สวัสดีค่ะทุกคน เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราเองค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องบอกกับทุกๆคนก่อนว่าครอบครัวเรามีกัน 2 คนคือเรากับแม่ (แม่แยกทางกับพ่อได้ประมาณ 10 ปีแล้ว) ซึ่งก่อนหน้าที่พ่อกับแม่จะแยกทางกัน จริงๆแล้วเรากับแม่ค่อนข้างสนิทกันมีเรื่องเล่าพูดคุยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่ทุกวันนี้ทุกๆอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไป....เมื่อเกือบๆ 3 ปีที่แล้วเรามีแฟนที่คบมาถึงปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าแม่ไม่ได้ปลื้มมากมายเนื่องจากว่าแฟนของเราเป็น LGBTQA+ แต่แม่ก็ค่อยๆยอมรับได้จนยอมให้เค้าย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน เพราะแม่เห็นว่าอยากให้เค้าประหยัดค่าใช้จ่ายเช่น ค่าหอ ค่าน้ำไฟต่างๆ เราก็ไปเที่ยว กิน ไปไหนมาไหนกัน 3 คนค่อนข้างบ่อย (ถ้ามีเวลา) ซึ่งแน่นอนว่าพอเรามีแฟนก็ต้องมีช่วงที่เราไปเที่ยวกับแฟน 2 คน หรือไปกับแม่ 2 คนสลับกันตามเวลาและโอกาส แต่เมื่อไม่นานมานี้แม่ของเราได้พบผู้ชายคนนึง (ในเชิงชู้สาว) แม่เริ่มไปไหนมาไหนกับเค้าบ่อยขึ้น มีการลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน เราไม่ชอบผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่ด้วยเหตุผลที่เรารู้สึกว่าเค้าทำให้แม่ของเราเปลี่ยนไป เช่น แม่ออกข้างบ่อยกลับบ้านดึก ไปไหนไม่ยอมบอก(เก็บเป็นความลับ) ผู้ชายขอยืมเงินแม่หลักแสน (โดยที่เพิ่งรู้จักกัน) เรากลัวว่าแม่เราจะโดนหลอก แต่แม่เราไม่ใช่ทางที่จะตักเตือนได้ง่ายๆ ด้วยความที่เค้ารู้ว่ามีประสบการณ์มากกว่าเรา แต่ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งการที่เรามีแฟนและแม่มีแฟนยิ่งทำให้เรากับแม่มีปัญหากันบ่อยขึ้น จนเราเคยทะเลาะกันครั้งนึงเพราะเราได้ยินแม่คุยโทรศัพท์ระบายเรื่องเรากับเค้า (ผชคนนั้น) ถึงเรื่องประกันที่แม่ทำให้เรา และเราได้ยินผชตอบแม่กลับว่าก็ให้เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันไปเลย ตอนนั้นเราโกรธมากเพราะเรารู้สึกว่าผชให้คำแนะนำที่ผิด (อารมณ์เราคิดว่าเค้าอยากให้แม่เราเปลี่ยนเป็นชื่อเค้า) เราเลยเปิดประตูเค้าไปคุยกับแม่เกือบๆชั่วโมงครึ่งที่เรากับแม่ต่างร้องไห้พูดความในใจ (โดยที่ผู้ชายคาสายในโทรศัพท์ไม่ยอมวาง) หลังจากคุยก็เหมือนเหตุการณ์จะดีขึ้นทีละนิด จนวันนี้ที่เรากับแม่ทะเลาะกันอีกครั้ง...วันนี้ที่แม่พูดกับเรา ว่าเราไม่เคยนึกถึงเค้า ไม่เคยช่วยเหลือเค้า ต้องเล่าเพิ่มเติมว่าแม่มีพี่สาว 1 คน และป้าเองมีลูก 2 คน แม่มักจะชอบเราเรื่องญาติให้เราฟังบ่อยมากๆๆ เพราะเป็นญาติที่ใกล้ชิดสนิทกันที่สุดแต่เรากลับไม่ชอบญาติตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่ชอบเอาเราไปเปรียบกับลูกสาวของป้า บวกกับช่วงที่ยายเราไม่สบายเรากับแม่ดูและท่านที่บ้านเรา แต่ป้าและลูกๆเค้าไม่ค่อยดูดำดูดียายเราเท่าไหร่ ด้วยปมในใจที่เราสร้างขึ้นมาเองจากการชอบโดนเปรียบเทียบบวกกับเมื่อไม่นานมานี้แม่เล่าให้ฟังว่าลูกป้าทอดทิ้งป้าตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นให้เดินกลับโรงแรมคนเดียว หรือ ตอนนี้ที่ลูกสาวป้าแต่งงานมีลูกแล้วก็ยังให้ป้าเราคอยเลี้ยงลูกให้ เราเลยคิดมาตลอดว่าเราจะไม่ทำแบบนั้นเราจะไม่ทอดทิ้งแม่เรา ไม่ให้เค้าต้องมาเดือดร้อนดูแลเรื่องเงินเรื่องทองอะไรให้เรา แบบที่ป้ากับลุงยังต้องส่งเสียงเลี้ยงดูทั้งลูกเค้าและหลานของเค้า (ลูกของลูกสาว) แต่แม่กลับบอกว่าเราเองที่เนรคุณมากกว่าลูกของป้า เราพยายามถามว่าเราผิดอะไรที่ตรงไหน แต่แม่กลับบอกว่าทำไมเค้าต้องบอก ทำไมนึกเองไม่ได้ เรากลายเป็นคนเนรคุณโดยที่เราไม่ทราบสาเหตุ หลายต่อหลายครั้งที่แม่เราเอ่ยปากบอกให้ทั้งเรากับแฟนขนของย้ายออกไปจากบ้านเค้า
กระทู้นี้ที่ตั้งก็เพื่อเจตนาอยากจะระบายความในใจหรือถ้าใครมีคำแนะนำก็ยินดีค่ะ เรื่องราวที่เล่าเป็นมุมมองของเราฝ่ายเดียว หลายท่านอาจจะบอกให้เราคุยกับแม่ แต่แม่เราไม่ใช่ประเภทที่จะเค้าไปนั่งพูดคุยและถามปัญหาได้จริงๆ เค้าพร้อมที่จะเก็บเรื่องราวไว้ในใจคนเดียวและค่อยๆให้เราสำนึกเอง
อย่างไรก็ขอบคุณทุกท่านที่อาจจนจบและสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ
ปัญหาครอบครัวเมื่อลูกสาวมีแฟนและแม่มีความในใจแต่ไม่บอก
ก่อนอื่นเราต้องบอกกับทุกๆคนก่อนว่าครอบครัวเรามีกัน 2 คนคือเรากับแม่ (แม่แยกทางกับพ่อได้ประมาณ 10 ปีแล้ว) ซึ่งก่อนหน้าที่พ่อกับแม่จะแยกทางกัน จริงๆแล้วเรากับแม่ค่อนข้างสนิทกันมีเรื่องเล่าพูดคุยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่ทุกวันนี้ทุกๆอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไป....เมื่อเกือบๆ 3 ปีที่แล้วเรามีแฟนที่คบมาถึงปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าแม่ไม่ได้ปลื้มมากมายเนื่องจากว่าแฟนของเราเป็น LGBTQA+ แต่แม่ก็ค่อยๆยอมรับได้จนยอมให้เค้าย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน เพราะแม่เห็นว่าอยากให้เค้าประหยัดค่าใช้จ่ายเช่น ค่าหอ ค่าน้ำไฟต่างๆ เราก็ไปเที่ยว กิน ไปไหนมาไหนกัน 3 คนค่อนข้างบ่อย (ถ้ามีเวลา) ซึ่งแน่นอนว่าพอเรามีแฟนก็ต้องมีช่วงที่เราไปเที่ยวกับแฟน 2 คน หรือไปกับแม่ 2 คนสลับกันตามเวลาและโอกาส แต่เมื่อไม่นานมานี้แม่ของเราได้พบผู้ชายคนนึง (ในเชิงชู้สาว) แม่เริ่มไปไหนมาไหนกับเค้าบ่อยขึ้น มีการลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน เราไม่ชอบผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่ด้วยเหตุผลที่เรารู้สึกว่าเค้าทำให้แม่ของเราเปลี่ยนไป เช่น แม่ออกข้างบ่อยกลับบ้านดึก ไปไหนไม่ยอมบอก(เก็บเป็นความลับ) ผู้ชายขอยืมเงินแม่หลักแสน (โดยที่เพิ่งรู้จักกัน) เรากลัวว่าแม่เราจะโดนหลอก แต่แม่เราไม่ใช่ทางที่จะตักเตือนได้ง่ายๆ ด้วยความที่เค้ารู้ว่ามีประสบการณ์มากกว่าเรา แต่ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งการที่เรามีแฟนและแม่มีแฟนยิ่งทำให้เรากับแม่มีปัญหากันบ่อยขึ้น จนเราเคยทะเลาะกันครั้งนึงเพราะเราได้ยินแม่คุยโทรศัพท์ระบายเรื่องเรากับเค้า (ผชคนนั้น) ถึงเรื่องประกันที่แม่ทำให้เรา และเราได้ยินผชตอบแม่กลับว่าก็ให้เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันไปเลย ตอนนั้นเราโกรธมากเพราะเรารู้สึกว่าผชให้คำแนะนำที่ผิด (อารมณ์เราคิดว่าเค้าอยากให้แม่เราเปลี่ยนเป็นชื่อเค้า) เราเลยเปิดประตูเค้าไปคุยกับแม่เกือบๆชั่วโมงครึ่งที่เรากับแม่ต่างร้องไห้พูดความในใจ (โดยที่ผู้ชายคาสายในโทรศัพท์ไม่ยอมวาง) หลังจากคุยก็เหมือนเหตุการณ์จะดีขึ้นทีละนิด จนวันนี้ที่เรากับแม่ทะเลาะกันอีกครั้ง...วันนี้ที่แม่พูดกับเรา ว่าเราไม่เคยนึกถึงเค้า ไม่เคยช่วยเหลือเค้า ต้องเล่าเพิ่มเติมว่าแม่มีพี่สาว 1 คน และป้าเองมีลูก 2 คน แม่มักจะชอบเราเรื่องญาติให้เราฟังบ่อยมากๆๆ เพราะเป็นญาติที่ใกล้ชิดสนิทกันที่สุดแต่เรากลับไม่ชอบญาติตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม่ชอบเอาเราไปเปรียบกับลูกสาวของป้า บวกกับช่วงที่ยายเราไม่สบายเรากับแม่ดูและท่านที่บ้านเรา แต่ป้าและลูกๆเค้าไม่ค่อยดูดำดูดียายเราเท่าไหร่ ด้วยปมในใจที่เราสร้างขึ้นมาเองจากการชอบโดนเปรียบเทียบบวกกับเมื่อไม่นานมานี้แม่เล่าให้ฟังว่าลูกป้าทอดทิ้งป้าตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นให้เดินกลับโรงแรมคนเดียว หรือ ตอนนี้ที่ลูกสาวป้าแต่งงานมีลูกแล้วก็ยังให้ป้าเราคอยเลี้ยงลูกให้ เราเลยคิดมาตลอดว่าเราจะไม่ทำแบบนั้นเราจะไม่ทอดทิ้งแม่เรา ไม่ให้เค้าต้องมาเดือดร้อนดูแลเรื่องเงินเรื่องทองอะไรให้เรา แบบที่ป้ากับลุงยังต้องส่งเสียงเลี้ยงดูทั้งลูกเค้าและหลานของเค้า (ลูกของลูกสาว) แต่แม่กลับบอกว่าเราเองที่เนรคุณมากกว่าลูกของป้า เราพยายามถามว่าเราผิดอะไรที่ตรงไหน แต่แม่กลับบอกว่าทำไมเค้าต้องบอก ทำไมนึกเองไม่ได้ เรากลายเป็นคนเนรคุณโดยที่เราไม่ทราบสาเหตุ หลายต่อหลายครั้งที่แม่เราเอ่ยปากบอกให้ทั้งเรากับแฟนขนของย้ายออกไปจากบ้านเค้า
กระทู้นี้ที่ตั้งก็เพื่อเจตนาอยากจะระบายความในใจหรือถ้าใครมีคำแนะนำก็ยินดีค่ะ เรื่องราวที่เล่าเป็นมุมมองของเราฝ่ายเดียว หลายท่านอาจจะบอกให้เราคุยกับแม่ แต่แม่เราไม่ใช่ประเภทที่จะเค้าไปนั่งพูดคุยและถามปัญหาได้จริงๆ เค้าพร้อมที่จะเก็บเรื่องราวไว้ในใจคนเดียวและค่อยๆให้เราสำนึกเอง
อย่างไรก็ขอบคุณทุกท่านที่อาจจนจบและสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ