
 
ข้อมูลตัวเลขการส่งออกระบุว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ของปี 2566 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 42,625.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 4.6% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 1,430,250 ล้านบาท หดตัว 3.2% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ หดตัว 1.4%)
 
ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 48,388.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 3.3% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 1,647,855 ล้านบาท ขยายตัว 5.0%
ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2566 ขาดดุลเท่ากับ 5,763.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 217,605 ล้านบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่