:: "นาย" ที่ยังอยากเป็น NineBNK48 ต่อไป ::
วันนี้ในไลฟ์ของ Nine BNK48 มีช่วงนึงที่น้องพูดถึงการที่ รุ่น 2 เริ่มถูกเรียกเข้าไปพูดคุยเรื่องการต่อสัญญากับวง น้องบอกว่า ถ้านับกันจริง ๆ รุ่น 2 จะจบการศึกษา ปี 67 ส่วนตัวน้องมีแพลนที่อยากเรียนต่อ ป.โทฯ ซึ่งอยู่ในช่วงหาทุน และยังมีความฝันที่อยากจะเป็นศิลปินอยู่
แต่ถ้าพูดถึงในมุมของการเป็น BNK48 น้องบอกว่า ยังคงมีความสุข และอยากเติบโตกับการทำงานตรงนี้ ส่วนนึงที่ทำให้น้องคิดแบบนี้ก็คือแฟนคลับทุกคน ที่ยังคงสนับสนุน ยังรอที่จะได้เห็นน้องได้รับโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงาน
น้องบอกว่าหลายชอบคิดว่า หนูจะแกรด แต่เอาจริง ๆ ไม่เคยมีความคิดที่จะแกรดเลย คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้พัฒนาตัวเอง จะทำยังไงให้ได้รับโอกาส ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็น BNK48 รุ่น 2 แล้วไม่ติดเซ็มบัตสึ ถึงจะคิดมาตลอดว่า ทำไมเราถึงไม่ได้รับโอกาส แต่ก็ไม่เคยเก็บมาคิดมาก
ประเด็นนึงที่น้องพูดไว้อย่างน่าสนใจ คือ "กำแพง" ที่หลายคนพูดถึง มันมีอยู่จริง แต่เราไม่จำเป็นต้องทลายกำแพงที่มีอยู่ เราแค่สร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ให้เทียบเท่า หรือสูงกว่าเดิมก็ได้ อย่างตอนนี้ที่น้องทำหน้าที่กัปตันทีม สิ่งที่น้องคิดและวางแผนก็คือการจัดบล็อกกิ้ง และวางแผนเรื่องจำนวนที่นั่งให้เป็นไปตามที่ อฟช. กำหนดมาให้แล้ว
ถ้าใครถามว่า ความรู้สึกตอนที่ไม่ติดเซ็มบัตสึ ไม่ได้รับโอกาสตอนนั้น รู้สึกยังไง น้องบอกว่าจำตอนนั้นไม่ได้แล้ว เพราะเลยจุดนั้นมาไกลมาก ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไป แต่โฟกัสกับการทำโอกาสตอนนี้ให้ดีที่สุดมากกว่า
ปล.น้องบอกว่า งานรับปริญญาจะมีช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีเมมเบอร์หลายคนรับปริญญาเหมือนกัน รวมถึงเมมเบอร์ รุ่น 1 ด้วย อยากให้ทุกคนมาร่วมงานกันเยอะๆนะครับ
จากเพจ OTA Story : วันนี้ผมอยากบอกว่า
ตาหวาน กับ เป้ พวกเธอมองคนไม่ผิดจริงๆ
วันนี้ในไลฟ์ของ Nine BNK48 มีช่วงนึงที่น้องพูดถึงการที่ รุ่น 2 เริ่มถูกเรียกเข้าไปพูดคุยเรื่องการต่อสัญญากับวง น้องบอกว่า ถ้านับกันจริง ๆ รุ่น 2 จะจบการศึกษา ปี 67 ส่วนตัวน้องมีแพลนที่อยากเรียนต่อ ป.โทฯ ซึ่งอยู่ในช่วงหาทุน และยังมีความฝันที่อยากจะเป็นศิลปินอยู่
แต่ถ้าพูดถึงในมุมของการเป็น BNK48 น้องบอกว่า ยังคงมีความสุข และอยากเติบโตกับการทำงานตรงนี้ ส่วนนึงที่ทำให้น้องคิดแบบนี้ก็คือแฟนคลับทุกคน ที่ยังคงสนับสนุน ยังรอที่จะได้เห็นน้องได้รับโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงาน
น้องบอกว่าหลายชอบคิดว่า หนูจะแกรด แต่เอาจริง ๆ ไม่เคยมีความคิดที่จะแกรดเลย คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้พัฒนาตัวเอง จะทำยังไงให้ได้รับโอกาส ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็น BNK48 รุ่น 2 แล้วไม่ติดเซ็มบัตสึ ถึงจะคิดมาตลอดว่า ทำไมเราถึงไม่ได้รับโอกาส แต่ก็ไม่เคยเก็บมาคิดมาก
ประเด็นนึงที่น้องพูดไว้อย่างน่าสนใจ คือ "กำแพง" ที่หลายคนพูดถึง มันมีอยู่จริง แต่เราไม่จำเป็นต้องทลายกำแพงที่มีอยู่ เราแค่สร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ให้เทียบเท่า หรือสูงกว่าเดิมก็ได้ อย่างตอนนี้ที่น้องทำหน้าที่กัปตันทีม สิ่งที่น้องคิดและวางแผนก็คือการจัดบล็อกกิ้ง และวางแผนเรื่องจำนวนที่นั่งให้เป็นไปตามที่ อฟช. กำหนดมาให้แล้ว
ถ้าใครถามว่า ความรู้สึกตอนที่ไม่ติดเซ็มบัตสึ ไม่ได้รับโอกาสตอนนั้น รู้สึกยังไง น้องบอกว่าจำตอนนั้นไม่ได้แล้ว เพราะเลยจุดนั้นมาไกลมาก ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไป แต่โฟกัสกับการทำโอกาสตอนนี้ให้ดีที่สุดมากกว่า
ปล.น้องบอกว่า งานรับปริญญาจะมีช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีเมมเบอร์หลายคนรับปริญญาเหมือนกัน รวมถึงเมมเบอร์ รุ่น 1 ด้วย อยากให้ทุกคนมาร่วมงานกันเยอะๆนะครับ
จากเพจ OTA Story : วันนี้ผมอยากบอกว่า