บทเรียนราคาแพงที่ต้องแลกด้วยชีวิต(การช่วยลูกนกตกรัง)

เช้าวันทำงานวันหนึ่ง ฉันสังเกตเห็น แมวของฉัน เจ้า”มิกิ” นั่งเฝ้าบางสิ่งตรงหน้าต่างหลังบ้านเป็นเวลานาน จ้องเขม็งอยู่แบบนั้น ไม่ยอมไปไหน ที่ขอบหน้าต่าง ฉันจึงลองเปิดหน้าต่างมุ้งลวดดู เงยมองไปที่ขอบหน้าต่างด้านบนมีรังนกร้างๆ ก้มลงมาตรงขอบหน้าต่างล่างเจอนกน้อยตัวเล็กที่ยังมีขนขึ้นไม่เต็ม ผิวหนังสีแดงๆ นอนฟุบก้มหน้าตัวสั่นอยู่ตรงนั้น....
“ไปๆ มิกิ หนีๆ มี้เจอ ลูกนก ถอยๆไปลูก” มิกิ ตื่นเต้น พยายามจะปีนเอาเจ้านกน้อยในมือ ฉันพยายามประคองอย่างเบามือที่สุด นกน้อยในฝ่ามือตัวจิ๋ว ร้องจิ๊บๆๆๆ 
อันที่จริง เมื่อคืนฉันเห็นมิกิ มีปฏิกิริยาแปลกๆกับหน้าต่างบานนั้นแล้ว เพราะน้องกระโดดและพลัดตกลงมาจากคอนโดแมวที่วางไว้ตรงริมหน้าต่าง แต่ก็ไม่ได้สังเกตว่าเป็นเพราะอะไร ได้แต่เป็นห่วงว่ามิกิจะขาหักหรือไม่เลยไปอุ้มดูแมว เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้ยินเสียงนกร้องแว่วๆ แต่ก็คิดไปเองว่า แม่นกคงมาคลอดลูกเหมือนปกติ เพราะหน้าต่างหลังบ้านบานนี้ มีพ่อแม่นกหลายรุ่นที่มาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันสร้างรังและจากไป ....แต่ครั้งนี้ ต่างออกไป พ่อแม่นกทำลูกน้อยตกลงจากรังและทิ้งไว้ 1 ตัว และฉันไม่เห็นพ่อแม่นกอยู่ตรงนั้น หรือกลับมาที่รังอีกเลย ฉันเดาว่าน้องน่าจะเป็นนกเขาเล็กเหมือนกับที่เคยเห็นพ่อแม่เป็นนกเขาที่รัง
ฉันเอาน้องลงมาใส่ไว้ในกล่องไม้ รองด้วยผ้านุ่มๆและกระดาษทิชชู  ทำไงต่อดีหว่า? ในใจคิดว่า เราพอมีจะมีอะไรที่น้องกินได้บ้าง จึงได้เอาอาหารแมวเลีย ลองมาป้อนให้ แต่น้องไม่กิน จึงเปลี่ยนเป็นอาหารแมวที่เป็นอาหารเม็ดละลายน้ำ น้องก็ยังไม่กิน…คงยังตกใจและไม่คุ้นชิน
ฉันไม่เคยเลี้ยงนกตกรังหรือนกตัวเล็กๆขนาดนี้มาก่อนในชีวิต....แม้จะเคยเห็นพ่อเลี้ยงนกเขาหรือนกกรงหัวจุกอยู่บ้างแต่ไม่เคยไปสนใจหรือใกล้ชิดอะไร...
ไม่ได้การละ ระหว่างเช้าวันนี้ ซึ่งฉันกำลังไปทำงานสายมากแล้ว ฉันก็ใส่น้องไว้ในกล่องไม้ พร้อมกับ น้ำในถ้วยใบเล็กๆ ตั้งไว้ในครัวหลังบ้านแยกให้ห่างจากแมว 3 ตัว กั้นด้วยประตูมุ้งลวด แมวทั้ง 3 ดูสนใจมากเป็นพิเศษเพราะเสียงร้องจิ๊บๆตลอดเวลาของเจ้านกน้อย
เย็นกลับมาค่อยจัดการ ฉันคิด ระหว่างวันก็หาข้อมูลถามน้องที่เคยมีประสบการณ์เลี้ยงนก ว่าควรให้อะไรกับลูกน้องตกรังตัวจิ๋วได้บ้าง ... ได้รับคำแนะนำและคลิปดีๆจากในยูทูป เดี๋ยวเย็นนี้จะลองทำตามดู…ก่อนอื่นต้องไปซื้ออาหารสำหรับลูกนกก่อน บอกกับคนขายร้านอาหารสัตว์เค้าหยิบอาหารนกเม็ดกลมสีแดงให้ 1 ถุง พร้อมกับเมล็ดธัญพืช 3 สี มาให้อีก 1 ถุง ราคาไม่แพงมาก เมล็ดธัญพืช หรือเรียกอีกอย่างว่า มิลเล็ต  ฉันก็พึ่งรู้ว่ามิตเล็ตคือเมล็ดพืชไขมันต่ำ อุดมไปด้วย โปรตีน และ วิตามิน เป็นอาหารที่ดีสำหรับลูกนก เหมาะแก่การหัดกินอาหารเมล็ดพืช ส่วนเม็ดกลมสีแดง ที่ห่อเขียนว่า อาหารสำหรับนกเอี้ยง นกขุนทอง 
วิธีการให้อาหารลูกนก ฉันลองทำตามจากในยูทป  นำอาหารเม็ดกลมสีแดงใส่ถุงร้อนขนาดเล็ก ทุบให้ละเอียด แล้วใส่น้ำอุ่น พอให้อาหารนิ่ม นิ่มคล้ายๆกับซีลีแล็คสำหรับป้อนเด็กทารก ทิ้งไว้สักพักให้หายร้อน ตัดมุมที่ก้นถุงด้านหนึ่งออกเล็กน้อยให้น้องพอสอดปากเข้าไปได้ เค้าบอกว่า วิธีนี้จะเป็นการเลียนแบบการให้อาหารขอแม่นก...ฉันลองจับน้องมาเพื่อให้กินอาหาร ครั้งแรกน้องกินไม่เป็น เอาปากเข้ารูไม่ได้ หัวส่ายไปมา จนต้องประคองบังคับทิศทางให้ด้วย ทำอยู่หลายครั้งจนน้องเริ่มรู้ และเริ่มอ้าปาก ฉันก็ดันอาหารนิ่มๆเข้าปากไป ...คำแรก ดีใจลั่นที่น้องสามารถกินเป็นแล้ว...
ฉันตั้งชื่อ น้อง ว่า “วินโดว์” ....ตรงตัวตามความหมาย เพราะเจอน้องที่นั่น หน้าต่างหลังบ้าน....
วินโดว์ กินเก่ง ฉันจะป้อนอาหารให้แบบนี้ทุกวัน เช้า-เย็น เช้ามาก็ตื่นเช้าหน่อย เพื่อป้อนจนอิ่ม วิธีสังเกตว่าอิ่มหรือยัง เมื่อยังเล็กจะกินไม่หยุด ไม่รู้จักอิ่ม ต้องคอยดูตรงหน้าท้อง ว่าพองโตหรือแน่นแค่มากแค่ไหน จึงพอ...เราต้องหยุดให้เอง ไม่งั้นน้องจะกินเรื่อยๆ บางคนบอกน้องจะกินจนท้องแตกเลยนะ
เวลาผ่านไป... 1 สัปดาห์ วินโดว์ เริ่ม มีขนขึ้นตามตัวเยอะขึ้น แต่ก็ยังเห็นผิวหนังแดงๆอยู่ ผิวหนังบางจนเห็นอาหารที่กินเข้าไปข้างในอย่างชัดเจน...จากที่อยู่ในลังไม้ และนำรากไม้ของต้นเคราฤษีมาให้วินโดว์ซุกนอนฉันได้สั่งกรงนก และรังนอนแสนสวยที่ทำจากธรรมชาติมาให้วินโดว์ พร้อม หม้อให้น้ำและอาหารเป็นแก้วใบใสเล็กๆส่วยงาม ....ในทุกๆวัน จะทำความสะอาดกรงให้สะอาด เก็บอึและเปลี่ยนทิชชูในรังนอน ใทุกเช้าวันหยุดและช่วงเย็นในทุกๆวันจะพาน้องมาอาบแสงแดดอ่อนๆ 
วินโดว์ เป็นนกที่กินเก่งมาก และมีพัฒนาการที่ไว หลังจากสัปดาห์ที่ 2 ก็เริ่มกระพือปิก ยิกๆๆๆ ร้องจิ๊ปๆๆๆ ตลอดเวลา ยิ่งได้ยินเสียงเรียกชื่อจะทำท่าผงกหน้า และก้มลง พร้อมกระพือปีกตลอดเวลา ฉันเริ่มให้ฝึกกินอาหารเอง โดยใส่มิลเล็ตไว้ในที่ใส่อาหาร เริ่มแรกใส่ในจานใหญ่ๆและสอนให้จิกกินเอง เอามือแตะข้างปาก และค่อยๆกดหัวลงเพื่อให้จิกอาหารเข้าปาก แต่ยังคงให้อาหารเม็ดแดงละลายน้ำอยู่ด้วย แต่เปลี่ยนเป็นให้แบบก้อนนิ่มๆแทน ไม่ต้องบดแล้ว เพราะน้องอ้าปากให้ป้อนได้โดยง่ายโดยไม่ต้องผ่านถุงอีกแล้ว....พอแตะปากก็อ้าอัตโนมัติทันทีเลย
สัปดาห์ที่ 3 วินโดว์ สามารถจิกกินอาหารเองได้แล้ว เมื่อบอกว่า “วินโดว์จิกกินเองลูก”  ก็จะทำท่าจิกเมล็ดมิลเล็ต อย่างตั้งใจ จิกๆๆ กินๆ ผงกหัว จิกๆ ฉันมองดูวินโดว์กินเองด้วยความชื่นอกชื่นใจ ว่าน้องค่อยๆเติบโต แล้วนะ
แล้วความประทับใจแรก ก็คือ การฝึกเดินครั้งแรก หลังจากที่วินโดว์ เริ่มโตพอที่จะกินอาหารเองเป็น ฉันก็เริ่มพาน้องออกจากกรง ครั้งแรกที่ปล่อยให้ลองเดิน น้องยังยืนนิ่ง ไม่ไหวติง แต่เมือ่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ ก็จะกระพือปีก และวิ่งมาหาฉันราวกับได้ยินเสียงแม่ที่เรียกลูกน้อยยย วิ่งตามหาเสียง วิ่งๆๆๆๆ
วินโดว์ติดฉันมาก จะวิ่งมาอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา ในวันแรกที่ปล่อยให้เดิน เมื่อลองขยับให้ไกลมากขึ้น วินโดว์กลับ กระพือปิก และพุ่งตัวบินมาเกาะตรงอกฉัน ....จำได้ว่าประทับใจมากที่วินโดว์บินได้เลย ตั้งแต่วันแรก แม้จะเป็นการบินระยะสั้นๆ....
หลังจากนั้นฉันก็ฝึกให้บินโดว์บินทุกๆวัน ระยะ ใกล้ๆ ในบ้าน ในครัวหลังบ้าน และหน้าบ้าน วินโดว์จะบินมาหาฉัน เสมอ ถ้าไม่บินก็จะวิ่งเหมือนลูกไก่ มาอย่างไว ตามเสียงที่ฉันเรียก.....
ครั้งหนึ่งฉันอยากให้วินโดว์มีพื้นที่กว้างในการบิน จึงพาวินโดว์ไปบินในสวนของหมู่บ้าน แต่น้องก็ไม่บินไปไหน แม้จะบินฉิวและร่อนได้ไว แต่ก็ตกลงพื้น ฉันจึงไปรับกลับมา... วันนั้นมีเด็กๆในหมู่บ้านมาวิ่งเล่นกันหลายคน พอเห็นวินโดว์ก็เข้ามารุมกันยกใหญ่ เพราะไม่ค่อยได้เห็นนกที่เชื่องและนิ่งขนาดนี้ เด็กๆชอบกันมาก แต่ฉันก็รีบให้วินโดว์เข้ากรงและพากลับบ้านเพราะเกรงว่าวินโดว์จะเมามือเด็กๆเสียก่อน วินโดว์ยังบินไม่เก่งนัก แต่บินในบ้านและเกาะแขนเก่งแล้ว เพราะฉันฝึกทุกวัน วินโดว์ชอบบินมาเกาะหัว และเกาะบนมือถือ เวลาที่ฉันยกกล้องมาถ่าย มายืนทำคอเอียงซ้ายเอียงขวา....ฉันว่าน้องรู้เรื่องและรับรู้ได้ถึงความรักที่เรามีให้....
วินโดว์ มักจะร้องเรียกเวลาเห็นฉันเดิมผ่าน และเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อก็จะผงกหัวและกระพือปีกรัวๆรับ วินโดว์ชอบบินมาเกาะหัว เกาะไหล่ และจิกเล็กๆ รอบๆปากคิ้วและใบหน้า คล้ายๆเด็กอ้อนแม่ ความรู้สึกที่น้องส่งผ่านมาทำให้ฉันมีความสุขและรับรู้ได้ถึงความรักที่น้องมีให้เช่นกัน....
วินโดว์เริ่มมีขนมากขึ้นแล้ว.... ขนจริงเริ่มแซมขนอ่อนๆปุยๆจนเกือบเต็มตัวแล้ว... ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ฉันมีความคิดใหม่ผุดขึ้น จึงจัดสวนให้วินโดว์ให้อยู่ในคอกเดิมของแมว ซึ่งเปนเต็นท์ สำหรับให้สัตว์เลี้ยง ฉันตั้งใจจะให้วินโดว์อยู่ชั่วคราว จึงจัดสวนหิน ปูพื้นด้วยหญ้าเทียมและต้นไม้เล็กๆ ไว้ในนั้น เพื่อให้น้องมีพื้นที่ในการเดินมากขึ้นและพอจะขยับปีกบินได้มากกว่าอยู่ในกรงเล็กๆ ฉันตั้งใจทำอย่างสวยงาม และคิดว่า วินโดว์น่าจะชอบ และระหว่างวันจะได้เดินเล่น ได้มากกว่าอยู่ในกรง เพราะฉันเห็นว่าน้องเริ่มมีท่าที่ที่จะขอบินออกจากกรง แต่ยังไม่กล้าปล่อยน้องออกไป เพราะน้องยังบินไม่เก่งมากนัก และกังวลเรื่องแมว
ในตอนนั้นความคิดในใจมี 2 ทางคือ ปล่อยน้องสู่โลกกว้าง หรือเลี้ยงน้องไว้ไปตลอด..... ฉันเป็นห่วงและอยากให้แข็งแรงกว่านี้ หากต้องปล่อยน้องไปเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง....แต่จะเลี้ยงไว้ก็ต้องมีกรงที่แข็งแรง เพราะที่บ้านมีแมว 3 ตัว มิกิ ฟูกุ และพิโน่ ทุกวันนี้ต้องกันพื้นที่แยกและดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้แมวเข้าถึงตัววินโดว์ได้ ฉันระมัดระวังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะใครๆก็รู้ว่า แมวกับนก คือสิ่งคู่กัน....
วินโดว์แข็งแรงและโตไวมาก ร่วม 4 สัปดาห์ ที่อยู่ด้วยกันมา....เช้าวันทำงานอีกวัน ฉันตื่นสายมาก และเร่งรีบ ไม่ลืมที่จะทักทายวินโดว์ก่อนออกจากบ้าน และสังเกตเห็นว่าวินโดว์พยายามหาทางออกจากรัง เพื่อมาหาฉัน ฉันจึงพาวินโดว์ไปไว้หน้าบ้านในสวนที่ฉันทำไว้ให้ เพื่อให้ออกจากรังมาเดินเล่น เพื่อให้น้องมีพื้นที่ในการเดินและบินจิกอาหาร เพื่อให้อากาศถ่ายเทกว่าอยู่ในกรงและในครัวหลังบ้านที่ค่อนข้างอบร้อน..... แล้วฉันก็ออกไปทำงานตามปกติ แม้ในใจจะคิดเป็นห่วงอยู่มากๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
จนกกระทั่ง เลิกงาน และกลับถึงบ้านในเวลาเย็น ราวๆ 5 โมงเย็น ฉันเปิดรั้วบ้านเข้าไป มองเห็นกระถางต้นไม้ล้มระเนระนาด เสียงจิ๊บๆ เงียบ..... ไม่มีเสียงใดๆ ฉันเรียกวินโดว์ๆๆๆ ๆๆ .....เงียบ......ฉันเดินเข้าไปใกล้เต็นท์ จึงเห็นว่า สภาพของเต็นท์เหมือนถูกจู่โจม ข้าวข้องข้างในล้ม กรงไม้ที่อยู่ด้านในหักบางซี่  พยายามมองหาวินโดว์ พลิกรื้อ จน เห็นว่า น้องนอนหลับตาปี๋ อยู่ริมโอ่งน้ำเล็กๆที่ฉันจัดไว้ ที่หน้าอกมีเลือดสีแดงออกไม่    ฉันประคองตัวน้องขึ้นมา....ตัวชาไปทั้งตัว มือสั่น........
เกิดอะไรขึ้น ?! .....ทำไมเป็นแบบนี้. ? ....วินโดว์ .....วินโดว์จากไปแล้ว... ไม่ใช่แค่บาดแผล ไม่ใช่แค่บาดเจ็บ แต่วิญญาณของน้องออกจากร่างไปแล้วววว …………
น้ำตาไหลออกมา.....มันไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง.......ฉันไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ความรู้สึกที่มีมันพรั่งพรูออกมาทางน้ำตา ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และแม้ฉันจะรู้อยู่แก่ใจ แม้ฉันจะคิดเป็นห่วงมาตลอดทั้งวัน แต่เพราะฉันเอง......ฉันเป็นคนทำให้น้องต้องจากไป..... 
คงเป็นแมวจร ที่ผ่านมาและเข้ามาจู่โจม ฉันเห็นรอยเขี้ยว ที่เจาะผ่านเต็นท์ เข้าไป และมีรอยเลือดติดอยู่....ฉันไม่โทษแมวตัวนั้น....เพราะฉันเอง ที่ทำให้วินโดว์ต้องจากไปไวขนาดนี้ น้องสามารถบินสู่โลกกว้างได้ ถ้าฉันดูแลดีกว่านี้ น้องสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้มากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความประมาทของฉัน !!!
ฉันร้องไห้ ขอโทษวินโดว์ ถึงสิ่งที่เคยขึ้น ไม่อยากจินตนาการถึงวินาทีที่น้องต้องเผชิญในตอนที่โดนทำร้าย... เพราะคงเจ็บปวดยิ่งกว่า ในความคิดสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความประมาทของฉันเอง ฉันมองแค่ความสบาย คิดถึงแค่ความสุขแต่ลืมนึกถึงความปลอดภัย ฉันควรมองความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 แต่เปล่าเลย สิ่งที่ฉันคำนึงคือ แค่อยากให้น้องมีความสบาย ฉันคิดแทนวินโดว์ คิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นความคิดของฉันเองและเป็นความคิดของมนุษย์โง่ๆ คนหนึ่ง ที่ไม่คิดอะไรให้รอบด้าน ไม่คิดอะไรให้รอบคอบ ไม่ว่าเจตนาของฉันจะเป็นเจตนาดีขนาดไหน หวังดียังไง แม้จะทำเพราะคิดว่านี่เป็นความรัก แต่ก็เป็นความปรารถนาที่ทำให้เกิดเหตุร้ายมากกว่าจะเป็นความปลอดภัย
ฉันรู้แล้วในวันนี้ ว่าไม่มีสิ่งใดจะทดแทน ชีวิต ได้ ไม่ว่าจะมีเงินทองมากมายขนาดไหน แต่ชีวิต สำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้ฉันถูกล็อตเตอรี่ในวันเกิด ฉันคิดว่า เพราะฉันช่วยเหลือวินโดว์ แน่ๆเลย น้องจึงนำโชคมาให้ ....แต่สุดท้าย ฉันก็เป็นคนทำลายชีวิตของน้องเอง..........
ความผิดพลาดในชีวิตของฉันครั้งนี้....เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดในที่ชีวิต ที่ทัชใจของฉันมาก....
ฉันตื่นรู้ได้ในทันทีว่า หลายอย่างในชีวิตที่ฉันเลือกทางเดิน หลายสิ่งในชีวิตที่ฉันมักจะคิดเสมอว่า ฉันฉลาด ฉันมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่ฉันทำ คิดว่าดี และดีที่สุด แต่สุดท้ายฉันก็พบว่า แท้จริงแล้ว ฉันเป็นคนโง่ ที่สุด ที่ใช้ชีวิตอยู่บนความประมาทแทบตลอดเวลา ไม่เคยคิดอะไรให้รอบคอบ และมักจะทำอะไรโดยใช้ความรู้สึกนำมากกว่าที่จะคิดวิเคราะห์ให้รอบด้าน หลายๆครั้งฉันจะเสียใจกับสิ่งที่ทำไปแล้ว ฉันเป็นแบบนี้มาตลอด.....จนถึงที่สุดวันนี้ ฉันทำให้ชีว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่