ช่วยวิเคราะห์ทีครับว่าพลาดตรงไหน ทำไมการศึกษาถึงให้รถยุโรปซักคันแก่ผมและผองเพื่อนยังไม่ได้ T-T

สวัสดีครับ  

บอกก่อนว่าผมและผองเพื่อนปัจจุบันอายุใกล้ 45 กันแล้ว เป็นยุค Gen X รุ่นท้ายๆนะครับ

การศึกษาให้รถยุโรปกับเราซักคันได้ไหม ???

วันนี้นั่งคิดไปคิดมาส่อง Face เพื่อนเก่าๆตั้งแต่สมัยมัธยม  เพื่อนกลุ่มผมที่สนิทกันมี 6-7 คน ทรงเดียวกันทั้งแก๊ง คือ ลูกชาวบ้านธรรมดา รักเรียน ฐานะทางบ้านพ่อแม่ค่อนไปทางปานกลางถึงยากจน  ก็ตามประสาเด็กส่วนใหญ่ในต่างจังหวัด

ตอนเรียน ม.ปลาย บางคนก็อยู่วัด บางคนก็อยู่กระท่อมปลายนา บางคนก็อยู่หอพัก แต่ก็กอดคอกันมาเรียนจนจบและสอบ Entrance ติดทุกคน

จากนั้นก็เติบโตกันไปตามอาชีพการงาน  ในกลุ่มมีทั้ง อัยการ หมอ วิศวะ สถาปนิก  วิทยาศาสตร์  วุฒิการศึกษาปัจจุบันส่วนมาก ป.โท บางคนก็กำลังทำ ป.เอกอยู่ขณะนี้  และทุกคนเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ ทั้งราชการ และ เอกชน รัฐวิสาหกิจ

คำถามคือ

ส่อง Face ไปส่อง Face มา  เออ แฮะ เพื่อนกลุ่มฉันไม่มีใครขับรถยุโรปเลยซักคน  รถธรรมดาทั้งน้านน  ถ้าจะมีก็ โน้นน เพื่อนผู้หญิงนอกกลุ่มที่ได้ผัวรวย

ก็เลยเริ่มคิดว่าเอ้ย อีกสิบกว่าปีก็จะเกษียรกันแล้ว  ทั้งกลุ่มจะได้มีใครได้สัมผัสความเป็นเจ้าของรถยุโรปซักคันก่อนตายกันมะเนี่ย !!! เป็นไปได้ยังไง !!!

บางคนอาจสงสัยว่าอ้าว แล้วเพื่อนที่เป็นหมอล่ะ ทำงานโรงบาลด้วย เปิดคลินิคด้วย น่าจะไม่ยาก  อันนี้ไม่รู้มัน ไม่ได้ถาม รู้แต่ตอนเรียนบ้านมันจนสุดในกลุ่ม

สภาพปัจจุบันที่เห็นผ่านสื่อ ทุกคนก็มีบ้าน มีรถ มีลูก มีเมียตามปกติ  แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีบ้านไหนขับรถยุโรปเลย เลยอยากให้ช่วยวิเคราะห์หน่อยว่าพวกเราผิดพลาดตรงไหน

เอาความเห็นผมก่อน ผมคิดว่าพวกเราคงเป็นแค่กลุ่มกลางๆของสังคม คือ เด็กเก่งบ้านนอก แต่มีคนเก่งกว่าอีกเยอะ ทั่วประเทศ จึงเป็นได้แค่คนกลางๆไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก จบปริญญาก็จริงแต่ไม่ได้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนา   ทำงานรับราชการ บริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจไทย ไม่ได้ประกอบธุรกิจ

จึงเกิดคำถามว่าจริงๆแล้ว สำหรับคนที่ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตทางบ้านอะไร การศึกษาในไทย  จะให้รถยุโรปกับเขาซักคันได้ไหม โดยการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา แบบว่า ชีวิตนี้อยากลองขับดูซักครั้ง อิอิ

พวกคุณคิดว่าอย่างพวกผมนี้ควรได้มิ หรือ ไม่ควร  มีอะไรที่ขาดไป ทำไม ชาวบ้านเขาขับกันเกร่อเต็มถนน  แต่ผมและผองเพื่อน่ไม่มีใครได้ขับซักคน

ช่วยชี้แนะทีครับ เอาแบบมีมือหนึ่งได้สบายๆ เสียค่ำซ๋อมค่าอะไหล่ได้แบบไม่หน้าซีดนะครับ 555+
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คุณอยากมีก็พยายามเองสิ ทำไมต้องไปคิดว่าคนอื่นไม่สามารถซื้อ เขาอาจจะซื้อได้ แต่เลือกที่ไม่ซื้อ
ความคิดเห็นที่ 3
-เกิดผิดยุคช้าไปหรือเปล่า
-ดูจากพ่อของเพื่อน เป็นหมอ เมื่อเกษียณแล้ว มีทรัพย์สินอยู่ประมาณ 300-400 ล้าน และในกลุ่มพ่อของเพื่อนเกือบทุกคน มีทรัพย์สินอยู่ประมาณ 100-200 ล้านกันเกือบทุกคน  ทั้งที่รับราชการธรรมดา และไม่ได้โกงกิน

-กลไกของความร่ำรวย เกิดจากดอกเบี้ยเงินในธนาคารให้ประมาณ 10-15% ต่อปี สหกรณ์ออมทรัพย์ ปันผลประมาณ ร้อยละ 13 ต่อปี ทำให้มีช่วงแห่งความมั่งคั่ง ได้ผลตอบแทนร้อยละ 13 ต่อปี ยาวนานประมาณ 25 ปี และเมื่อดอกเบี้ยในธนาคารลดเหลือ 5% จนมาเหลือ 0.25% ต่อปี นาน 16 ปี ก็ยังสามารถได้ผลตอบแทนร้อยละ 13  ดังนั้นค่าเฉลี่ยผลตอบแทนระยะยาว 41 ปี อยู่ที่ร้อยละ 13 ต่อปี ทำให้เงินหนึ่งบาทเมื่อ 41 ปีที่แล้ว กลายเป็น 150 บาท หรือ 150 เท่า โดยไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างไร เพราะระบบทำให้เกิดคนชั้นกลางขึ้นมาจากดอกเบี้ย

-แต่คนอายุ 45 ปี เริ่มทำงานตอนอายุ 25 ปี มีเวลาทำงาน 20 ปี ในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยแล้วเท่ากับ 1-2%ต่อปี เมื่อคิดที่ 2% ในเวลา 20  ปี เงินหนึ่งบาทจะกลายเป็นเงิน 1.48 บาท ยังไม่ถึงสองเท่าตัว ทำให้สะสมความมั่งคั่งไม่ได้

-การลดดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้คนเราต้องเป็นนักลงทุนจำเป็น และส่วนมากจะพ่ายแพ้เกมการเงิน  

-การมีดอกเบี้ยเงินฝากที่มากกว่าร้อยละ 8 ต่อปี เป็นการสร้างชนชั้นกลางในอีก 30 ปีข้างหน้า
ความคิดเห็นที่ 2
ควรเข้าใจก่อนว่า
ไม่มีใครได้รถจากศึกษา
ไม่พ่อแม่อวยให้ ก็ต้องทำงานซื้อ
ไหนจะบางคนไม่ชอบอวดตัวก็มี
มันมี 108 เหตุผลถ้าคนไม่อยากซื้อ ครับ
คนไม่อยากได้ จบ เอก มาก็ไม่ซื้อ
คนอยากได้ จนแค่ไหน จบอะไรมา ก็ซื้อ ขอแค่ซื้อได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่