นักออกแบบมักใช้ฟอนต์ในการสร้างความรู้สึกบางอย่างให้กับแบรนด์ เช่น ความเชื่อใจ ความหรูหรา ความเป็นมิตร ฯลฯ ตัวกำหนดให้ฟอนต์มีความรู้สึกขึ้นมาก็คือสิ่งที่เรียกว่าจิตวิทยาฟอนต์ (Font psychology) มันคืออะไรนั้นมาทำความรู้จักกันเลย
ทุกอย่างรอบตัวสามารถปลุกความรู้สึกในตัวคุณได้ ทุก ๆ สิ่งที่รายล้อมคุณต้องการให้คุณรู้สึกอะไรบางอย่างเมื่อได้สัมผัส ซึ่งเป็นเรื่องที่นักออกแบบส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้ว
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมแบรนด์อย่าง Gucci, Prada และ Roll-Royce ถึงดูแพงและน่าเชื่อถือ ทำไมแบรนด์ Apple, Gymshark และ Nike ถึงดูมั่นใจและกล้าหาญ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เวทมนต์แต่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่ถูกคิดมาก่อนจะสร้างแบรนด์ใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น สี บรรจุภัณฑ์ การใช้ภาษา ฟอนต์ เป็นต้น
โดยสรุปคือนักออกแบบทุกคนต้องการให้คุณรู้สึกกับการออกแบบของเขา ในแบบที่พวกเขาอยากให้คุณรู้สึกเสมอ และแบบฟอนต์ที่เขาใช้ก็จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น มันเป็นเรื่องของจิตวิทยาการออกแบบตัวอักษร ให้ทุกคนที่มองรู้สึกอะไรกับตัวแบรนด์นั่นเอง
กระทู้นี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างของฟอนต์ที่สามารถปลุกอารมณ์คุณได้ในหลากหลายอารมณ์ ว่าแล้วก็มาดูกันเลย
Serif Fonts
ฟอนต์นี้มีการตวัดที่บริเวณต้นและปลายของอักษร มักใช้ในงานข่าวหนังสือพิมพ์ แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและความเป็นทางการ ในอดีตสื่อสิ่งพิมพ์มักใช้ฟอนต์นี้อย่างแพร่หลายเพราะง่ายต่อการอ่านจากซ้ายไปขวา ฟอนต์ในตระกูลที่เกี่ยวข้อง คือ
- Kotta One
- Bodoni Moda
- Didonesque
- Grenze
- Cinzel
Sans-Serif Fonts
เป็นฟอนต์ที่ดูมินิมอล สดใสและตรงไปตรงมา ส่วนมากใช้ในยุคปัจจุบันในอุตสาหกรรรมเทคโนโลยี ให้ความรู้สึกเท่ โฉบเฉี่ยวและสะอาดน่ามอง ถ้าคุณต้องการให้คนมองว่าแบรนด์คุณนั้นก้าวหน้า ฟอนต์ในตระกูลที่เกี่ยวข้อง คือ
- Lato
- Montserrat
- Noto Sans
- Poppins
- Arial
Script Fonts
ฟอนต์นี้จะแสดงให้เห็นถึงความคราฟของลายมือแบบดั้งเดิม คล้ายๆกับการตวัดพู่กันด้วยมือ เหมาะกับใช้ในงานแฟชั่น เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ฟอนต์ในตระกูลที่เกี่ยวข้อง คือ
- Berkshire Swash
- Lobster Two
- Parisienne
- Northwell
- MonteCarlo
Display Fonts
นี่คือฟอนต์ที่มีพลังในการดึงดูดสายตา สามารถนำไปผสมผสานกับฟอนต์อื่นได้อย่างลงตัว แต่มักไม่ถูกใช้กับตำแหน่งที่ฟอนต์ต้องตัวเล็ก นิยมใช้แบบขนาดใหญ่เท่านั้น เหมาะกับสินค้าเฟรนด์ลี่ เป็นมิตร อยากได้ความแตกต่าง
- Anton
- Baloo
- Norwester
- Ultra
- Mergim
ฟอนต์ที่ใช่ช่วยยกระดับแบรนด์คุณได้
ฟอนต์สามารถปลุกพลังแห่งอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ มีหลักการจิตวิทยามากมายรองรับ ถ้าคุณต้องการเลือกฟอนต์มาใช้งานให้ลองถามตัวเองว่า
- จุดยืนของแบรนด์คืออะไร?
- คู่แข่งคุณเป็นอย่างไร อะไรทำให้คุณเด่นกว่า?
- อยากให้ลูกค้าเห็นแบรนด์คุณแล้วรู้สึกอย่างไร?
ถ้าคุณตอบคำถามนี้ได้ คุณก็จะพบฟอนต์ที่ถูกใจของคุณได้อย่างแน่นอน
บทความโดย : How to Choose a Font That Conveys The Right Emotions
เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24
เลือกฟอนต์อย่างไรให้สื่ออารมณ์และโดนใจ
ทุกอย่างรอบตัวสามารถปลุกความรู้สึกในตัวคุณได้ ทุก ๆ สิ่งที่รายล้อมคุณต้องการให้คุณรู้สึกอะไรบางอย่างเมื่อได้สัมผัส ซึ่งเป็นเรื่องที่นักออกแบบส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้ว
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมแบรนด์อย่าง Gucci, Prada และ Roll-Royce ถึงดูแพงและน่าเชื่อถือ ทำไมแบรนด์ Apple, Gymshark และ Nike ถึงดูมั่นใจและกล้าหาญ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เวทมนต์แต่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่ถูกคิดมาก่อนจะสร้างแบรนด์ใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น สี บรรจุภัณฑ์ การใช้ภาษา ฟอนต์ เป็นต้น
โดยสรุปคือนักออกแบบทุกคนต้องการให้คุณรู้สึกกับการออกแบบของเขา ในแบบที่พวกเขาอยากให้คุณรู้สึกเสมอ และแบบฟอนต์ที่เขาใช้ก็จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น มันเป็นเรื่องของจิตวิทยาการออกแบบตัวอักษร ให้ทุกคนที่มองรู้สึกอะไรกับตัวแบรนด์นั่นเอง
กระทู้นี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างของฟอนต์ที่สามารถปลุกอารมณ์คุณได้ในหลากหลายอารมณ์ ว่าแล้วก็มาดูกันเลย
Serif Fonts
ฟอนต์นี้มีการตวัดที่บริเวณต้นและปลายของอักษร มักใช้ในงานข่าวหนังสือพิมพ์ แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและความเป็นทางการ ในอดีตสื่อสิ่งพิมพ์มักใช้ฟอนต์นี้อย่างแพร่หลายเพราะง่ายต่อการอ่านจากซ้ายไปขวา ฟอนต์ในตระกูลที่เกี่ยวข้อง คือ
ฟอนต์สามารถปลุกพลังแห่งอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ มีหลักการจิตวิทยามากมายรองรับ ถ้าคุณต้องการเลือกฟอนต์มาใช้งานให้ลองถามตัวเองว่า
- จุดยืนของแบรนด์คืออะไร?
- คู่แข่งคุณเป็นอย่างไร อะไรทำให้คุณเด่นกว่า?
- อยากให้ลูกค้าเห็นแบรนด์คุณแล้วรู้สึกอย่างไร?
ถ้าคุณตอบคำถามนี้ได้ คุณก็จะพบฟอนต์ที่ถูกใจของคุณได้อย่างแน่นอน
บทความโดย : How to Choose a Font That Conveys The Right Emotions
เรียบเรียงโดย : ทีมงานชัตเตอร์สต็อกประเทศไทย ดำเนินงานโดย นัมเบอร์ 24