ไม่รู้จะคุยที่ไหน เพราะตอนนี้อะไร ๆ ก็โดนดึงเข้าการเมืองเรื่องแบ่งข้างหมด
เลยคิดว่าที่นี่คงซอท์ฟสุด เพราะอย่างน้อยก็มีคำว่า old วิ่งไม่ทันผมแน่ เพราะผมแค่สูงวัยแต่ไม่ old
.
ขอคุยเรื่องคนสามคน
ที่ครองกระแส มีแควนขวับของใครของมันเชียร์กันนัวเนียแบบไม่คิดอะไรมาก เชียร์ตะบันอย่างเดียว มานานนับเดือน
คือเรื่อง ชูวิทย์ ทนายตั้ม สนธิ (ลิ้ม) ครับ
ผมค่อนข้างเอนไปทางทนายตั้ม
ต่อให้เขาเก็บค่าทนายแพง ๆ ไม่แค่หลักแสนสามแสนหรอกครับ ทีละสิบล้าน ร้อยล้าน มันก็เรื่องของเขา
ถ้าลูกความพอใจ มีเงินจ่าย มันก็แค่เรื่องธรรมดาระหว่างลูกความกับทนาย เหมือนนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้นแหละ
ไม่ใช่เป็นทนายแล้วต้องเขียม จน สมถะ ซะที่ไหน แถมต้องอุทิศตนเพื่อคนจน เพื่อสังคม บลา ๆ ๆ ยิ่งไม่ใช่เรื่องแน่ ๆ
มีคำในแวดวงทนายทั้งโลกอยู่คำหนึ่ง นั่นคือคำว่า ทนายไม่มีหัวใจ
(แต่ความจริง ทนายมีหัวใจก็เยอะ)
เพราะสิ่งที่ทนายความทำ คือ คิดแค่สองเรื่อง
หนึ่งคือ รายได้ ยิ่งมากยิ่งดี สอง เรื่องเอาชนะคดีเพื่อสร้างมูลค่าให้ตัวเอง
ด้วยหลักคิดแค่สองเรื่อง ทนายความจึงต้องทำทุกอย่างเล่นทุกท่า
อาศัยช่องทาง ช่องโหว่ เทคนิคทางกฎหมาย เพื่อไปสู่เป้าหมายของหลักคิดนี้
เคยมีขำขันว่า อภิมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ป่วยด้วยโรคหัวใจ ต้องเปลี่ยนหัวใจถึงจะรอด
หมอเสนอหัวใจวิ่ง นักว่ายน้ำ หัวใจคนวัยเยาว์ ฯลฯ มหาเศรษฐีก็ยังลังเลที่จะรับ ยังกลัวหวใจไม่แข็งแรงพอว่างั้นเถอะ
สุดท้าย หมอเลยเสนอ หัวใจทนายความ เท่านั้นแหละ มหาเศรษฐีโอเคทันที
ก็ค้องพิสูจน์ล่ะครับ ว่าทนายตั้มเกี่ยวโยงกับเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ ฉ้อฉลลูกความจนร่ำรวยหรือไม่
เวลาและข้อมูล หลักฐาน จะเป็นเรื่องพิสูจน์ ตอนนี้แควนขวับคุณชูวิทย์ก็ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน
.
คุณชูวิทย์ ผมเชื่อนะ ว่าเขาเกี่ยวโยงกับเรื่องเทา ๆ
เงินง่าย ๆ อยู่วงการนี้มาทั้งชีวิต รู้ทั้งคน รู้ทั้งครรลองสีเทา จะแฉใคร เรื่องอะไร ไม่ยากเลย
ประเด็นคือ คนอยู่ในวงการนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น
แต่มีเรื่องอื่นที่คนบางคนอยากได้ และอยากได้มากกว่าเงินเทา ๆ
นั่นคือ บารมี
นักฟุตบอล ก็อยากเก่งกว่าใครในทีม เพื่อน ๆ ซูฮก ยอมรับ
วงการเทา ๆ ผมก็ว่าเช่นเดียวกัน อยากยืนเด่น อยากมีพาว อยากให้คนในวงการซูฮก
สิ่งที่อยากได้ คือนี่แหละ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเทา ๆ ผมว่าคุณชูวิทย์อยู่ในหลุมดำตัวนี้ ผมเชื่อเช่นนั้น
รู้ว่าบารมีชักจะแกร่ง แควนขวับนับล้าน ว่าอะไรก็เชื่อก็เชียร์
ก็เผลอเกยตื้นได้ง่าย ๆ ครับ
ตอนนี้ลีลา ข้าชั่ว(ข้าลูกผู้ชายนะ ยอมรับว่าชั่ว) แต่เอ็งเลวกว่า จึงถูกใช้อย่างหนัก เพื่อรักษาบารมีเทา ๆ
.
มาถึงสนธิ ลิ้มทองกุล
เห็นเขาวิจารณ์ ตอบโต้ แฉ คุณชูวิทย์แล้ว ได้แต่ขำครับ ความน่าเชื่อถือสำหรับผมคือ 0
ทำอะไรก็เจ๊ง ก่อม็อบก็ยังทำให้ประเทศเจ๊ง แต่รวย
ล้มละลายสองสามรอบ เจ้าหนี้ตาปริบ ๆ แต่สนธิยังอยู่ดีมีสุข ทรัพย์สินไม่รู้ถ่ายโอนไปไหน เจ้าหนี้ยึดอะไรไม่ได้
คนทำสื่อ แต่ไม่ได้รวยเพราะทำสื่อ ไม่รู้รวยเพราะอะไร
อย่างขรรค์ชัย บุนปาน อย่างสุทธิชัย หยุ่น เขารวยเพราะทำสื่อจริง ๆ หลักร้อยล้าน
เยอะครับ ทำให้นึกถึงเรื่อง "ซองขาว" ที่คุณบุญเลิศ ช้างใหญ่ เขียนไว้
สื่อพวกนี้มีเยอะ รวยเพราะอาศัยความเป็นสื่อ ไม่ได้รวยเพราะอาชีพสื่อจริง ๆ
ไม่มีใครกล้าตอบโต้สนธิ แต่ชูวิทย์กล้า
สนธิออกอาการแกว่งนะครับ อย่างเรื่องคดีติดคุก สนธิพูดตลอดว่าเป็นเรื่องการเมือง
แต่พอโดนชุวิทย์แฉ นั่นแหละ สนธิถึงต้องยอมรับพูดว่า ติดคุกเพราะผิดกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ (แต่ไม่ได้โกงใครนะ 55555 )
สนธิเก่ง(ในทางดี ?) ใช้ลีลาตอบโต้ชูวิทย์ได้ดี นี่แหละความสามารถเดียวของสนธิที่ผมเห็น
นอกนั้นอาศัยประสบการณ์ ชั้นเชิง มั่วดั้นไป โดยเฉพาะลีลาวาทกรรมคำว่า องค์ความรู้ กับ ความจริงมีหนึ่งเดียว
ได้ยินทีไร ขำปวดตับทุกที
.
สังคมได้อะไร ?
ผมว่า สังคมได้ความบันเทิงเท่านั้นแหละครับ ประสาสังคมไทย ใครทะเลาะกัน มันส์พะยะค่ะพะยะครับกันทั้งเมือง
ถ้าสามคนร่วมมือกัน ถ่ายทอดสดยี่สิบสี่ชั่วโมง ว่าใครกำลังทำอะไร จะแฉใครยัง ผมว่ายอดดูคงเกือบทั้งประเทศ
น่าทำนะครับ เรทติ้งพุ่ง รายได้หลังไหล หารสาม ถือว่าเป็นค่าแถลงข่าว เอ๊ย ค่าทะเลาะกันให้ชาวบ้านดู
ที่สังคมน่าสนใจ คือ วงการตำรวจมากกว่าครับ
กระหึ่มเมืองขนาดนี้ ขนาดมองเห็นว่าตำรวจคนไหนเกี่ยวโยง ตำรวจเขาก็เฉย ๆ กัน หรือเล่นกันพองั้น ๆ
ผมว่าเพราะเงินมันถึงนั่นแหละ ขืนเล่นกันเองจริงจัง ก็อดถ้วนหน้า
ส่วนรัฐบาล โดยเฉพาะลุงตู่ของสลิ่ม ยิ่งเฉย ทั้งที่กำกับดูแลบังคับบัญชาตำรวจโดยตรง
คงกลัวโคลนจะกระเด็นมาโดนตัวเอง เลยต้องทำเฉย ออกตัวแค่ว่า สั่งไปแล้ว มีคนดูแลแล้ว ชิ่งเนียน ๆ
.
จบ
ขอแวะที่นี่สักนิดครับ แม้จะยังไม่ old
ไม่รู้จะคุยที่ไหน เพราะตอนนี้อะไร ๆ ก็โดนดึงเข้าการเมืองเรื่องแบ่งข้างหมด
เลยคิดว่าที่นี่คงซอท์ฟสุด เพราะอย่างน้อยก็มีคำว่า old วิ่งไม่ทันผมแน่ เพราะผมแค่สูงวัยแต่ไม่ old
ที่ครองกระแส มีแควนขวับของใครของมันเชียร์กันนัวเนียแบบไม่คิดอะไรมาก เชียร์ตะบันอย่างเดียว มานานนับเดือน
คือเรื่อง ชูวิทย์ ทนายตั้ม สนธิ (ลิ้ม) ครับ
ผมค่อนข้างเอนไปทางทนายตั้ม
ต่อให้เขาเก็บค่าทนายแพง ๆ ไม่แค่หลักแสนสามแสนหรอกครับ ทีละสิบล้าน ร้อยล้าน มันก็เรื่องของเขา
ถ้าลูกความพอใจ มีเงินจ่าย มันก็แค่เรื่องธรรมดาระหว่างลูกความกับทนาย เหมือนนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้นแหละ
ไม่ใช่เป็นทนายแล้วต้องเขียม จน สมถะ ซะที่ไหน แถมต้องอุทิศตนเพื่อคนจน เพื่อสังคม บลา ๆ ๆ ยิ่งไม่ใช่เรื่องแน่ ๆ
มีคำในแวดวงทนายทั้งโลกอยู่คำหนึ่ง นั่นคือคำว่า ทนายไม่มีหัวใจ
(แต่ความจริง ทนายมีหัวใจก็เยอะ)
เพราะสิ่งที่ทนายความทำ คือ คิดแค่สองเรื่อง
หนึ่งคือ รายได้ ยิ่งมากยิ่งดี สอง เรื่องเอาชนะคดีเพื่อสร้างมูลค่าให้ตัวเอง
ด้วยหลักคิดแค่สองเรื่อง ทนายความจึงต้องทำทุกอย่างเล่นทุกท่า
อาศัยช่องทาง ช่องโหว่ เทคนิคทางกฎหมาย เพื่อไปสู่เป้าหมายของหลักคิดนี้
เคยมีขำขันว่า อภิมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ป่วยด้วยโรคหัวใจ ต้องเปลี่ยนหัวใจถึงจะรอด
หมอเสนอหัวใจวิ่ง นักว่ายน้ำ หัวใจคนวัยเยาว์ ฯลฯ มหาเศรษฐีก็ยังลังเลที่จะรับ ยังกลัวหวใจไม่แข็งแรงพอว่างั้นเถอะ
สุดท้าย หมอเลยเสนอ หัวใจทนายความ เท่านั้นแหละ มหาเศรษฐีโอเคทันที
ก็ค้องพิสูจน์ล่ะครับ ว่าทนายตั้มเกี่ยวโยงกับเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ ฉ้อฉลลูกความจนร่ำรวยหรือไม่
เวลาและข้อมูล หลักฐาน จะเป็นเรื่องพิสูจน์ ตอนนี้แควนขวับคุณชูวิทย์ก็ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน