[CR] No.12 Scream 6 : หวีดสุดขีด เชือดกระหน่ำ สยองเดือด ใจกลางเมืองกรุง


ผมดูไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไหน ๆ ก็กำลังฉายอยู่ในโรงอยู่ก็เลยขอพูดถึงกับเขาบ้าง คือ ส่วนตัวไม่ได้เป็น Fan Club หนังชุดนี้เท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าโตมากับเรื่องนี้เช่นกัน ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาค 3 ส่วนภาค 4 เป็นภาคที่ไม่ได้รู้สึกสนใจเท่าไหร่เลยดูผ่าน ๆ ไปจนกระทั่งภาค 5 จึงกลับมาดูต่อแม้จะยังรู้สึกเฉย ๆ อยู่บ้างแต่ก็เริ่มมี Moment รำลึกถึงความหลังกันบ้างแล้ว จนมาถึงภาค 6 ก็ยังรู้สึกเฉย ๆ อยู่แม้ว่าจะดู Trailer มาแล้วก็ตาม กระทั่งทางโรงหนังได้จัดกิจกกรมรอบพิเศษขึ้นมาแถมลุ้นรางวัลได้ดูหนังฟรีอีก ผมไม่รอช้าจึงเข้าร่วมงานนี้ทันที ซึ่งหลังจากที่ดูไปในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 3 นาที มันมีทั้งความสนุก กระชับ รวดเร็ว ยกระดับความโหด เพิ่มระดับความสยองที่ทวีความบ้าคลั่งมากกว่าเดิม พร้อมกับการรับมือกับความดุดันไม่เกรงใจใครของเจ้า Ghost Face ที่ดุหยั่งกะร็อคไวเลอร์มากกว่าภาคก่อน ๆ แถมโผล่มาที แทงไม่ยั้ง ฟันไม่เลี้ยง เลือดกระเด็นกระจัดกระจายเต็มที่ ไม่พอมีการอัปเกรดควงลูกซองซัลโวเพิ่มความเดือดเป็น 2 เท่าให้ดูเถื่อนเข้าไปอีก ผมว่าถ้าถือนานกว่านี้จะเปลี่ยนเป็นแนว Action ทันที ซึ่งก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าเปลี่ยนมาทางนี้ก็น่าจะเห็นอะไรใหม่ ๆ บ้างน่าจะดีไม่น้อย

ในส่วนของเนื้อเรื่องจะเล่าต่อจากในเหตุการณ์ฆาตกรรมสุดโหด ณ เมืองโกสต์เฟส ที่เกิดขึ้นในภาคที่แล้วเลย เมื่อผู้รอดชีวิตทั้ง 4 จตุรเทพจากภาคที่แล้ว อย่าง Sam , Tara , Mindy และ Chad ได้ตัดสินใจย้ายจากเมืองวูดส์โบโร เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในนครนิวยอร์ก ซึ่งบางคนกำลังจะไปได้สวยและอีกคนก็ยังไม่สามารถ Move On จากเหตุการณ์ในภาคที่แล้วได้ จนกระทั่งได้เกิดคดีฆาตกรรมนักศึกษาขึ้นมากลางดึก สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ บางสิ่งที่พวกเขาหนีมามันได้ตามพวกเขามาถึงที่แห่งนี้พร้อมกับความสยองที่ถูกปลุกขึ้นมาให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ที่ชอบที่สุดของผมก็คือฉากเปิดเรื่องนี้คือผมยกให้เป็น The Best ซีนที่ดีที่สุดของการต่อยอดจากจุดเดิมพัฒนาไปสู่อีกขั้นที่เหนือกว่าได้น่าจดจำมาก แถมเป็นจุดขายของเรื่องที่สามารถการันตีได้ว่าหากินอะไรแบบนี้ได้อีกยาว ๆ  สเกลใหญ่ขึ้น มีการ Meeting ของคนแต่ละ Gen แต่ละยุคที่เป็นตัวแทนของ Timeline ในแต่ละภาค ไม่ว่าจะเป็น 4 เกลอจากภาคที่แล้ว (ภาค 5) มีเจ๊ Gale จากภาคแรก , เจ๊ Kirby จากภาค 4 สมทบกับตัวละครภาคนี้อย่าง นักสืบ Bailey , Quinn , Ethan , Anika และ Danny มาสุมหัวกันปราบเจ้า Ghost Face ที่หนังเหนียวคงกะพันตายยากตายเย็นเหลือเกิน อารมณ์เหมือนกับ Avengers รวมตัวปราบ Thanos เฉพาะกิจ ระหว่างทางมีการพยายามวางแผนแก้เกมส์โต้กลับกันไปมากันทั้ง 2 ฝ่ายได้น่าสนใจเช่นเคย คือต่อให้ฝ่ายตัวเอกจะพยายามมากแค่ไหนจงอย่าลืมว่าตัวฆาตกรเองก็มีการปรับตัวพัฒนาวิธีตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน ทั้งวิธีการฆ่าที่โหดขึ้น รุนแรงขึ้น แถมดูเหมือนว่าฆาตกรจะนำหน้าไป 1 ก้าวตามสไตล์หนังฆาตกรประเภทนี้ อีกฉากนึงที่ลุ้นระทึกมากก็คือฉากรถไฟนี้ขนาดว่าอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ แต่ทำไมมันทั้งลุ้นทั้งอึดอัดบีบหัวใจเต้นรัว ๆ ได้ขนาดนี้
บางช่วงมีช่วงดร๊อปลงจนดูอ่อนแรงลง พอให้หยุดพักหายใจได้บ้าง แต่ไม่ได้น่าเบื่อถึงกับวูบหลับ ขณะเดียวกันหนังก็ใส่ปมเป็นกิมมิคตามรายทางมีการผูกโยงเรื่องจากทุกภาคไว้ให้เราสงสัยคิดตามกันเล่น ๆ นอกจากไม่อาจไว้ใจสถานการณ์รอบตัวได้แม้แต่น้อยแล้วยังทำให้เรารู้สึกผูกพันกับเรื่องกับตัวละครที่เคยปรากฎมากกว่าเดิม ซึ่งระยะทางของการดำเนินเรื่องสามารถสร้างบรรยากาศปกคลุมด้วยความระแวงจนน่าอึดอัดได้เป็นระยะ ที่ขาดไปไม่ได้ก็คือการหยิบมุกเก่ามาเล่าใหม่ที่เป็น Signature ประจำตัวของ Franchise นี้ยกมาใช้บ่อย ๆ เช่น การ Parody วงการหนัง , มุกคำถามหนังเรื่องโปรด แม้กระทั่งการจิกกัดหนังตัวเอง ซึ่งถ้าคนที่ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกจะรู้สึกอินกับ Keywords ที่เขาสื่อออกมาตลอดทั้งเรื่องได้ง่ายเป็นพิเศษจนแอบยิ้มอ่อน ๆ ออกมา ถ้าไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรกหรือดูเป็นบางภาคจะรู้เรื่องมั้ย ส่วนตัวผมคือรู้เรื่องอยู่แต่จะงง ๆ กับการขยี้มุกพวกนี้กันซะหน่อย จะสงสัยกับตัวเองว่าพวกนั้นพูดถึงอะไรอยู่ หรือ ถ้าเพิ่งมาดูที่ภาค 5 ก็พอจะเข้าใจเรื่องได้ เพราะหนังเล่าเหตุการณ์หลังจากนั้นทันที เพียงแต่ว่ามันขาดส่วนผสมอะไรบางอย่างที่เพิ่มความกลมกล่อมในอาหารพอกินแล้วรู้สึกไม่ครบรสชาติเท่านั่นเอง
แม้ว่าจะขาดปูชนียบุคคลไปอย่างคุมแม่ Nave Campbell แต่อย่างน้อยยังมี 2 สาว Melissa Barrera กับ น้อง Jenna Ortega รับช่วงต่อจากทายาทอสูรรุ่นใหม่ชูเรื่องได้อย่างหายห่วง โดยมีเจ๊ดันอย่าง Courtney Cox และ Hayden Panettiere เป็นพี่เลี้ยง Support ช่วยประคองให้ Franchise ชุดนี้เดินต่อไปได้ ขณะเดียวกันต้องยกความดีความชอบแก่ 2 ผู้กำกับ Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett ทำหน้าที่อนุรักษ์สไตล์ความเป็น Whodonit ในบรรยากาศความอึมครึมเลิกลั่กของตัวละครได้น่าติดตามไปตลอด กระทั่งบทสรุปที่พอจะเดาได้บางอย่างอีกบางส่วนก็คาดไม่ถึงจนหน้าเหวอไปพักนึง ซึ่งผู้กำกับคงไม่ต้องการให้เรารู้มากเกินไปและรู้ดีว่าควรจะเล่นประมาณไหนจึงใส่ปมที่เคยเล่นมาแล้วจากภาคก่อน ๆ ผสมกับไอเดียใหม่ ๆ ลงไป ผลที่เห็นคือเดาถูกและทายผิดไปตามกัน ข้อเสียคือยังมีบางจุดที่ไม่สมเหตุสมผลหลงเหลืออยู่ค่อนข้างมากแถมยังไม่สามารถก้าวพ้นจาก Concept เดิม ๆ ได้อีกเช่นเคย เรียกว่ายังกินบุญเก่าจากความสำเร็จที่ยังขายได้อยู่นั่นแหล่ะ แต่ยอมรับว่าภาคนี้จังหวะการเล่าเรื่องดีขึ้น พัฒนาขึ้น มีจังหวะชั้นเชิงสับปลอกหลอกตาคนดูได้อยู่หมัด มีความพยายามจะขยายจักรวาลจากเดิมไปสู่ทิศทางใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ตราบใดที่หนังชุดนี้ยังขายดีเทน้ำเทท่าอยู่ ยังมีมิตรรักแฟนคลับคอยมาอุดหนุนกันไม่ขาดสาย เจ้า Ghost Face ก็ยังคงทำหน้าที่ตามหลอกหลอนคุณกันต่อไปไม่มีวันจบ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านรับชมแล้ว สามารถกด Like กด Share ได้ที่เพจ True id Intrend ของผมชื่อ EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่