ขออัญเชิญมหาเทพ โปรหมู โปรส้ม

สืบเนื่องจาก ข้าพเจ้า เห็นว่า ทั้งคู่มีทิฏฐิที่เป็น ปฏิปักกันอยู่ จึงอยากจะเป็นคนกลางเข้ามาคี่คลาย ให้เข้าใจได้ตรงกัน

คนที่เป็นคนกลางโดยแท้จริง เขาต้องมองเห็นอย่างเฉียบขาด และไม่เข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง นั้นเอง เพราะการที่มีวาทะต่อกันแบบนี้ ต้องมีใครเข้าใจผิดสักคน

ธรรมะ ของตถาคต ท่านตรัสเองว่า มองเห็นได้ยาก ลึกซึ่ง เป็นอณู
เมื่อคนคุยกัน นับปี แต่ยังไม่เห็นว่าใครถูกจึงต้องมีคนกลาง มาสรุป

ผมเข้ามาบอร์ดนี่ ไม่ถึงเดือนมั้ง.พอจับต้นชนปลายได้แล้ว

และจะบอกอะไรให้เข้าใจตรงกัน  แบบชัดๆ

คุณโปรส้ม=  นิพพานเป็นอัตตา
คุณโปรหมู= นิพพานเป็นอนัตตา

คุณทั่ง2 คิดว่า หลักธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นง่าย ขนาดนั่นเชียวหรือ

จริงอยู่ ในจูฬสักจกสูตร พระตถาคต พูดถึง อนัตตา ไม่ใช่ตน
เป็นนัยยะ ที่ตรงข้ามกับ อัตตา แล้ว

ใครบอกว่ามี อัตตาในนิพพานคนนั้นผิดทันที

และ ก็ไม่ได้หมายว่า คำตอบนั้น จบที่ อนัตตา


เพราะทั้ง อัตตา กับ อนัตตา กำลังอธิบายถึงสิ่งที่เรียกว่า ขันธ์5 เช่นกัน

เข้าใจไหม

อนึ่ง ปัญญา จะเกิดตามมา ถ้าเรารู้แล้วว่าอนัตตาหมายถึงอะไร
ภ.พระตถาคตเปรียบเหมือน คนทำการวัด ลากเอาใบไม้ กิ่งไม้ไปเผา แล้วถามสาวกว่า เธอรู้สึกเหมือนเขา ลากเราเอาไปเผาด้วยไหม
ส.สาวกตอบว่า ข้าพไม่รู้สึกว่าโดนลากไป
ภ.เพราะเหตุไร
ส.เพราะว่า กิ่งไม้ ใบไม้ ไม่ได้เนื่องตัวตน ของข้าพระองค์

คือมัน"ไม่ใช่ตน"

ซึ่งบทนี้ ตถาคตกำลังอธิบายขันธ์5อยู่ แล้วกำลังจะ บอกต่อว่าอะไรที่ไม่ใช่ของเธอ ให้เธอละมันเสีย เห็นขันธ์5 เหมือนกับ ใบไม้ กิ่งไม้ที่เขาลากไปนั่นแหละ

"เห็นขันธ์5 เหมือนธรรมชาติแบบนั่น ที่ไม่ใช่ตนแบบนั้น (อนัตตา)"

แล้วปัญญาถึงจะเกิดขึ้นตามมา(วิปัสสนา)

ดังนั้น คุณโปรหมู ก็ยังไม่พ้นวิสัยของขันธ์5 เหมือนกัน เพราะยังเห็น สิ่งที่ไม่ใช่ตนที่เนื่องว่าเป็นของตนแทน

คือ เห็น อนัตตาว่าเป็นนิพพาน

เห็นสิ่งที่เป็น อนัตตา สิ่งที่ไม่ใช่ตน  

การจะพลิกจิต  ให้เห็นได้ว่า ขันธ์5 ไม่ต่างไปจาก  พยับแดด ไม่ต่างจากฟองน้ำ เป็นธรรมชาติ ของมันแบบนี้ ไม่ใช่ตน
ยากแล้ว...
ต้อง ตีลังกา กลับมา ด้วยการตามเห็นว่า "มันไม่ใช่เรา" อีกทีนึงด้วย

สรุปคือ นิพพาน ไม่ใช่
อัตตา และ อนัตตา

พอเข้าใจไหมว่า คนกลางจะมองเห็นและต้องเห็นว่าแบบนี่ ไม่ถูกทั้งคู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่