ทะเลาะกับเพื่อนสนิทที่คบมา 8 ปี ควรทำไงดี

สวัสดีค่ะ เราอยู่ปี 2 เพื่อนคนนี้รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล ขอแทนว่าซีตอนเด็กมันป่วยง่าย ดูอ่อนแอตั้งแต่อนุบาล  ส่วนเราคือเป็นคนที่อยู่ทุกสถานการณ์ เพื่อนเล่นอะไรเราเล่นหมดไปหมด แล้วเราพึ่งเคยคุยกันตอน ป.4 เพราะเข้าชมรมวอลเลย์แล้วได้เป็นเด็กเก็บบอลเพราะเล่นไม่เก่งกันทั้งคู่ เราก็เลยแกล้งมันเพราะตอนนั้นก็ไม่รู้จะคุยอะไรแล้วมันดูอ่อนแอด้วย เราก็ตบหัวมันแล้วมันก็ไม่ชอบแล้วก็เดินหนีเราก็แกล้งตามประสาเด็กไม่ได้ตบแรงนะ มันเลยบอกว่าถ้าไม่เลิกตบหัวจะไม่เป็นเพื่อนด้วย เราเลยโอเคเลิกตบหัวมัน แล้วตั้งแต่วันนั้นเราไม่ตบหัวใครอีก แล้วก็ไม่ชอบการตบหัว แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สนิทกัน เพราะซีไม่ค่อยชอบทำอะไร ส่วนเราก็อย่างที่บอกเป็นท็อป3 ของห้อง ผ่านมาช่วง ป.6 เราดูละครช่อง 3 เหมือนกันก็เลยชอบมาคุยกันแต่เพื่อนก็ชอบจับแยก เราเลยได้คุยกันแค่ตอนเช้าก่อนเข้าแถว จนขึ้น ม.1 ต้องไปเข้าโรงเรียนตำบล แล้วเราได้อยู่ห้องเดียวกันไปไหนไปกัน 2 คน ก็เลยสนิทกัน ช่วงนั้นคือ เราจะเป็นตัวกลางในการเข้ากับเพื่อนคนอื่น ส่วนซีคือเราไปอยู่กลุ่มไหนมันก็ไปด้วย เราทำอะไร จะโดดเรียน จะเข้ากิจกรรม คือมันก็ได้หมด มันดูเป็นคนง่าย ๆ ไม่ค่อยสนใจหรือใส่ใจอะไรนิสัยเหมือนผู้ชายเพราะมันมีพี่ชาย 3 คนแล้วเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวด้วยละมั้ง ส่วนใหญ่เราจะเป็นคนตัดสินใจแต่เราก็ถามมมันตลอดชอบคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันมาอะไรควรทำไม่ควรทำ ด้วยความที่มันเป็นคนง่าย ๆ เราเลยชอบเอาแต่ใจบ่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่ามันจะเคยเก็บไปคิดไหม หรือปล่อยผ่านแบบนิสัยผู้ชายที่ไม่คิดไรเยอะ แต่เราคือนิสัยแบบผู้หญิงเลยอาจจะเป็นคน toxic คนนึง จนขึ้น ม.4 ก็ย้ายไปโรงเรียนอำเภอ แต่อยู่คนละสาย เราอยู่ศิลป์ ซีอยู่วิทย์ เราก็เจอกันคุยกันบ้างแต่ไม่ได้ตัวติดกันเหมือนแต่ก่อน ซีมันเริ่มเป็นผู้เป็นคนก็ช่วงนี้แหละ คือตั้งใจเรียนมากขึ้น เมื่อก่อนมีเราออกหน้าให้มันก็ต้องเผชิญเองแล้ว  ช่วงนั้นแหละที่เราเริ่มคิดว่า มันเคยคิดว่าเราเป็นเพื่อนสนิทไหม หรือเราสำคัญไหม มันจะเคยคิดถึงเราไหม หรือดีแล้วที่ไม่มีเรา เราจะชอบแอบน้อยใจแต่มันอาจจะไม่รู้หรือบางครั้งก็น่าจะดูออกเพราะเราเป็นคนไม่เก็บอาการ  เรามีความคิดที่ว่า ด่าใครว่าใครก็เพราะอยากให้คนนั้นได้ดี ถ้าเราไม่บอกไม่ว่าไม่จิกใครก็คือตัดสินใจปล่อยคนนั้นออกไปจากชีวิตแล้ว หรือไม่ก็มองว่าเป็นคนนอก เราชอบบอกมันว่าอย่ายอมคนอย่าให้ใครเอาเปรียบ อย่าทำแบบนี้แบบนั้นเพราะมันไม่ดียังไงก็อธิบาย มันเป็นคนที่ชอบสายไม่ตรงเวลา เรื่องนี้เคยคุยกัยทั้งแบบเล่น ๆและแบบจริงจังก็แก้ไม่หายแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เกิดเป็นความน้อยใจหรือทำให้ความสัมพันธ์สั่นคลอนได้ แต่เรื่องที่เราน้อยใจ คือ เราให้มันเป็นเพื่อนสนิท เป็นที่หนึ่งในบรรดาเพื่อนมาตั้งแต่ม.ต้น แต่จนตอนนี้เรายังไม่เคยรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของมันเลย แม้แต่ตอนทะเราะกันก็ไม่รู้ว่ามันเคยทุกข์ใจเหมือนเราหรือปล่าว จนเข้ามหาลัยเราก็เข้าที่เดียวกันแต่คนละคณะ ปี1 โควิดเลยเรียนอยู่บ้าน พอ ปี 2 เราก็มาอยู่หอในห้อง 4 คน เพื่อนสาขามันแทนว่าเอ เพื่อนสาขาเราแทนว่าบี มันสนิทกับเอเพราะมันคบกันอยู่สองคน ส่วนเรากับบีไม่ได้สนิทกันเพราะเราไม่เปิดใจให้บี เวลาไปไหนทำอะไรเราเลยจะอยู่กับ ซีและเอ แต่หลัง ๆ นิสัยเข้ากับเอไม่ค่อยได้ ซีก็ไปเรียนกับเอ กับห้องมาก็คุยกันเจอกัน เวลามีกิจกรรมเราก็ชวนซีไป ก็ไปกันเราชอบเข้ากิจกรรมแต่ซีมันไม่ค่อยอยากไปแต่เราไม่มีเพื่อนมันก็เลยเออออด้วยตลอด มีอะไรเราก็บอกมันตลอด เช่น ขอทุนเราก็บอกมันตลอดบอกทุกอย่างว่าต้องทำอะไร วันสัมภาษณ์มันนอนหลับเพราะเป็นหวัดจากที่ตากฝนแต่เราไปเรียนเอกแชทกันนัดเวลากันอยู่ดี ๆมันก็หายโทรไปไม่รับ เราก็เข้าหอมาตามมันไปรายงานตัวสัมภาษณ์ทุนทั้งที่เพื่อนสาขาเราที่จะมาสัมภาษณ์เหมือนกันชวนไปกินข้าวเพราะพึ่งเลิกเรียนยังไม่ได้กินอะไรเลยแต่เราก็เลือกที่จะไปตามซี  เวลาเพื่อนสาขาเราไปกินหมูกระทะหรือไปไหนเราก็ไม่ไปเพราะ อยากเก็บเงินไว้ไปกินกับซี ถ้ากินหลายรอบมันเปลือง ลงเรียนวิชาศึกษาทั่วไปเราก็ลงเซคเดียวกันกับซีไม่ได้ลงกับเพื่อนในสาขาก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อนเวลามันไปเรียนเอกหรืออะไรของคณะ เราก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้น เคยไปหาหมอคนเดียวด้วย พอเราต่างคนต่างไปเจอโลกความคิดก็ค่อย ๆ ต่างกัน เมื่อก่อนเราตัดสินใจเดี๋ยวนี้มันก็ตัดสินใจเอง แต่มีอยู่เรื่องนึงคือเวลาเราโทรไปแล้วมันรับแต่มันไม่ฟังสิ่งที่เราพูด แต่กับคุยเล่นกับคนอื่นทั้งที่เราถือสายแล้วพยายามจะสื่อสารอยู่ ข้ออ้างของมันคือไม่ได้ยิน ครั้งแรกครั้งสองเราก็หงุดหงิดก็ว่ามันอยู่ว่าทำไมไม่ฟังคุยเล่นหัวเราะกันอยู่นั้นแหละ แต่เราทำเสียงแบบนี้ประจำเวลาว่ามัน  แต่ไม่ได้ทะเราะกันเพราะมันอาจจะคิดว่าปกติ มันก็บอกว่าโทรศัพท์กุชอบเป็นงี้ ทั้งที่มันใช้ไอโฟนแต่ลำโพงจะซ่า ๆ นิดนึง จนมาล่าสุดวันพุธที่ผ่านมา เรามีเรื่องให้คิดเยอะด้วยแหละอารมณ์มันไม่ปกติ แล้วเราโทรไปครั้งแรกซีอยู่บนห้องเราอยู่ข้างล่างหอ มันก็รับตกลงโอเคกันเราให้มันหุงข้าวแล้วจะออกไปซื้อของกัน พอสักพักเราก็รอมันลงมาเราก็นึกได้ว่าประตูหอต้องล็อกแน่เลยโทรไปหามันบอกให้เอาคีย์กราดลงมาด้วย ปกติเราต่างคนต่างไม่พกอยู่แล้วแต่กลัวพี่หอล็อกประตูแล้วต้องรอคนเข้าออกถึงจะเข้าได้ นั้นแหละเลยโทรไปหามัน ซีก็รับแล้วกำลังพูดเล่นกับบีเราก็ ฮัลโหล ๆ ซี ๆ เอาคีย์การ์ดลงมาด้วยทั้งตะโกนทั้งอะไร เราพูดอยู่ตั้งนานมันก็ไม่ฟัง เราเลยพิมพ์ไปในแชทว่าเอาคีย์การ์ดมาด้วย  (คือมันชวนเราไปซื้อของแต่เราไม่อยากไปเพราะพรุ่งนี้มีสอบย่อยแต่ยังไม่ได้อ่านหนังสือแต่คิดว่าไปเป็นเพื่อนมันก็ได้แล้วหาซิ้ออะไรกินเล่นหน่อยก็ได้จะได้รีแลคตัวเองแต่พอมันมามันชวนบีมาด้วย) พอมันลงมากับบีก็ยังคุยเล่นกันสนุก เราก็ถามว่าได้เอามาไหมมันก็ไม่ได้เอามา แล้วเราก็เลยว่ามันเหมือนทุกครั้งแต่มันยังไม่รู้สึกตัวเราเลยใช้น้ำเสียงขั้นสุด มันเลยรู้มันก็เดินไปบนห้องไม่รู้ได้ขึ้นไปเอาไหม เราเดินออกมานอกหอแล้วบีก็บอกเหมือนให้เราใจเย็น ๆ เราเลยบอกว่ามันหลายครั้งแล้วพอมันมาเราก็เลยพูดอีกแบบให้รู้เรื่อง เดินไปด้วยพูดกันไปด้วยบีอยู่ตรงกลาง
เรา///โทรไปนะเพราะว่ามีเรื่องตั้งใจฟังหน่อย 
มัน///ก็ว่าแต่กูผิดแหละ
เรา///ถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่โทรหลอก
มัน///พิมพ์มาก็ได้ปะ
เรา///พิมพ์ไปแล้วเห็นไหมละ
มัน///ก็ต้องเห็นบางแหละ  (แต่ที่พิมพ์ไปหลังวางสายยังไม่อ่านถ้าเห็นจริงคงเอาลงมาแล้ว)
ประมาณนี้ หลังจากนั้นก็เงียบตลอดทาง ไม่ได้คุยกันเลยเราก็โกรธแล้วก็รู้สึกผิด ขากลับเราก็กลับมาก่อนคนเดียว แล้วจิตใจเราก็ไม่สงบอยากร้องไห้ และก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยจนถึงวันนี้วันเสาร์ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่คีย์การ์ด(แล้วคือประดูหอมีสองฝั่งอีกฝั่งไม่ได้ล็อก)แต่เป็นเรื่องโทรศัพท์ในเมื่อรับแล้วทำไมไม่คุยให้มันรู้เรื่องถ้าจะไม่พยายามฟังจะรับทำไมตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องเดียวกันแต่ไม่ได้คุยกันด้วยความที่อยู่ 4 คน ก็คุยกับคนอื่นบ้างแต่ไม่ได้คุยกันเองแบบปกติ ไม่รุ้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป รู้สึกว่าต่อไปนี้ ซีจะทำอะไรก็จะไม่ว่า ไม่ขัดแล้ว  คือเหมือนเราร็สึกผิดฝ่ายเดียวเพราะมันทำตัวปกติ แล้วเราผิดจริงไหม ควรขอโทษ หรือปล่อยไปตามกาลเวลา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่