อบต.ทวงเงินที่ยืมตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่าได้ใช้หนี้ไปแล้ว แต่ไม่ได้เก็บใบเสร็จไว้ยืนยัน มีทางออกไหนบ้างคะ

สมัครมาเพื่อสอบถามกระทู้นี้โดยเฉพาะค่ะ
      ตามที่ได้พูดคุยกับชาวบ้านบางส่วน ทราบเรื่องราวดังนี้
       ปี 2544 ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มกันจำนวน 60 คน ยืมเงินกับ อบต. รวมเงิน 1 แสนบาท เฉลี่ยชาวบ้านยืมคนละ 1,666.66 บาท โดยทำสัญญายืมเงินและจะชดใช้ภายใน 5 ปี หากครบ 5 ปี แล้วไม่ชำระ จะมีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมายกำหนด
      ชาวบ้านแจ้งว่าได้มีการชดใช้ครบถ้วนแล้วภายใน 5 ปี ตามสัญญา ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครเก็บเอกสารหลักฐานการชำระหนี้ไว้เลย และตั้งแต่ปี 2549 หลังจากครบสัญญา ไม่เคยมีการทวงถามหนี้จาก อบต.ใดๆ เช่นกัน
        ต่อมาปลายปี 2564 มีการเปลี่ยนผู้บริหารของ อบต. ชาวบ้านเดาว่า อาจมีการรื้อค้นจัดการเอกสารต่างๆ ในที่ทำการ อบต. จึงพบสัญญาการยืมเงินของชาวบ้าน แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานการรับชำระจากชาวบ้าน อาจเนื่องจากมีการเปลี่ยนการบริหารมาหลายชุด บางชุดก็มีเคยคดีการฉ้อโกงกับ อบต.เอง  อีกทั้งกับมีการรื้อจัดเก็บ ทำลายเอกสาร ตลอด 20 กว่าปี จึงอาจมีการทำลายหลักฐานการชำระหนี้ของชาวบ้านไปแล้วก็ได้ 
       การทวงหนี้ของ อบต. ชุดปัจจุบัน
        ปี 2565 ในการประชุมหมู่บ้าน แจ้งผ่านผู้ใหญ่บ้านให้ชาวบ้านรับรู้กับเรื่องนี้โดยวาจา 
        เดือนมีนาคม 2566  อบต.ได้มีจดหมายทวงหนี้ โดยให้ชาวบ้านไปประชุมเพื่อให้ไปรับสภาพหนี้ และหาทางผ่อนชำระกับ อบต. ซึ่งในที่ประชุมเมื่อชาวบ้านยืนยันการชำระหนี้ไปแล้ว จนท.อบต.ก็เรียกหาหลักฐานจากชาวบ้าน โดยแจ้งว่าอาจมีการแจ้งความ ถึงโรง ถึงศาล ชาวบ้านบางส่วนพอได้ฟังการแจ้งความถึงศาลก็หวั่นๆ เนื่องจากตนเองไม่มีหลักฐานการชำระหนี้เก็บไว้ จึงต่อรองว่าขอชำระหนี้แต่เงินต้นได้ไหม ยกเว้นดอกเบี้ย จนท.อบต.แจ้งว่า อบต.ไม่มีอำนาจลดดอกเบี้ย ซึ่งชาวบ้านได้รับรู้มาว่ายอดเงินต้นรวมดอกเบี้ยประมาณ 3 แสนบาทแล้ว 
       แต่ก็มีชาวบ้านบางคนสอบถาม จนท.อบต.ถึงรายละเอียด เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมา 20 กว่าปี จึงต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ จนท.อบต.ในห้องประชุมตอบไม่ได้ ชาวบ้านจึงยังไม่ตกลงการผ่อนชำระหนี้อย่างไร และขอให้ อบต. หาคำตอบที่ชาวบ้านต้องการรู้ก่อน ประชุมครั้งหน้ามาตอบคำถามของชาวบ้าน แล้วค่อยหาทางออกกันใหม่ โดยชาวบ้านต้องการทราบบางส่วน ดังนี้ 
       - ทำไมเมื่อครบกำหนดตามสัญญา  5 ปี เมื่อปี 2549 หาก อบต.เห็นว่าชาวบ้านค้างหนี้  จึงไม่ทวงถาม ตั้งแต่ตอนนั้น ปล่อยมา 20 กว่าปี ทำให้เงินต้น 1 แสนบาท ดอกเบี้ยผิดนัดรวมเงินต้นถึงปัจจุบันรวมๆ ประมาณ 3 แสนบาท  (จนท.อบต.บอกว่าไม่ทราบ เพราะเขาเพิ่งมาทำงานที่นี่ 6 เดือน)
       - จะฟ้องชาวบ้านด้วยมาตราอะไร ผ่านมา 20 กว่าปี ไม่มีการทวงถาม หมดอายุความแล้วหรือไม่ ( จนท.อบต.บอกว่า ไม่มีหมดอายุความ เป็นหนี้สินสามารถฟ้องร้องได้ตลอด ชาวบ้านจึงถามถึงมาตราที่จะฟ้อง)
      - ทำไมเพิ่งตามหนี้ตอนนี้ และหน่วยงานไหนเข้าตรวจสอบ (จนท.อบต.ตอบว่ามีหน่วยงานเข้าตรวจสอบ จึงพบประเด็นหนี้ ชาวบ้านถามต่อว่า หน่วยงานไหนตรวจ สตง.หรือป่าว จนท.อบต.ตอบว่า บอกชาวบ้านไม่ได้ว่าหน่วยไหนที่เข้ามาตรวจ)
      - เงินที่เอามาให้ชาวบ้านยืม เป็นเงินของหน่วยงานไหน จากการที่ จนท.อบต.แจ้งว่า อบต.ไม่มีอำนาจลดดอกเบี้ยให้ ชาวบ้านจึงถามว่าแล้วใครมีอำนาจในการลดดอกเบี้ยได้  (จนท.ตอบว่าอาจไม่จำเป็นต้องรู้ ประเด็นคือเป็นหนี้ต้องชดใช้ ถ้าใช้แล้วต้องมีเอกสารรับชำระ วนเวียนอยู่ประมาณนี้)
     - หาก อบต.ฟ้องร้องชาวบ้าน ชาวบ้านจะรวมกลุ่มกันฟ้อง อบต.เหมือนกัน ฐานปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง  กรณีที่คิดว่าชาวบ้านไม่ได้ชดใช้ ทำไมไม่ทวงถามตั้งแต่ครบ 5 ปี ปล่อยให้ดอกเบี้ยทบแล้วทบอีกถึงปัจจุบัน
     - อบต.มีแนวทางการจัดการกับการฉ้อโกงกับ จนท.อบต.บางคนอย่างไร เนื่องจากที่ผ่านๆ มา ช่วงปีที่กู้ยืมและการรับชำระ เคยมีกรณีการฉ้อโกงของ จนท.อบต.บางคน ซึ่งอาจมีส่วนพัวพันการนำเงินรับชำระหนี้ของชาวบ้านไปก็ได้
     ประมาณๆ นี้ค่ะ อาจจะวนๆ เวียนๆ ไปบ้างนะคะ 
  
     อยากทราบว่ามีแนวทางใดบ้าง ที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด สำหรับชาวบ้านค่ะ
     ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่