เนื่องจากที่โครงการเป็นคอนโดตากอากาศขนาดเล็ก เดิมอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย
ต่อมามีเศรษฐีท่านหนึ่งสนใจเข้ามาซื้อห้องพักในโครงการ แล้วมีการซื้อเพิ่มจนปัจจุบันมีกรรมสิทธิ์ประมาณ 1/3 ของโครงการ
รวมกับพรรคพวกของท่านอีกส่วนหนึ่ง

ทำให้ท่านผู้นี้มีเสียงขาดในการดำเนินการใดๆ และได้ปลดบริษัทนิติฯ เดิมออก พร้อมตั้งตัวเองกับพรรคพวกเป็นกรรมการนิติฯ
จากนั้นก็ดำเนินการต่างๆ ตามใจท่านด้วยเงินกองกลางนิติฯ โดยถือวิสาสะ ไม่ได้แถลงนโยบายใดๆ แก่ลูกบ้าน

วันดีคืนดีที่โครงการก็มีการติดตั้งน้ำพุ ติดไฟกะพริบเสร็จสรรพ พอสอบถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการเข้าที่ประชุมขอเสียงจากลูกบ้านก่อน ก็อ้างว่าตัวเองก็เป็นเจ้าของร่วมเหมือนกัน มีสิทธิ์ทำได้
ก่อนหน้านี้ก็มีการตั้งทนายฟ้องประธานนิติคนเก่า จนไม่มีใครกล้าไปตอแยกับท่าน

ปัจจุบันในฐานะเจ้าของห้องตัวเล็กๆ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้พักอาศัยที่อยู่ภายใต้ความเมตตาของท่านผู้นั้น ไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ 
ท่านว่านก ก็ต้องเป็นนก ท่านว่าไม้ก็ต้องเป็นไม้

กับการลงทุนแค่ 1/3 แต่ได้สิทธิ์เสมือนเป็นเจ้าของโครงการทั้งหมด และมีคนจ่ายเงิน (ค่าส่วนกลาง) ให้เอาไปบริหารเล่นฟรีๆ
ยอมรับว่าท่านผู้นี้มีศิลปะในเชิงธุรกิจที่ยอดเยี่ยมจริงๆ