ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เราได้สูญเสียบุคลากรสำคัญในวงการบันเทิงไทยไว้มากมาย โดยส่วนมากจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ผิดกับช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ที่สูญเสียดาราระดับพระเอกและนางเอกหลายท่านด้วยกัน

ผู้เพิ่งจากไปรายล่าสุดนี้ก็คือสุภาพบุรุษสองท่านรุ่นราวและแตกดับในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่มีประสบการณ์ทำงานคนละแขนง

ท่านแรก "สุรสีห์ ผาธรรม" สายเลือดอีสานขนานแท้ ผู้สร้างและกำกับภาพยนตร์สะท้อนชีวิตชนบทหลายต่อหลายเรื่อง

มีผลงานระดับขึ้นหิ้งที่คอหนังวัยเก๋ารู้จักกันดีอย่าง ครูดอย, ครูวิบาก, ผู้แทนนอกสภา, สวรรค์บ้านนา, ราชินีดอกหญ้า

รวมถึงผลงานซิกเนเจอร์เรื่อง "ครูบ้านนอก" ที่สร้างดารานำมาเจิดจรัสบนแผ่นฟิล์มได้เป็นผลสำเร็จ

นั่นคือพระเอกผู้เพิ่งลาลับก่อนหน้านี้ไม่ถึงปี "ปิยะ ตระกูลราษฎร์" และนางเอกหน้าหวาน "วาสนา สิทธิเวช"

อีกท่านคือสุดยอดนักดนตรีเปี่ยมฝีมือ ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของนักร้องดังที่จากไปเมื่อช่วงปลายปี 2547 เขาผู้นั้นคือ "อุกฤษฏ์ พลางกูร"

ทำงานเกี่ยวข้องกับดนตรีสารพัดอย่าง ทั้งเล่นกีตาร์ได้เก่งกาจ เรียบเรียงเสียงประสาน เป็นซาวด์เอ็นจีเนียร์และสามารถมิกซ์เสียงได้กังวาน

เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับนักร้องดัง ๆ และค่ายเทปต่าง ๆ อาทิ อาร์เอส, แกรมมี่, นิธิทัศน์, ห้องอัดเสียงทอง, เอสพี ศุภมิตร, สโตน, โพลีแกรม, ยูบีซี(ทรู)

แถมยังเป็นเจ้าของห้องอัดเสียงระดับคุณภาพ "แจม สตูดิโอ" (ตั้งชื่อมาจากชื่อของลูกชายของตัวเอง) และเป็น "พลางกูรที่ไม่ไว้หนวดเครา"

ฉันได้ยินชื่อเสียงของคุณลุงสุรสีห์อยู่แล้วแต่ไม่ได้เจอหน้าทักทายเลย เพราะเกิดไม่ทันดูหนังในโรง แต่ตามตอนที่หนังของเขาฉายทางเคเบิลทีวี

ส่วนลุงอุก ฉันรู้จักและเคยเจอหน้าจริง ๆ อยู่สองสามครั้ง เขามีอัธยาศัยดีงามและอบรมสั่งสอนให้รู้จักปรับตัวนิด ๆ หน่อย ๆ

และมีอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้จริง ๆ ก็คือ ลุงอุกเป็นคนที่สนใจและชอบเล่นมายากลอีกด้วยล่ะ

ถึงอย่างไรเราก็ขอแสดงความอาลัยด้วยจิตคารวะ สิ่งที่ทั้งสองท่านฝากฝีมือเอาไว้จะคงอยู่ในความประทับจิตและใจของเราสืบไป

สวัสดี.