ต้องเล่าให้ฟังแบบนี้ก่อนว่า ผมเป็นคนแนะนำให้ครอบครัวผมทั้งหมดในบ้านเป็นลูกค้าบัตรเครดิต KTC (แม้กระทั่งหัวหน้างานก็ไม่เว้น 555) เพราะเชื่อมาตลอดว่า KTC เป็นบริษัททางการเงินที่น่าไว้ใจได้มากๆ บอกได้เลยว่าถ้าใครถามผมเรื่องบัตรเครดิต ผมแนะนำ KTC เป็นเจ้าแรกๆเลย ผมใช้มาน่าจะเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ผมจะเลิกใช้ KTC และ
มีอยู่วันหนึ่ง พ่อผมก็ติดต่อมาว่า ถูกแก๊งมิจฉาชีพโกง โดยการโกงให้บินฟรีกับสายการบินแห่งหนึ่ง ด้วยความที่พ่อผมอายุจะ 70 แล้ว และตอนนี้ท่านทำงานให้กับศาสนาในคริสตจักร บางทีต้องบินไปประชุมที่เชียงใหม่บ้าง ท่านก็เลยอยากจะรับสิทธิ์การบินฟรี ท่านก็เลยกดลิงค์ที่มิจฉาชีพส่งมา และก็คุยกับมิจฉาชีพผ่านไลน์ จนมิจฉาชีพสามารถ hack โทรศัพท์ได้ในที่สุด
และสุดท้าย ก็โดนจนได้
ก็คือ มิจฉาชีพใช้วิธีการสูบวงเงินบัตรเครดิตที่มีทั้งหมด และโอนเข้าบัญชี KTB ของพ่อ จากนั้นก็โอนเงินออกจากบัญชี KTB ของพ่อไปเข้าบัญชีม้า
พ่อผมโดนโกงเป็นจำนวนหลายหมื่นบาทอยู่ เงินจำนวนนี้หลายคนอาจจะบอกว่าน้อย แต่สำหรับพ่อผมที่เกษียณไปแล้ว เงินจำนวนนี้ถือว่ามากทีเดียว และเมื่อพ่อรู้ว่าถูกโกง ก็ไปแจ้งความ และอายัดบัญชีทั้งหมดที่มี
แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดี ดูเหมือนว่ามิจฉาชีพจะ hack ได้ธนาคารเดียวก็คือกลุ่มธนาคารกรุงไทย KTC และ KTB ถ้าพูดในเชิงศาสนาคริสต์ก็คือ ขอบคุณพระเจ้าที่โดนโกงแค่ธนาคารเดียว แต่ก็นะ ยังเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่
เมื่อผมรู้แบบนั้น ก็เลยบอกให้พ่อค่อยๆคุยกับ KTC ว่าพอจะมีแนวทางไหนช่วยพวกเราได้บ้าง แน่นอน ในส่วนคดีความที่เราฟ้องมิจฉาชีพ เรายังคงต้องตามต่อไป เรายังมีความหวังว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ตำรวจจะจับมิจฉาชีพได้ แม้จะเป็นไปได้ยากก็ตาม แต่ในส่วนที่พ่อต้องชำระหนี้กับ KTC เราชำระแน่นอน แต่จะให้ชำระเป็นเงินก้อน ก็ต้องพูดตรงๆว่า ชำระไม่ไหว แต่ถ้าต้องผ่อนจ่าย มันก็จะมีดอกเบี้ยบัตรเครดิตมาทุกเดือน ซึ่งในมุมมองผม มันก็เป็นยอดที่ไม่ใช่น้อยๆ เฮ้อออ
ที่ผ่านมา ผมขอให้พ่อคุยกับ KTC ทางโทรศัพท์ เผื่อว่า KTC จะช่วยเราได้บ้าง แต่ KTC ก็บอกอยู่อย่างเดียวว่า พ่อผมต้องจ่าย ยังไงก็ต้องจ่าย และถ้าไม่มีเงินก้อน ก็คงต้องจ่ายตามขั้นต่ำทุกๆเดือน ซึ่งมันก็จะมีดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายอยู่ทุกเดือน ซึ่งผมก็เฮ้ออ ได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียใจที่อุตส่าห์ไว้ใจ KTC มาเกือบ 10 ปี หลังจากนี้คงถึงเวลาต้องพอแล้วสินะ
ผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้ มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ ผิดตรงที่ไว้ใจ ฉันมองตัวเธอผิดไป
เมื่อโดนแก๊งมิจฉาชีพสูบวงเงินบัตรเครดิต
มีอยู่วันหนึ่ง พ่อผมก็ติดต่อมาว่า ถูกแก๊งมิจฉาชีพโกง โดยการโกงให้บินฟรีกับสายการบินแห่งหนึ่ง ด้วยความที่พ่อผมอายุจะ 70 แล้ว และตอนนี้ท่านทำงานให้กับศาสนาในคริสตจักร บางทีต้องบินไปประชุมที่เชียงใหม่บ้าง ท่านก็เลยอยากจะรับสิทธิ์การบินฟรี ท่านก็เลยกดลิงค์ที่มิจฉาชีพส่งมา และก็คุยกับมิจฉาชีพผ่านไลน์ จนมิจฉาชีพสามารถ hack โทรศัพท์ได้ในที่สุด
และสุดท้าย ก็โดนจนได้
ก็คือ มิจฉาชีพใช้วิธีการสูบวงเงินบัตรเครดิตที่มีทั้งหมด และโอนเข้าบัญชี KTB ของพ่อ จากนั้นก็โอนเงินออกจากบัญชี KTB ของพ่อไปเข้าบัญชีม้า
พ่อผมโดนโกงเป็นจำนวนหลายหมื่นบาทอยู่ เงินจำนวนนี้หลายคนอาจจะบอกว่าน้อย แต่สำหรับพ่อผมที่เกษียณไปแล้ว เงินจำนวนนี้ถือว่ามากทีเดียว และเมื่อพ่อรู้ว่าถูกโกง ก็ไปแจ้งความ และอายัดบัญชีทั้งหมดที่มี
แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดี ดูเหมือนว่ามิจฉาชีพจะ hack ได้ธนาคารเดียวก็คือกลุ่มธนาคารกรุงไทย KTC และ KTB ถ้าพูดในเชิงศาสนาคริสต์ก็คือ ขอบคุณพระเจ้าที่โดนโกงแค่ธนาคารเดียว แต่ก็นะ ยังเป็นจำนวนเงินที่มากอยู่
เมื่อผมรู้แบบนั้น ก็เลยบอกให้พ่อค่อยๆคุยกับ KTC ว่าพอจะมีแนวทางไหนช่วยพวกเราได้บ้าง แน่นอน ในส่วนคดีความที่เราฟ้องมิจฉาชีพ เรายังคงต้องตามต่อไป เรายังมีความหวังว่า อาจจะเป็นไปได้ที่ตำรวจจะจับมิจฉาชีพได้ แม้จะเป็นไปได้ยากก็ตาม แต่ในส่วนที่พ่อต้องชำระหนี้กับ KTC เราชำระแน่นอน แต่จะให้ชำระเป็นเงินก้อน ก็ต้องพูดตรงๆว่า ชำระไม่ไหว แต่ถ้าต้องผ่อนจ่าย มันก็จะมีดอกเบี้ยบัตรเครดิตมาทุกเดือน ซึ่งในมุมมองผม มันก็เป็นยอดที่ไม่ใช่น้อยๆ เฮ้อออ
ที่ผ่านมา ผมขอให้พ่อคุยกับ KTC ทางโทรศัพท์ เผื่อว่า KTC จะช่วยเราได้บ้าง แต่ KTC ก็บอกอยู่อย่างเดียวว่า พ่อผมต้องจ่าย ยังไงก็ต้องจ่าย และถ้าไม่มีเงินก้อน ก็คงต้องจ่ายตามขั้นต่ำทุกๆเดือน ซึ่งมันก็จะมีดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายอยู่ทุกเดือน ซึ่งผมก็เฮ้ออ ได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียใจที่อุตส่าห์ไว้ใจ KTC มาเกือบ 10 ปี หลังจากนี้คงถึงเวลาต้องพอแล้วสินะ
ผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้ มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ ผิดตรงที่ไว้ใจ ฉันมองตัวเธอผิดไป