น่าจะมีคนไม่น้อยมีความฝันที่อยากจะเป็นนักร้อง นักดนตรี จิตรกร นักเขียนชื่อดัง หรืออาชีพอื่นๆที่เป็นผู้ถ่ายทอดงานศิลปะ แต่คนฐานะปานกลางที่ส่วนมากมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่เวลาทั้งวันหมดไปกับการทำงานในออฟฟิส มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะใช้เวลานิดหน่อยที่เหลือหลังเลิกงานและวันหยุดทำตามฝันได้สำเร็จ เพราะศิลปะมันไม่ได้มาจากเพียงแค่พรสวรรค์หรือจินตนาการเท่านั้นแน่ๆ มันต้องมาจากการฝึกอย่างเข้มข้นถึงจะเป็นระดับมืออาชีพได้ พวกคำพูดที่ว่าศิลปะมันมาจากอารมณ์มันใช้จริงไม่ได้ครับ มาตรฐานการแข่งขันในตลาดด้านนี้มันสูงเหลือเกิน อย่างดนตรีร้านเหล้าไม่ใช่แค่ร้องถึง,ร้องไม่เพี้ยนหรือเล่นไม่หลุดลุ่ยแล้วจะได้งาน ทั้งที่แค่นี่ก็ใช้เวลาฝึกซ้อมอย่างหนักแล้ว แต่ยังต้องเอาใจคนดูได้ เพลงก็ต้องเก็บทันตลาด หรือบางร้านคือคนขอเพลงก็ต้องเล่นให้ได้มากๆด้วย แต่ผลตอบแทนที่ได้มาก็ยังดูไม่คุ้มค่า เลยโดนความกดดันและคาดหวังจากคนในครอบครัว, มุมมองจากญาติพี่น้องและสังคมก็มองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงอีก คนที่มีฐานะที่ดีมาตั้งแต่กำเนิดชนิดที่ว่าไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้ทั้งชาติ อันนี้แน่นอนได้เปรียบที่สุดในทุกๆด้าน และมีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านมากกว่า บางคนได้ครูดีๆมาสอนก็คือเป็นเหมือนทางลัดไปเลย แถมมีกำลังทำการตลาดอีก ศิลปินส่วนมากก็เกิดมาจากคนกลุ่มนี้ บางคนก็จะบอกว่าพยายามไม่พอเองรึเปล่า คนยากจนขัดสนได้ดีทางนี้ก็มีให้เห็นอยู่ แต่ถามจริงๆว่าสัดส่วนมันน้อยกว่าคนมีฐานะถูกไหมครับ แต่ที่ตลกคือกลุ่มที่ให้กำเนิดศิลปินรองลงมาผมมองว่ามันเป็นคนรายได้น้อยและไม่สมํ่าเสมอมากกว่าชนชั้นกลางจริงๆนั่นแหละ ความพยายามน่ะมันต้องใช้แน่ แต่มันอาจไม่ใช่ปัจจัยเดียว ด้วยความคาดหวังจากสังคมที่น้อยกว่า และอาจไม่ได้ถูกปลูกฝังมาตรฐานชีวิตมาแบบชนชั้นกลาง เลยไม่ได้มีกรอบชีวิตที่ fixed มาก จนบางคนเวลาชีวิตโดยรวมยังมีเหลือมากกว่ามนุษย์เงินเดือนอีก แล้วเอาจริงๆมันก็ไม่แปลกที่แสงจะฉายไปที่คนกลุ่มนี้เพราะมันดูมีเรื่องราว ดูสู้ชีวิตเหมือนบทละคร ผมจึงมองว่าชนชั้นกลางนี่แหละที่มีโอกาสได้เป็นศิลปินยากที่สุดแล้ว จริงหรือไม่ครับ
คนชนชั้นกลางแทบจะไม่มีโอกาสได้เป็นศิลปินเลยใช่หรือไม่