รีวิว Healthworld Spa จิมจิลบัง ออนเซนและ สปา ใจกลางเมืองย่านอโศก ที่มีความหลากหลายและครบครัน
สวัสดีเพื่อนๆ Japanese Club Thailand ทุกท่านครับ แอดมินได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม ออนเซน ที่มีการรีโนเวทและรีแบรนใหม่ ชื่อว่า HealthWorld SPA ซึ่งที่นี่มีจุดเด่นน่าสนใจหลายๆอย่างเลย วันนี้จะมารีวิวให้ชมกันครับ
Healthworld Spa ตั้งอยู่ที่ อาคารจอดรถของโรงแรม Column Bangkok บริเวณซอย สุขุมวิท 16 ครับ เดินเข้าซอยมาประมาณ 200 เมตรครับ ใครที่ใช้รถไฟฟ้าสามารถลงสถานี BTS อโศก หรือ MRT สุขุมวิท แล้วเดินมาได้ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีครับ เป็นอาคารตึกเดียวกับ Foodland ครับหาไม่ยาก
สปาและออนเซนตั้งอยู่ที่ชั้น 10 ครับ กดลิฟท์ขึ้นมาก็จะพบกับ Reception ของสปาที่มีการตกแต่งในแนวคลีน สะอาดตา และดูทันสมัยครับ
สำหรับการใช้บริการออนเซน และสปา จะมีให้เรากรอกประวัติ โรคประจำตัว และรายละเอียดต่างๆให้ครบก่อน หลังจากนั้นก็ชำระเงิน ค่าบริการออนเซนแบบ One day pass คือ 590 บาท อยู่ได้ทั้งวันครับตั้งแต่ร้านเปิด 11 โมงจนถึงร้านปิด 4 ทุ่ม แล้วรับผ้าเช็ดตัว พร้อมชุดสปาได้เลยครับ โดยที่นี่จะมีผ้าเช็ดตัว ผืนใหญ่ ผืนเล็ก เสื้อ กางเกง และชุดชั้นในสปาให้ครับ รวมทั้ง Wristband สำหรับเปิดปิดล๊อคเกอร์ครับ
แต่ละช่วง ที่นี่จะมีการจัดโปรโมชั่นตลอด สามารถดูได้ที่เคาท์เตอร์เลยครับ สำหรับแพ๊คเกจนวด และสปา ก็มีหลากหลายครับ ทั้งนวดไทย นวดคอบ่าไหล่ และนวดน้ำมันครับ โดย Therapist ที่นี่จะเป็นผู้หญิงล้วน อัธยาศัยดี จากที่ได้ลองพูดคุยครับ
เมื่อได้เสื้อผ้าและชุดแล้ว ให้เดินเข้ามาที่ส่วนของล๊อคเกอร์ครับ จะมีแยกส่วนให้เก็บระหว่าง รองเท้า กับ สัมภาระอื่นๆ โดยให้เลือกล๊อคเกอร์หมายเลขที่ตรงกับ Wristband ของเราครับ
วันนี้จะมารีวิวเริ่มต้นที่ส่วนของออนเซนให้ชมกันก่อนครับ โดยออนเซนที่นี่ จะมีทั้งโซนรวม และโซนแยกชายหญิงครับ
โซนออนเซนรวมจะมี 5 บ่อ อุณหภูมิเริ่มต้นที่ 18 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 42 องศาเซลเซียสครับ การเข้าใช้โซนรวมเราจะต้องสวมชุดชั้นในที่ทางสปาได้เตรียมให้นะครับ ตัวบ่อมีการเล่นแสงสีอย่างดี และดูน่าสนใจครับนอกจากนี้ยังมี Facility อื่นๆเช่น บ่อ Pebble walk path สำหรับเดินนวดเท้า, Fantasy Rain Shower สำหรับเดินอาบน้ำท่ามกลางแสงสี, Stream Room อบไอน้ำ, และ Sauna Room ซาวน่าครับ
ในส่วนของออนเซน ตามที่สอบถามมาทราบว่ามีการเปลี่ยนน้ำ 50% ของบ่อ ในทุกๆวัน และมีการล้างใหญ่ทำความสะอาดสัปดาห์ละ 1 ครั้งครับ ซึ่งถือว่าโอเค เพราะผู้มาใช้บริการถือว่าไม่มาก การเปลี่ยนน้ำ 50% ทุกวันก็ถือว่าเพียงพอครับ
ต่อมาเรามาดูที่โซนแยกบ้างนะครับ อันนี้ต้องขอนำรูปจากในเว็บมาลงนะครับ เนื่องจากตอนที่ไปทำรีวิวมีลูกค้าใช้บริการอยู่ จึงไม่ได้ถ่ายรูปในโซนแยกชายหญิงมาครับ
ห้องน้ำตรงล๊อคเกอร์จะมีโซนห้องสุขา อ่างล้างมืออยู่ก่อนเข้าออนเซนและโซนอาบน้ำแยกครับ
ซึ่งที่บริเวณห้องอาบน้ำจะมีป้ายแปะตรงประตูอธิบายโซนนี้อนุญาตให้นำผ้าขนหนูผืนเล็กเข้าไปเท่านั้น ดั้งนั้นชุดและเสื้อผ้าเราต้องเปลี่ยนอยู่ตรงล๊อคเกอร์ครับเข้าไปไม่ได้
ห้องอาบน้ำแบบญี่ปุ่นขนาดใหญ่โล่งโปร่งสบาย ในโซนอาบน้ำมีบ่อแช่ออนเซ็น (แยกเฉพาะชายและหญิง) ตรงกลาง 1 บ่อครับ การตั้งอุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 40.5 องศาเซลเซียส ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่า ร้อนไปนิดครับ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ส่วนนี้เราแช่ได้ผ่อนคลายยาวๆ เพราะอยู่ในห้องน้ำแยก อยากให้ลดลงมาอยู่ประมาณ 38 องศาเซลเซียส จะกำลังดีครับ น้ำในบ่อค่อนข้างสะอาด มีการหมุนเวียนได้ดีและมี UV ฆ่าเชื้อโรคเช่นกันครับ
ถัดมาเป็นโซนอาบน้ำจะออกแบบมาตามสไตล์แบบญี่ปุ่นครับ มีทั้งแบบยืนอาบ และแบบนั่งอาบ และจุดเด่นไฮไลท์คือ มีโซนพ่นน้ำรอบตัวโดยใช้เซนเซอร์ ซึ่งน้ำแรงถูกใจมากๆครับ และน้ำออกมาจากรอบทิศทางเลยทีเดียวครับ สำหรับสบู่ และแชมพู เป็นเกรดมาตรฐานเหมือนโรงแรมทั่วๆไปครับ จำนวนฝักบัวอาบน้ำ แบบนั่ง 6 อัน แบบยืน 5 อัน แบบเครื่องพ่นน้ำรอบทิศทาง 1 อัน
ในโซนอาบน้ำ นอกจากมีบ่อ และที่อาบน้ำแล้ว ยังมีห้องซาวน่าให้ใช้บริการได้ด้วยครับ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี เพราะเราสามารถซาวน่าแล้วสลับมาอาบน้ำได้เลย โดยที่ไม่ต้องเดินออกไปที่โซนรวมครับ นอกจากนี้ยังมีห้อง scrub room ทั้งโซนชายและหญิง สำหรับคนที่ชื่นชอบนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาสครับตัวก่อนและหลังซาวน่าหรือแช่ตัวได้อีกด้วยครับ
หลังจากออนเซนและอาบน้ำเสร็จแล้ว ที่นี่มีครีมให้ทาผิว และเราก็แต่งตัวชุดสปา ไปใช้บริการโซนห้องต่างๆด้านนอกได้เลยครับ ซึ่งจะมีอยู่หลายห้อง ผมจะทยอยแนะนำให้ครับ
1. ห้องร้อน HOT ROOM
ห้องนี้กระตุ้นการทำงานของหัวใจและเลือด เปรียบเสมือนซาวน่าย่อมๆครับ แต่ความร้อนจะน้อยกว่าหน่อยครับ ในห้องมีตกแต่งคล้ายๆเตาถ่ายจุดไฟอยู่ แต่ไม่ต้องตกใจ เป็นเพียงภาพกราฟฟิค ไม่ใช่ไฟจริงๆครับ ดังนั้นสามารถนั่งได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องควันหรือก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์แต่อย่างใด
2. ห้องเย็น SNOW Room
ห้องนี้จะมีความเย็นสูงมาก และมีเกล็ดหิมะบริเวณรอบๆห้องครับ เหมาะสำหรับนั่งสลับกับห้องร้อน เพื่อให้ผ่อนคลายครับ
3. ห้องไม้ HINOKI
ทั้งห้องจะมีการตกแต่งด้วย HINOKI ไม้ฮิโนกิเป็นไม้ตระกูลสน ที่มีคุณสมบัติการบำบัด สูดดมเข้าไปจะรู้สึกหอมสดชื่นครับ และคุณสมบัติที่โดดเด่นของไม้ฮิโนกิคือ แก้หวัด ลดไวรัสหวัด โพรงจมูกอักเสบ ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยเรื่องไมเกรน แถมให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วยครับ
4. ห้องเกลือ HIMALAYAN SALT ROOM
ห้องนี้เท่าที่หาข้อมูลมาพบว่าช่วยบำบัดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือโรคผิวหนัง เพราะเกลือมีสารต้านความอักเสบ และเชื้อแบคทีเรีย ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่างๆ และยังช่วยให้นอนกลับได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญห้องเกลือที่นี่ใหญ่มากๆๆ ครับ ได้ยินมาว่าเป็นห้องเกลือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยนะครับ จริงหรือไม่คงต้องมาพิสูจน์ดูครับ
5. ห้องถ่าน CHARCOAL ROOM
ด้วยคุณสมบัติของถ่านบริสุทธิ์ ซึ่งช่วยดูดซับจุลินทรย์, กลิ่น เชื้อโรค และช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิต ปรับสมดุลความเครียด
6. ห้องดินแดงเผา RED CLAY ROOM
ห้องนี้แอดมินชอบมากเป็นพิเศษเพราะมีความโปร่ง โล่ง และอุณหภูมิกำลังดี ช่วยในการผ่อนคลายและทำให้เรามีสมาธิครับ นอกจากนี้คุณสมบัติของประจุที่ดินแดงปล่อยออกมา จะทำให้ร่างกายมีความเป็นด่าง สร้างสมดุล ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต สลายมลพิษในผิว ดูแลผิว และยังช่วยต่อต้านริ้วรอยได้อีกด้วย
ต่อไปเรามาดูส่วนของสปากันบ้างครับ ที่นี่มีทั้งบริการนวด Aroma นวดไทย นวดคอบ่าไหล่ และนวดเท้า ราคาถือว่าค่อนข้างดีครับไม่แพงครับ
เริ่มที่แพ๊คเกจการนวดน้ำมัน การนวดน้ำมันเราจะได้ห้องที่เป็นส่วนตัวครับ ซึ่งมีรวมๆประมาณ 10 กว่าห้องได้ครับ ในห้องจะมีเตียง ตกแต่งแนวไทยๆ พร้อมทั้งฝักบัวอาบน้ำในห้องครับ น้ำมันนวดมีความหอม และเกรดค่อนข้างดี เวลานวดเราอยากให้ Therapist เน้นส่วนไหน สามารถบอกเค้าได้เลย จะให้นวดแรงนวดเบาก็บอกได้ครับ สำหรับราคา AROMA MASSAGE 90 นาที จะอยู่ที่ 1290 บาทครับ (ทางร้านมีโปรโมชั่นก็จะราคาถูกลงไปอีกครับ) ซึ่งการนวดน้ำมันจะมีชุดชั้นในสปาให้ใส่ตอนนวดด้วยครับ รูปนี้ถ่ายบรรยากาศของห้องมาให้ชมกันครับ
ต่อไปเรามาดูที่การนวด คอ บ่า ไหล่ และนวดไทยบ้างครับ สำหรับในส่วนนี้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะนวดในห้องปกติ หรือในห้องที่เป็นส่วนพักผ่อนของออนเซนได้เช่นกันครับ ราคาจะเริ่มต้นที่ 990 บาท สำหรับแพ๊คเกจ 60 นาทีครับ หรือถ้าหากว่าเราเลือกนวดในห้องพักผ่อนของโซนออนเซ็น สามารถเลือกได้ 4 ห้อง ดังนี้ครับ HINOKI, SALT ROOM, CHARCOAL, RED CLAY ซึ่งข้อดีและความโดดเด่นของการนวดใน 4 ห้องนี้คือ เราจะได้รับความผ่อนคลายจากการนวดพร้อมๆ กับการบำบัดรักษาร่างกายแบบธรรมชาติด้วยคุณสมบัติของทั้ง 4 ห้องนี้ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ซึ่งทาง Therapist จะมีการปูเสื่อและผ้าให้ในห้องดังกล่าวครับ ราคาจะมีการบวกเพิ่มเล็กน้อยจากปกติโดยเริ่มต้นที่ 1190 บาทครับ (ราคาที่แจ้งไปยังไม่ได้ลดนะครับ ราคาโปรโมชั่นก็จะถูกลงกว่านี้อีกพอสมควรครับ)
วันนี้จะสาธิตการนวดในห้องต่างๆทั้ง 4 ห้องให้ดูบรรยากาศและการจัดวางพื้นที่นะครับ
นวดไทย ในห้องไม้ HINOKI สงบผ่อนคลาย พร้อมกลิ่นไม้หอมๆตลอดการนวด

นวดไทย ในห้องเกลือ SALT ROOM ได้บรรยากาศแปลกใหม่ ในสีสรรแสงไฟที่น่าตื่นเต้น นวดผ่อนคลายพร้อมๆ กับการบำบัดร่างกายด้วยไอเกลือ

นวดคอบ่าไหล่ ห้องดินเผา RED CLAY สงบ มีสมาธิ ในห้องที่โปร่งกว้างสบาย

นวดไทย ห้องถ่าน CHARCOAL ผ่อนคลาย อากาศบริสุทธิ์ ด้วยถ่านไม้บริสุทธิ์ฟอกอากาศ

ที่ HealthWorld SPA มีบริการนวดเท้าด้วยนะครับ จะอยู่ตรงบริเวณห้องกระจกก่อนถึงออนเซนครับ บริเวณโถงกลางระหว่างห้องต่างๆ

หลังจากนวดเสร็จแล้ว ที่นี่ยังมีพื้นที่ส่วนกลางให้เราสามารถนั่งเล่น นั่งคุย หรือนั่งดูทีวีได้ด้วย จัดเป็นมุมนั่งพื้นชิลๆ สบายๆเหมือนอยู่บ้านครับ
[SR] รีวิว HealthWorld Spa จิมจิลบัง ออนเซนและ สปา ใจกลางเมืองย่านอโศก ที่มีความหลากหลายและครบครัน
สวัสดีเพื่อนๆ Japanese Club Thailand ทุกท่านครับ แอดมินได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม ออนเซน ที่มีการรีโนเวทและรีแบรนใหม่ ชื่อว่า HealthWorld SPA ซึ่งที่นี่มีจุดเด่นน่าสนใจหลายๆอย่างเลย วันนี้จะมารีวิวให้ชมกันครับ
Healthworld Spa ตั้งอยู่ที่ อาคารจอดรถของโรงแรม Column Bangkok บริเวณซอย สุขุมวิท 16 ครับ เดินเข้าซอยมาประมาณ 200 เมตรครับ ใครที่ใช้รถไฟฟ้าสามารถลงสถานี BTS อโศก หรือ MRT สุขุมวิท แล้วเดินมาได้ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีครับ เป็นอาคารตึกเดียวกับ Foodland ครับหาไม่ยาก
สปาและออนเซนตั้งอยู่ที่ชั้น 10 ครับ กดลิฟท์ขึ้นมาก็จะพบกับ Reception ของสปาที่มีการตกแต่งในแนวคลีน สะอาดตา และดูทันสมัยครับ
สำหรับการใช้บริการออนเซน และสปา จะมีให้เรากรอกประวัติ โรคประจำตัว และรายละเอียดต่างๆให้ครบก่อน หลังจากนั้นก็ชำระเงิน ค่าบริการออนเซนแบบ One day pass คือ 590 บาท อยู่ได้ทั้งวันครับตั้งแต่ร้านเปิด 11 โมงจนถึงร้านปิด 4 ทุ่ม แล้วรับผ้าเช็ดตัว พร้อมชุดสปาได้เลยครับ โดยที่นี่จะมีผ้าเช็ดตัว ผืนใหญ่ ผืนเล็ก เสื้อ กางเกง และชุดชั้นในสปาให้ครับ รวมทั้ง Wristband สำหรับเปิดปิดล๊อคเกอร์ครับ
แต่ละช่วง ที่นี่จะมีการจัดโปรโมชั่นตลอด สามารถดูได้ที่เคาท์เตอร์เลยครับ สำหรับแพ๊คเกจนวด และสปา ก็มีหลากหลายครับ ทั้งนวดไทย นวดคอบ่าไหล่ และนวดน้ำมันครับ โดย Therapist ที่นี่จะเป็นผู้หญิงล้วน อัธยาศัยดี จากที่ได้ลองพูดคุยครับ
เมื่อได้เสื้อผ้าและชุดแล้ว ให้เดินเข้ามาที่ส่วนของล๊อคเกอร์ครับ จะมีแยกส่วนให้เก็บระหว่าง รองเท้า กับ สัมภาระอื่นๆ โดยให้เลือกล๊อคเกอร์หมายเลขที่ตรงกับ Wristband ของเราครับ
วันนี้จะมารีวิวเริ่มต้นที่ส่วนของออนเซนให้ชมกันก่อนครับ โดยออนเซนที่นี่ จะมีทั้งโซนรวม และโซนแยกชายหญิงครับ
โซนออนเซนรวมจะมี 5 บ่อ อุณหภูมิเริ่มต้นที่ 18 องศาเซลเซียส ไปจนถึง 42 องศาเซลเซียสครับ การเข้าใช้โซนรวมเราจะต้องสวมชุดชั้นในที่ทางสปาได้เตรียมให้นะครับ ตัวบ่อมีการเล่นแสงสีอย่างดี และดูน่าสนใจครับนอกจากนี้ยังมี Facility อื่นๆเช่น บ่อ Pebble walk path สำหรับเดินนวดเท้า, Fantasy Rain Shower สำหรับเดินอาบน้ำท่ามกลางแสงสี, Stream Room อบไอน้ำ, และ Sauna Room ซาวน่าครับ
ในส่วนของออนเซน ตามที่สอบถามมาทราบว่ามีการเปลี่ยนน้ำ 50% ของบ่อ ในทุกๆวัน และมีการล้างใหญ่ทำความสะอาดสัปดาห์ละ 1 ครั้งครับ ซึ่งถือว่าโอเค เพราะผู้มาใช้บริการถือว่าไม่มาก การเปลี่ยนน้ำ 50% ทุกวันก็ถือว่าเพียงพอครับ
ต่อมาเรามาดูที่โซนแยกบ้างนะครับ อันนี้ต้องขอนำรูปจากในเว็บมาลงนะครับ เนื่องจากตอนที่ไปทำรีวิวมีลูกค้าใช้บริการอยู่ จึงไม่ได้ถ่ายรูปในโซนแยกชายหญิงมาครับ
ห้องน้ำตรงล๊อคเกอร์จะมีโซนห้องสุขา อ่างล้างมืออยู่ก่อนเข้าออนเซนและโซนอาบน้ำแยกครับ
ซึ่งที่บริเวณห้องอาบน้ำจะมีป้ายแปะตรงประตูอธิบายโซนนี้อนุญาตให้นำผ้าขนหนูผืนเล็กเข้าไปเท่านั้น ดั้งนั้นชุดและเสื้อผ้าเราต้องเปลี่ยนอยู่ตรงล๊อคเกอร์ครับเข้าไปไม่ได้
ห้องอาบน้ำแบบญี่ปุ่นขนาดใหญ่โล่งโปร่งสบาย ในโซนอาบน้ำมีบ่อแช่ออนเซ็น (แยกเฉพาะชายและหญิง) ตรงกลาง 1 บ่อครับ การตั้งอุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 40.5 องศาเซลเซียส ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่า ร้อนไปนิดครับ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ส่วนนี้เราแช่ได้ผ่อนคลายยาวๆ เพราะอยู่ในห้องน้ำแยก อยากให้ลดลงมาอยู่ประมาณ 38 องศาเซลเซียส จะกำลังดีครับ น้ำในบ่อค่อนข้างสะอาด มีการหมุนเวียนได้ดีและมี UV ฆ่าเชื้อโรคเช่นกันครับ
ถัดมาเป็นโซนอาบน้ำจะออกแบบมาตามสไตล์แบบญี่ปุ่นครับ มีทั้งแบบยืนอาบ และแบบนั่งอาบ และจุดเด่นไฮไลท์คือ มีโซนพ่นน้ำรอบตัวโดยใช้เซนเซอร์ ซึ่งน้ำแรงถูกใจมากๆครับ และน้ำออกมาจากรอบทิศทางเลยทีเดียวครับ สำหรับสบู่ และแชมพู เป็นเกรดมาตรฐานเหมือนโรงแรมทั่วๆไปครับ จำนวนฝักบัวอาบน้ำ แบบนั่ง 6 อัน แบบยืน 5 อัน แบบเครื่องพ่นน้ำรอบทิศทาง 1 อัน
ในโซนอาบน้ำ นอกจากมีบ่อ และที่อาบน้ำแล้ว ยังมีห้องซาวน่าให้ใช้บริการได้ด้วยครับ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี เพราะเราสามารถซาวน่าแล้วสลับมาอาบน้ำได้เลย โดยที่ไม่ต้องเดินออกไปที่โซนรวมครับ นอกจากนี้ยังมีห้อง scrub room ทั้งโซนชายและหญิง สำหรับคนที่ชื่นชอบนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาสครับตัวก่อนและหลังซาวน่าหรือแช่ตัวได้อีกด้วยครับ
หลังจากออนเซนและอาบน้ำเสร็จแล้ว ที่นี่มีครีมให้ทาผิว และเราก็แต่งตัวชุดสปา ไปใช้บริการโซนห้องต่างๆด้านนอกได้เลยครับ ซึ่งจะมีอยู่หลายห้อง ผมจะทยอยแนะนำให้ครับ
1. ห้องร้อน HOT ROOM
ห้องนี้กระตุ้นการทำงานของหัวใจและเลือด เปรียบเสมือนซาวน่าย่อมๆครับ แต่ความร้อนจะน้อยกว่าหน่อยครับ ในห้องมีตกแต่งคล้ายๆเตาถ่ายจุดไฟอยู่ แต่ไม่ต้องตกใจ เป็นเพียงภาพกราฟฟิค ไม่ใช่ไฟจริงๆครับ ดังนั้นสามารถนั่งได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องควันหรือก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์แต่อย่างใด
2. ห้องเย็น SNOW Room
ห้องนี้จะมีความเย็นสูงมาก และมีเกล็ดหิมะบริเวณรอบๆห้องครับ เหมาะสำหรับนั่งสลับกับห้องร้อน เพื่อให้ผ่อนคลายครับ
3. ห้องไม้ HINOKI
ทั้งห้องจะมีการตกแต่งด้วย HINOKI ไม้ฮิโนกิเป็นไม้ตระกูลสน ที่มีคุณสมบัติการบำบัด สูดดมเข้าไปจะรู้สึกหอมสดชื่นครับ และคุณสมบัติที่โดดเด่นของไม้ฮิโนกิคือ แก้หวัด ลดไวรัสหวัด โพรงจมูกอักเสบ ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยเรื่องไมเกรน แถมให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วยครับ
4. ห้องเกลือ HIMALAYAN SALT ROOM
ห้องนี้เท่าที่หาข้อมูลมาพบว่าช่วยบำบัดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือโรคผิวหนัง เพราะเกลือมีสารต้านความอักเสบ และเชื้อแบคทีเรีย ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่างๆ และยังช่วยให้นอนกลับได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญห้องเกลือที่นี่ใหญ่มากๆๆ ครับ ได้ยินมาว่าเป็นห้องเกลือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยนะครับ จริงหรือไม่คงต้องมาพิสูจน์ดูครับ
5. ห้องถ่าน CHARCOAL ROOM
ด้วยคุณสมบัติของถ่านบริสุทธิ์ ซึ่งช่วยดูดซับจุลินทรย์, กลิ่น เชื้อโรค และช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิต ปรับสมดุลความเครียด
6. ห้องดินแดงเผา RED CLAY ROOM
ห้องนี้แอดมินชอบมากเป็นพิเศษเพราะมีความโปร่ง โล่ง และอุณหภูมิกำลังดี ช่วยในการผ่อนคลายและทำให้เรามีสมาธิครับ นอกจากนี้คุณสมบัติของประจุที่ดินแดงปล่อยออกมา จะทำให้ร่างกายมีความเป็นด่าง สร้างสมดุล ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต สลายมลพิษในผิว ดูแลผิว และยังช่วยต่อต้านริ้วรอยได้อีกด้วย
ต่อไปเรามาดูส่วนของสปากันบ้างครับ ที่นี่มีทั้งบริการนวด Aroma นวดไทย นวดคอบ่าไหล่ และนวดเท้า ราคาถือว่าค่อนข้างดีครับไม่แพงครับ
เริ่มที่แพ๊คเกจการนวดน้ำมัน การนวดน้ำมันเราจะได้ห้องที่เป็นส่วนตัวครับ ซึ่งมีรวมๆประมาณ 10 กว่าห้องได้ครับ ในห้องจะมีเตียง ตกแต่งแนวไทยๆ พร้อมทั้งฝักบัวอาบน้ำในห้องครับ น้ำมันนวดมีความหอม และเกรดค่อนข้างดี เวลานวดเราอยากให้ Therapist เน้นส่วนไหน สามารถบอกเค้าได้เลย จะให้นวดแรงนวดเบาก็บอกได้ครับ สำหรับราคา AROMA MASSAGE 90 นาที จะอยู่ที่ 1290 บาทครับ (ทางร้านมีโปรโมชั่นก็จะราคาถูกลงไปอีกครับ) ซึ่งการนวดน้ำมันจะมีชุดชั้นในสปาให้ใส่ตอนนวดด้วยครับ รูปนี้ถ่ายบรรยากาศของห้องมาให้ชมกันครับ
ต่อไปเรามาดูที่การนวด คอ บ่า ไหล่ และนวดไทยบ้างครับ สำหรับในส่วนนี้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะนวดในห้องปกติ หรือในห้องที่เป็นส่วนพักผ่อนของออนเซนได้เช่นกันครับ ราคาจะเริ่มต้นที่ 990 บาท สำหรับแพ๊คเกจ 60 นาทีครับ หรือถ้าหากว่าเราเลือกนวดในห้องพักผ่อนของโซนออนเซ็น สามารถเลือกได้ 4 ห้อง ดังนี้ครับ HINOKI, SALT ROOM, CHARCOAL, RED CLAY ซึ่งข้อดีและความโดดเด่นของการนวดใน 4 ห้องนี้คือ เราจะได้รับความผ่อนคลายจากการนวดพร้อมๆ กับการบำบัดรักษาร่างกายแบบธรรมชาติด้วยคุณสมบัติของทั้ง 4 ห้องนี้ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ซึ่งทาง Therapist จะมีการปูเสื่อและผ้าให้ในห้องดังกล่าวครับ ราคาจะมีการบวกเพิ่มเล็กน้อยจากปกติโดยเริ่มต้นที่ 1190 บาทครับ (ราคาที่แจ้งไปยังไม่ได้ลดนะครับ ราคาโปรโมชั่นก็จะถูกลงกว่านี้อีกพอสมควรครับ)
วันนี้จะสาธิตการนวดในห้องต่างๆทั้ง 4 ห้องให้ดูบรรยากาศและการจัดวางพื้นที่นะครับ
นวดไทย ในห้องไม้ HINOKI สงบผ่อนคลาย พร้อมกลิ่นไม้หอมๆตลอดการนวด
นวดไทย ในห้องเกลือ SALT ROOM ได้บรรยากาศแปลกใหม่ ในสีสรรแสงไฟที่น่าตื่นเต้น นวดผ่อนคลายพร้อมๆ กับการบำบัดร่างกายด้วยไอเกลือ
นวดคอบ่าไหล่ ห้องดินเผา RED CLAY สงบ มีสมาธิ ในห้องที่โปร่งกว้างสบาย
นวดไทย ห้องถ่าน CHARCOAL ผ่อนคลาย อากาศบริสุทธิ์ ด้วยถ่านไม้บริสุทธิ์ฟอกอากาศ
ที่ HealthWorld SPA มีบริการนวดเท้าด้วยนะครับ จะอยู่ตรงบริเวณห้องกระจกก่อนถึงออนเซนครับ บริเวณโถงกลางระหว่างห้องต่างๆ
หลังจากนวดเสร็จแล้ว ที่นี่ยังมีพื้นที่ส่วนกลางให้เราสามารถนั่งเล่น นั่งคุย หรือนั่งดูทีวีได้ด้วย จัดเป็นมุมนั่งพื้นชิลๆ สบายๆเหมือนอยู่บ้านครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้