#ยาวหน่อยนะครับ
ผมได้เจอกับแฟนผ่าน App Tiktok แฟนผมนั้นได้ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วโดยมีลูกติดมา 2 คน อายุ 4 ขวบกับ 7 เดือน พอเรา ได้คบกันสักระยะนึงประมาณ 2-3 เดือน ผมจึงมีความคิดอยากทำอะไรสักอย่าง ให้เขาได้มีรายได้ไว้จุนเจือลูกๆและครอบครัวของเขา จึงชวนแฟนทำธุรกิจออนไลน์ ส่วนเงินลงทุนนั้นผมเป็นคนออก 90% โดยใช้เงินเก็บของผมเองที่เก็บจากการทำธุรกิจค้าขายที่บ้าน
พวกเราก็เลยได้เริ่มไลฟ์สด และลงทุนไปครั้งนั้นประมาณ 10,000 บาท และแล้วก็ไปไม่รอดทุนจม ผมกับแฟนก็มาปรึกษากันว่าจะเอาไงต่อดี คุยไปคุยมาก็ได้ตั้งหลักกันใหม่ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ก็ได้ลงทุนครั้งที่ 2 ราวๆ 15,000 บาท พอมารอบนี้เราเริ่มมีกำไรเล็กๆน้อยๆ ยังพอได้มีกินมีใช้ จนเวลาผ่านมาเรื่อยๆ ธุระกิจเราเริ่มจะดีมาอีกนิดนึง ก็คิดจะลงทุนเพิ่มให้หลากหลายขึ้น ก็ได้ลงทุนไปอีกรอบ 3 ประมาณ 3,000 บาท แต่ครั้งที่ 3 นี้เป็นการใช้เงินกองกลางในการซื้อ สุดท้ายก็ไปไม่ไหวอีก เลยได้กลับมาทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ
อ้อ !! ลืมบอกไปครับ ช่วงที่ลงทุนครั้งที่ 2 นั้นผมได้เดินทางจาก นครสวรรค์-ขอนแก่น เพื่อไปหาแฟน ลูกๆและครอบครัวของเขา แต่ผมได้ไปอาศัยพักกับเพื่อนที่เป็นตำรวจอยู่ที่อุดรฯ ผมต้องขับรถไป-กลับ อุดร-ขอนแก่น ระยะทางรวมกว่า 280 กว่าโล พอไปได้สักระยะธุระกิจที่ทำดีขึ้นเรื่อยๆ ทางบ้านเขาจึงอนุญาติให้นอนพักที่บ้านแฟนได้(แต่แยกนอนคนละห้อง) แต่ก็อยู่หลายวันไม่ค่อยจะได้ อยู่ 2-3 วันก็ต้องขับรถมอไซต์เพื่อนกลับ ขับจากขอนแก่น มาอุดรบ้านพักเพื่อน ผมจะไปๆมาๆอยู่แบบนี้เรื่อยๆ
ส่วนในการทำงานนั้นแฟนผมจะเป็นคนไลฟ์สด ผมก็ทำงานหลังบ้านตอบแชทลูกค้าบ้างอะไรบ้าง เป็นแบบนี้ไปสักระยะนึง จึงมีการจ้างแอดมินมาทำหน้าที่แทนผม จากนั้นผมก็คอยดูแลแก้ปัญหาหลังบ้าน แฟนผมก็ไลฟ์สดไปปกติเลิกตี 1-2 เกือบตลอด บางครั้งต้องเคลียยอดเข้าจาก บัญชีที่ลูกค้าโอนชำระมา เราก็ช่วยกันคิดคำนวณ พอถึงระยะนึงเราก็จะทำการหารรายได้กันคนละครึ่งได้มากน้อยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ บางครั้งผมก็ชอบปัดเศษให้แฟนให้เขาเอาไว้ซื้อขนม ซื้ออะไรให้ลูกเขาได้กิน เราทำแบบนี้กันมาเรื่อยๆ ช่วยเหลือกันแบบนี้มาตลอด ไม่ว่าจะคอยซื้ออาหาร ซื้อของให้กับบ้านเขาบ้างในบางโอกาส ผมรู้ว่าเขาเหนื่อยจากการนั่งไลฟ์ ถ้ามีโอกาศก็จะพาเขาไปผ่อนคลายบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ติดตรงลูกคนเล็กของเขาที่เพิ่งได้ 7 เดือนจึงไม่ค่อยได้ไปไหนสักเท่าไหร่
กระทั่งวันนึงผมมีคิดว่าถ้าเราทำธุระกิจอีกทาง คือการขายของตามตลาดหรือเปิดร้านไปด้วยช่วงบ่ายๆเย็นๆเนี้ยจะดีไหม เพราะปกติไลฟ์สดก็ไลฟ์ช่วงหัวค่ำไปถึงดึกๆ ผมก็คิดว่าผมกับแฟนจะได้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น ก็กะว่าจะเก็บเงินในส่วนที่หารครึ่งกันเนี้ยแหละเป็นทุนในการหาพื้นที่ขายของตามตลาด ผมก็เริ่มหาแหล่งขายของที่อุดร ก็มีหลายที่มากๆ และผู้คนก็เยอะทุกวัน ก็เริ่มเห็นหนทางที่จะต่อยอดธุระกิจ
จากนั้นไม่นานความฝันที่อยากสร้างครอบครัวกับเขาก็ดับลง ในความพยายามที่เราอยากสร้าง อยากเริ่มต้นใหม่ ยอมเสี่ยงลงทุนควักเงินเก็บตัวเองมาทำธุระกิจกับเขา โดยที่ผมเป็นคนลงทุนให้ก่อน ยอมเสี่ยงก่อน ก็ตามที่กล่าวข้างต้น ทุนจม ทุนหาย ผมเครียดมาก ตัดสินใจควักทุนมาลงต่ออีก ปรึกษาหารือหลายฝ่ายจนผ่านมาได้
และไม่นานที่ผ่านมาผมกับแฟนได้เกิดการทะเลาะกัน งอนกัน ผมจึงได้ถอดยางรัดผมจากข้อมือผม ที่เขาให้ผมใส่ตลอดวางไว้ที่บ้านของเขาแล้วผมก็ขับรถกลับอุดร สาเหตุที่ผมทำแบบนั้นเพราะ ไม่อยากทะเลาะกัน ออกห่างมาเพื่อให้ใจเย็นลงกันทั้งคู่ ในส่วนสายรัดผมนั้น ผมแค่อยากคืนเขาเพราะนอยด์ที่เขาไม่ค่อยแคร์กัน ตอนนั้นก็นึกแค่ว่าเออในเมื่อเราแคร์เขานะใส่สายรัดผมที่เขาให้ตลอด แต่ทำไมเขาไม่ค่อยจะแคร์เราเท่าที่ควรบ้าง ชอบใช้อารมณ์ คำพูดที่แบบเวลาฟังแล้วรู้สึกเสียใจลึกๆ กิริยาที่มองชักสีหน้าเวลาไม่พอใจ ผมก็ได้แค่แบบออกมาห่างๆก่อน แต่แล้วการที่ผมหายไปจากเขา 2 วันก็เกิดเรื่องจนได้ ผมหายไปไม่อ่าน ไม่ตอบไลน์เขา จนมาวันนึงแชทในการไลฟ์สดก็เด้งขึ้นมา มีปัญหาการโอนเงิน การรับยอด ผมก็เข้าไปเคลีย ไปดูยอดจนเรียบร้อย แต่ก็ยังไม่ได้คืนดีกัน เพราะเขาบอกว่ารับไม่ได้ที่ผมหายไปแบบนี้ เขาโกรธแบบจริงจัง โกรธที่ผมวางของที่เขาให้ติดตัวไว้ตลอด ในมุมเขา เขาคิดว่าผมจะเลิก แต่จริงๆป่าวเลย ผมแค่ห่างออกมาให้ต่างฝ่าย ต่างได้คิด ให้ใจเย็นลง แต่ในช่วงที่ไม่ได้คุยกัน 2 วันนั้นเขาก็ทำงานไลฟ์สด เคลียยอดคนเดียวตลอด ส่วนผมก็อย่างที่บอกข้างต้นครับว่า ผมอยากทำธุระกิจอีกอย่าง จึงใช้เวลานี้ที่กลับมาอุดร ตระเวนหาที่ขายของสอบถามราคาค่าเช่าที่ เช่าแผง ไปเรื่อย
แล้ววันที่ 3 นับจากวันทะเลาะกัน ผมต้องการเงินที่จะต้องหารครึ่งนั้นมาเก็บเพื่อที่จะคำนวนว่าผมมีเก็บเท่าไหร่แล้ว จะได้วางแผนเรื่องที่ทางที่ตลาด แต่แล้วการทะเลาะกัน การหายไปจากกัน 2 วันนั้น ทำให้ผมหมดสิทธิ์ในการหารครึ่งจากธุรกิจที่ผมลงทุนมา โดยเขาให้เหตุผลว่า ผมไม่ได้ช่วยเขาทำ เขาทำคนเดียวช่วงระยะเวลารวม 2-3 วัน ถ้าดูตามยอดในแชทลูกค้ามียอดรวมราว 25,000 บาทหักค่าใช้จ่ายน่าจะเหลือแบบกลมๆก็ 15,000-18,000 บาทได้ และเขายังได้พูดอีกว่า ขอเวลาเขาอีกหน่อยละกัน เขารับไม่ได้กับการกระทำของผมที่ออกจากบ้านไป ไม่พูดไม่เคลียกันให้รู้เรื่อง
ไอ้เรื่องทะเลาะกันไม่เข้าใจกัน และยังไม่หายโมโหอยู่หรืออะไรก็ตามอันนี้เข้าใจได้ แต่ที่ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่ยอมแบ่งครึ่งรายได้ที่ผมเองก็ลงทุนมาแทบจะทั้งหมด แถมบอกว่าในเมื่อไม่ได้อยู่ช่วยทำไมจะต้องหาร จากนั้นการติดต่อผมกับเขาก็เริ่มติดต่อกันยากขึ้น และทุกครั้งที่ติดต่อได้เขาก็จะพูดทำนองว่า ผมเองอยากเลิกเพราะการกระทำนั้น (ถอดยางรัดผมคืนเขา และขับรถกลับโดยไม่เคลียใจกัน) เขาเริ่มไม่ค่อยอยากติดต่อกับผม ที่ผมเจ็บใจและเสียใจก็คือการที่ผมลงทุนอยากสร้าง อยากมีรายได้กับคนที่ผมรัก สุดท้ายแล้วผมกลับไม่เหลืออะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการไลฟ์ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ไลฟ์ เขาไม่ติดต่อ ไม่อะไรเลย คือถ้าจะให้ผมไปหาเขาไปพูดคุยกัน ผมจะเอาความรู้สึกที่ผมเจอกับคำพูดเขาที่ว่า ไม่ช่วยทำแล้วจะมาขอหารครึ่งทำไม คือผมเจอคำพูดแบบนี้ ผมมองเขาแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วจริงๆ ทุนที่ลงไปเอาจริงๆก็ยังไม่ได้คืนเลยด้วยซ้ำลงทุนไป เดินทางจากนครสวรรค์ มาขอนแก่น กะมาช่วยกันสร้างอนาคตกับคนที่รัก ลงทุนจากเงินเก็บตัวเอง ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม แต่ก็เพราะความเขื่อใจเขา จึงกล้าลงทุนก้อนนี้กับเขา
สิ่งที่ผมอยากจะถามทุกคนที่ได้อ่านกระทู้ผมนี้ ว่าสิ่งที่เขาทำ เขาคิดนั้นมันถูกต้องแล้วใช่ไหม ผมไม่สมควรได้เงินส่วนแบ่งนั้นใช่หรือไม่ แล้วผมจะต้องรู้สึกยังไงกับความคิดเขาแบบนั้น จะมองเขายังไงต่อดี ในเมื่อตอนนี้ในหัวผมคิดแต่ว่าทำไมเขาถึงมีความคิดแบบนี้ ทั้งที่เราก็หวังดี ลงทุนให้เขามีรายได้ จะได้ช่วยเหลือค่านม ขนมลูกๆเขา กลายเป็นว่าตอนนี้ผมไม่มีรายได้อะไรแล้ว ไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลย ทุกอย่างอยู่ที่เขาหมด ที่สำคัญเลยคือเครดิตที่ลูกค้าเชื่อใจเรา ทุกอย่างอยู่ในมือเขาหมดแล้ว ทำดีกับใครไม่ขึ้นจริงๆผม 😞
ลงทุนร่วมกับแฟนหวังสร้างอนาคตด้วยกันจุดจบไม่สวยหรู !!
ผมได้เจอกับแฟนผ่าน App Tiktok แฟนผมนั้นได้ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วโดยมีลูกติดมา 2 คน อายุ 4 ขวบกับ 7 เดือน พอเรา ได้คบกันสักระยะนึงประมาณ 2-3 เดือน ผมจึงมีความคิดอยากทำอะไรสักอย่าง ให้เขาได้มีรายได้ไว้จุนเจือลูกๆและครอบครัวของเขา จึงชวนแฟนทำธุรกิจออนไลน์ ส่วนเงินลงทุนนั้นผมเป็นคนออก 90% โดยใช้เงินเก็บของผมเองที่เก็บจากการทำธุรกิจค้าขายที่บ้าน
พวกเราก็เลยได้เริ่มไลฟ์สด และลงทุนไปครั้งนั้นประมาณ 10,000 บาท และแล้วก็ไปไม่รอดทุนจม ผมกับแฟนก็มาปรึกษากันว่าจะเอาไงต่อดี คุยไปคุยมาก็ได้ตั้งหลักกันใหม่ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ก็ได้ลงทุนครั้งที่ 2 ราวๆ 15,000 บาท พอมารอบนี้เราเริ่มมีกำไรเล็กๆน้อยๆ ยังพอได้มีกินมีใช้ จนเวลาผ่านมาเรื่อยๆ ธุระกิจเราเริ่มจะดีมาอีกนิดนึง ก็คิดจะลงทุนเพิ่มให้หลากหลายขึ้น ก็ได้ลงทุนไปอีกรอบ 3 ประมาณ 3,000 บาท แต่ครั้งที่ 3 นี้เป็นการใช้เงินกองกลางในการซื้อ สุดท้ายก็ไปไม่ไหวอีก เลยได้กลับมาทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ
อ้อ !! ลืมบอกไปครับ ช่วงที่ลงทุนครั้งที่ 2 นั้นผมได้เดินทางจาก นครสวรรค์-ขอนแก่น เพื่อไปหาแฟน ลูกๆและครอบครัวของเขา แต่ผมได้ไปอาศัยพักกับเพื่อนที่เป็นตำรวจอยู่ที่อุดรฯ ผมต้องขับรถไป-กลับ อุดร-ขอนแก่น ระยะทางรวมกว่า 280 กว่าโล พอไปได้สักระยะธุระกิจที่ทำดีขึ้นเรื่อยๆ ทางบ้านเขาจึงอนุญาติให้นอนพักที่บ้านแฟนได้(แต่แยกนอนคนละห้อง) แต่ก็อยู่หลายวันไม่ค่อยจะได้ อยู่ 2-3 วันก็ต้องขับรถมอไซต์เพื่อนกลับ ขับจากขอนแก่น มาอุดรบ้านพักเพื่อน ผมจะไปๆมาๆอยู่แบบนี้เรื่อยๆ
ส่วนในการทำงานนั้นแฟนผมจะเป็นคนไลฟ์สด ผมก็ทำงานหลังบ้านตอบแชทลูกค้าบ้างอะไรบ้าง เป็นแบบนี้ไปสักระยะนึง จึงมีการจ้างแอดมินมาทำหน้าที่แทนผม จากนั้นผมก็คอยดูแลแก้ปัญหาหลังบ้าน แฟนผมก็ไลฟ์สดไปปกติเลิกตี 1-2 เกือบตลอด บางครั้งต้องเคลียยอดเข้าจาก บัญชีที่ลูกค้าโอนชำระมา เราก็ช่วยกันคิดคำนวณ พอถึงระยะนึงเราก็จะทำการหารรายได้กันคนละครึ่งได้มากน้อยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ บางครั้งผมก็ชอบปัดเศษให้แฟนให้เขาเอาไว้ซื้อขนม ซื้ออะไรให้ลูกเขาได้กิน เราทำแบบนี้กันมาเรื่อยๆ ช่วยเหลือกันแบบนี้มาตลอด ไม่ว่าจะคอยซื้ออาหาร ซื้อของให้กับบ้านเขาบ้างในบางโอกาส ผมรู้ว่าเขาเหนื่อยจากการนั่งไลฟ์ ถ้ามีโอกาศก็จะพาเขาไปผ่อนคลายบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ติดตรงลูกคนเล็กของเขาที่เพิ่งได้ 7 เดือนจึงไม่ค่อยได้ไปไหนสักเท่าไหร่
กระทั่งวันนึงผมมีคิดว่าถ้าเราทำธุระกิจอีกทาง คือการขายของตามตลาดหรือเปิดร้านไปด้วยช่วงบ่ายๆเย็นๆเนี้ยจะดีไหม เพราะปกติไลฟ์สดก็ไลฟ์ช่วงหัวค่ำไปถึงดึกๆ ผมก็คิดว่าผมกับแฟนจะได้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น ก็กะว่าจะเก็บเงินในส่วนที่หารครึ่งกันเนี้ยแหละเป็นทุนในการหาพื้นที่ขายของตามตลาด ผมก็เริ่มหาแหล่งขายของที่อุดร ก็มีหลายที่มากๆ และผู้คนก็เยอะทุกวัน ก็เริ่มเห็นหนทางที่จะต่อยอดธุระกิจ
จากนั้นไม่นานความฝันที่อยากสร้างครอบครัวกับเขาก็ดับลง ในความพยายามที่เราอยากสร้าง อยากเริ่มต้นใหม่ ยอมเสี่ยงลงทุนควักเงินเก็บตัวเองมาทำธุระกิจกับเขา โดยที่ผมเป็นคนลงทุนให้ก่อน ยอมเสี่ยงก่อน ก็ตามที่กล่าวข้างต้น ทุนจม ทุนหาย ผมเครียดมาก ตัดสินใจควักทุนมาลงต่ออีก ปรึกษาหารือหลายฝ่ายจนผ่านมาได้
และไม่นานที่ผ่านมาผมกับแฟนได้เกิดการทะเลาะกัน งอนกัน ผมจึงได้ถอดยางรัดผมจากข้อมือผม ที่เขาให้ผมใส่ตลอดวางไว้ที่บ้านของเขาแล้วผมก็ขับรถกลับอุดร สาเหตุที่ผมทำแบบนั้นเพราะ ไม่อยากทะเลาะกัน ออกห่างมาเพื่อให้ใจเย็นลงกันทั้งคู่ ในส่วนสายรัดผมนั้น ผมแค่อยากคืนเขาเพราะนอยด์ที่เขาไม่ค่อยแคร์กัน ตอนนั้นก็นึกแค่ว่าเออในเมื่อเราแคร์เขานะใส่สายรัดผมที่เขาให้ตลอด แต่ทำไมเขาไม่ค่อยจะแคร์เราเท่าที่ควรบ้าง ชอบใช้อารมณ์ คำพูดที่แบบเวลาฟังแล้วรู้สึกเสียใจลึกๆ กิริยาที่มองชักสีหน้าเวลาไม่พอใจ ผมก็ได้แค่แบบออกมาห่างๆก่อน แต่แล้วการที่ผมหายไปจากเขา 2 วันก็เกิดเรื่องจนได้ ผมหายไปไม่อ่าน ไม่ตอบไลน์เขา จนมาวันนึงแชทในการไลฟ์สดก็เด้งขึ้นมา มีปัญหาการโอนเงิน การรับยอด ผมก็เข้าไปเคลีย ไปดูยอดจนเรียบร้อย แต่ก็ยังไม่ได้คืนดีกัน เพราะเขาบอกว่ารับไม่ได้ที่ผมหายไปแบบนี้ เขาโกรธแบบจริงจัง โกรธที่ผมวางของที่เขาให้ติดตัวไว้ตลอด ในมุมเขา เขาคิดว่าผมจะเลิก แต่จริงๆป่าวเลย ผมแค่ห่างออกมาให้ต่างฝ่าย ต่างได้คิด ให้ใจเย็นลง แต่ในช่วงที่ไม่ได้คุยกัน 2 วันนั้นเขาก็ทำงานไลฟ์สด เคลียยอดคนเดียวตลอด ส่วนผมก็อย่างที่บอกข้างต้นครับว่า ผมอยากทำธุระกิจอีกอย่าง จึงใช้เวลานี้ที่กลับมาอุดร ตระเวนหาที่ขายของสอบถามราคาค่าเช่าที่ เช่าแผง ไปเรื่อย
แล้ววันที่ 3 นับจากวันทะเลาะกัน ผมต้องการเงินที่จะต้องหารครึ่งนั้นมาเก็บเพื่อที่จะคำนวนว่าผมมีเก็บเท่าไหร่แล้ว จะได้วางแผนเรื่องที่ทางที่ตลาด แต่แล้วการทะเลาะกัน การหายไปจากกัน 2 วันนั้น ทำให้ผมหมดสิทธิ์ในการหารครึ่งจากธุรกิจที่ผมลงทุนมา โดยเขาให้เหตุผลว่า ผมไม่ได้ช่วยเขาทำ เขาทำคนเดียวช่วงระยะเวลารวม 2-3 วัน ถ้าดูตามยอดในแชทลูกค้ามียอดรวมราว 25,000 บาทหักค่าใช้จ่ายน่าจะเหลือแบบกลมๆก็ 15,000-18,000 บาทได้ และเขายังได้พูดอีกว่า ขอเวลาเขาอีกหน่อยละกัน เขารับไม่ได้กับการกระทำของผมที่ออกจากบ้านไป ไม่พูดไม่เคลียกันให้รู้เรื่อง
ไอ้เรื่องทะเลาะกันไม่เข้าใจกัน และยังไม่หายโมโหอยู่หรืออะไรก็ตามอันนี้เข้าใจได้ แต่ที่ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่ยอมแบ่งครึ่งรายได้ที่ผมเองก็ลงทุนมาแทบจะทั้งหมด แถมบอกว่าในเมื่อไม่ได้อยู่ช่วยทำไมจะต้องหาร จากนั้นการติดต่อผมกับเขาก็เริ่มติดต่อกันยากขึ้น และทุกครั้งที่ติดต่อได้เขาก็จะพูดทำนองว่า ผมเองอยากเลิกเพราะการกระทำนั้น (ถอดยางรัดผมคืนเขา และขับรถกลับโดยไม่เคลียใจกัน) เขาเริ่มไม่ค่อยอยากติดต่อกับผม ที่ผมเจ็บใจและเสียใจก็คือการที่ผมลงทุนอยากสร้าง อยากมีรายได้กับคนที่ผมรัก สุดท้ายแล้วผมกลับไม่เหลืออะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการไลฟ์ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ไลฟ์ เขาไม่ติดต่อ ไม่อะไรเลย คือถ้าจะให้ผมไปหาเขาไปพูดคุยกัน ผมจะเอาความรู้สึกที่ผมเจอกับคำพูดเขาที่ว่า ไม่ช่วยทำแล้วจะมาขอหารครึ่งทำไม คือผมเจอคำพูดแบบนี้ ผมมองเขาแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วจริงๆ ทุนที่ลงไปเอาจริงๆก็ยังไม่ได้คืนเลยด้วยซ้ำลงทุนไป เดินทางจากนครสวรรค์ มาขอนแก่น กะมาช่วยกันสร้างอนาคตกับคนที่รัก ลงทุนจากเงินเก็บตัวเอง ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม แต่ก็เพราะความเขื่อใจเขา จึงกล้าลงทุนก้อนนี้กับเขา
สิ่งที่ผมอยากจะถามทุกคนที่ได้อ่านกระทู้ผมนี้ ว่าสิ่งที่เขาทำ เขาคิดนั้นมันถูกต้องแล้วใช่ไหม ผมไม่สมควรได้เงินส่วนแบ่งนั้นใช่หรือไม่ แล้วผมจะต้องรู้สึกยังไงกับความคิดเขาแบบนั้น จะมองเขายังไงต่อดี ในเมื่อตอนนี้ในหัวผมคิดแต่ว่าทำไมเขาถึงมีความคิดแบบนี้ ทั้งที่เราก็หวังดี ลงทุนให้เขามีรายได้ จะได้ช่วยเหลือค่านม ขนมลูกๆเขา กลายเป็นว่าตอนนี้ผมไม่มีรายได้อะไรแล้ว ไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลย ทุกอย่างอยู่ที่เขาหมด ที่สำคัญเลยคือเครดิตที่ลูกค้าเชื่อใจเรา ทุกอย่างอยู่ในมือเขาหมดแล้ว ทำดีกับใครไม่ขึ้นจริงๆผม 😞