Tesla (เทสล่า) ยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วว่าระบบขับขี่อัตโนมัติ “Full Self-Driving” ยังมีศักยภาพตามหลังค่ายรถคู่แข่ง
ก่อนหน้านี้ ค่ายรถพลังงานไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันคุยฟุ้งมาอย่างต่อเนื่องว่าระบบขับขี่อัตโนมัติที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมานั้นมีความก้าวล้ำหน้าที่สุดและช่วยให้การเดินทางบนท้องถนนมีความปลอดภัยมากกว่ามนุษย์เป็นผู้ขับขี่
แต่ล่าสุด พวกเขายอมรับแล้วว่าเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติดังกล่าวไม่ใช่ระบบที่มีความล้ำสมัยที่สุดในโลก นั่นหมายความว่ามีระบบคล้ายกันนี้ที่พัฒนาโดยคู่แข่งที่มีศักยภาพเหนือกว่า
ต้องปรับปรุงอีกเยอะ
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หน่วยงานความปลอดภัยบนถนนของสหรัฐอเมริกาเหรือ NHTSA ประกาศเรียกคืนรถยนต์ Tesla กว่า 363,000 คันในสหรัฐอเมริกาที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติ หลังพบว่าระบบดังกล่าวทำให้เกิดความเสี่ยงอุบัตเหตุถึงแก่ชีวิต
Tesla เคลมไว้ว่าระบบขับขี่อัตโนมัติสามารถเร่ง หยุด เลี้ยว และจอดได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ ขณะที่อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ เคยกล่าวไว้ว่าระบบ “Full Self-Driving” มีความปลอดภัยมากกว่ามนุษย์เป็นผู้ขับขี่
แถลงการณ์ของ Tesla ที่ออกมาหลังจากการประกาศเรียกคืนข้างต้นระบุว่า ระบบขับขี่อัตโนมัติของพวกเขายังอยู่ในระดับ Level 2 ไม่ใช่ระดับ Level 3 ซึ่งเป็นระดับที่ค่ายรถรายอื่นอย่าง Honda นำเสนอในรถโปรดักชั่น Legend รุ่นพิเศษที่ผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นแล้ว
ขณะที่ค่ายรถรายอื่น อย่าง Mercedes-Benz ก็กำลังจะเปิดตัวใช้งาน Level 3 อย่างเป็นทางการหลังได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมนี
ทั้งนี้ เทคโนโลยีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติส่วนใหญ่อยู่ในระดับ Level 2 ซึ่งส่วนใหญ่จะเพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ อย่างระบบครูสคอนโทรลแปรผัน ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และระบบป้องกันรถออกนอกเลนพร้อมดึงกลับอัตโนมัติ
สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 3 นั้นตัวรถจะต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เองโดยผู้ขับขี่สามารถทำอย่างอื่นไปได้ อย่างการอ่านหนังสือ ทำงาน หรือใช้โทรศัพท์
หลังจากการประกาศเรียกคืน Tesla ระบุว่าจะหยุดการพัฒนาและนำเสนอระบบนี้ให้แก่ลูกค้าเป็นการชั่วคราวหากยังไม่มีการอัพเดทใหม่
“จนกว่าซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่จะพร้อมใช้งาน เราจะหยุดการนำเสนอ FSD (Full Self-Driving) Beta ให้แก่คนที่เลือกใช้แต่ยังไม่ได้อัพเดทซอฟต์แวร์ใหม่” Tesla ระบุ
AutoFun
Tesla ยอมรับระบบขับขี่อัตโนมัติยังตามหลังค่ายอื่น
ก่อนหน้านี้ ค่ายรถพลังงานไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันคุยฟุ้งมาอย่างต่อเนื่องว่าระบบขับขี่อัตโนมัติที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมานั้นมีความก้าวล้ำหน้าที่สุดและช่วยให้การเดินทางบนท้องถนนมีความปลอดภัยมากกว่ามนุษย์เป็นผู้ขับขี่
แต่ล่าสุด พวกเขายอมรับแล้วว่าเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติดังกล่าวไม่ใช่ระบบที่มีความล้ำสมัยที่สุดในโลก นั่นหมายความว่ามีระบบคล้ายกันนี้ที่พัฒนาโดยคู่แข่งที่มีศักยภาพเหนือกว่า
ต้องปรับปรุงอีกเยอะ
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หน่วยงานความปลอดภัยบนถนนของสหรัฐอเมริกาเหรือ NHTSA ประกาศเรียกคืนรถยนต์ Tesla กว่า 363,000 คันในสหรัฐอเมริกาที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติ หลังพบว่าระบบดังกล่าวทำให้เกิดความเสี่ยงอุบัตเหตุถึงแก่ชีวิต
Tesla เคลมไว้ว่าระบบขับขี่อัตโนมัติสามารถเร่ง หยุด เลี้ยว และจอดได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ ขณะที่อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ เคยกล่าวไว้ว่าระบบ “Full Self-Driving” มีความปลอดภัยมากกว่ามนุษย์เป็นผู้ขับขี่
แถลงการณ์ของ Tesla ที่ออกมาหลังจากการประกาศเรียกคืนข้างต้นระบุว่า ระบบขับขี่อัตโนมัติของพวกเขายังอยู่ในระดับ Level 2 ไม่ใช่ระดับ Level 3 ซึ่งเป็นระดับที่ค่ายรถรายอื่นอย่าง Honda นำเสนอในรถโปรดักชั่น Legend รุ่นพิเศษที่ผลิตแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นแล้ว
ขณะที่ค่ายรถรายอื่น อย่าง Mercedes-Benz ก็กำลังจะเปิดตัวใช้งาน Level 3 อย่างเป็นทางการหลังได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมนี
ทั้งนี้ เทคโนโลยีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติส่วนใหญ่อยู่ในระดับ Level 2 ซึ่งส่วนใหญ่จะเพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ อย่างระบบครูสคอนโทรลแปรผัน ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และระบบป้องกันรถออกนอกเลนพร้อมดึงกลับอัตโนมัติ
สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 3 นั้นตัวรถจะต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เองโดยผู้ขับขี่สามารถทำอย่างอื่นไปได้ อย่างการอ่านหนังสือ ทำงาน หรือใช้โทรศัพท์
หลังจากการประกาศเรียกคืน Tesla ระบุว่าจะหยุดการพัฒนาและนำเสนอระบบนี้ให้แก่ลูกค้าเป็นการชั่วคราวหากยังไม่มีการอัพเดทใหม่
“จนกว่าซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่จะพร้อมใช้งาน เราจะหยุดการนำเสนอ FSD (Full Self-Driving) Beta ให้แก่คนที่เลือกใช้แต่ยังไม่ได้อัพเดทซอฟต์แวร์ใหม่” Tesla ระบุ
AutoFun