JJNY : อุ๊งอิ๊งควงเศรษฐาขอพรพระพุทธชินราช│“ตู่-หนู” เคลมเก่ง│แฉแหลกพิรุธงบ USO│ทหารรัสเซียอยู่ห่างตัวเมืองบัคมุต 1 ก.ม.

อุ๊งอิ๊ง ควง เศรษฐา ขอพรพระพุทธชินราช พร้อมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่เย็นนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3868852
 
 
อุ๊งอิ๊ง ควง เศรษฐา ขอพรพระพุทธชินราช พร้อมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ปลุกเลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เย็นนี้
 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มีนาคม ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย นางสาวณัฐทรัชต์ ชามพูนท เขต 1 ร่วมสักการะพระพุทธชินราช ขอพรในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
  
ก่อนที่จะเดินทางไปช่วยลูกพรรค หาเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 4 พื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และในช่วงเย็นวันนี้ จะมีการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณสวนกลางเมือง เขตเทศบาลนครพิษณุโลก อีกครั้ง
  
สำหรับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ “วัดใหญ่” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ที่ถนนพุทธบูชา ริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในไทย และเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลก
 

 
“ตู่-หนู” เคลมเก่ง… ไม่เกรงใจเพื่อน
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_514956/

ใกล้ช่วงยุบสภา เลือกตั้งเข้าไปทุกที แต่ละพรรคการเมืองต่างก็พากันขนนโยบายออกมาเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนกันอย่างสุดฤทธิ์ ฝั่งพรรครัฐบาลที่ยังได้เปรียบมีอำนาจรัฐในมือ ก็ขยันโชว์ผลงาน ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา 
 
ชนิดที่เรียกว่า มีโอกาสก็ขอเคลมไว้ก่อน ตัวอย่างล่าสุด เมื่อ ครม.เห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จากเดิมเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณหน้าพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค อันประกอบด้วย ภูมิใจไทย, ประชาธิปัตย์ และ รวมไทยสร้างชาติ ต่างพากันออกมาเคลมผลงาน เอาดีเข้าตัว เอาไปหาเสียงกับพี่น้องประชาชนทันที”อนุทิน ชาญวีรกุล” เจ้ากระทรวงหมอ และหังหน้าภูมิใจไทย ออกตัวเป็นคนแรก “พูดแล้วทำ”ค่าป่วยการ อสม. 2 พันบาท ได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว
 
ขอบคุณคณะรัฐมนตรีทุกท่านสนับสนุนเรื่องดีๆ จากนั้นไม่นาน “สาธิต ปิตุเตชะ ” รมช.สาธารณสุข จากประชาธิปัตย์ ก็เอาบ้าง ครม.อนุมัติให้เพิ่มค่าตอบแทน อสม.ตามที่ สธ.เสนอ ก่อนจะปิดท้ายด้วย ”รวมไทยสร้างชาติ” รัฐบาลลุงตู่ทำแล้ว ครม.ไฟเขียวเพิ่มค่าตอบแทน อสม. อสส.เดือนละ 2,000 บาทต่อคน พร้อมสโลแกน “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ซึ่งการพยายามเอาเครดิตของทั้ง 3 พรรค จากการขึ้นค่าตอบแทน อสม.นี้ บ่งบอกชัดว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ต่างจับจ้องแย่งชิงผลงานมาเป็นของตัวเองในทุกเรื่อง เพื่อเอาไปเป็นต้นทุนในการหาเสียงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งนี้
 
เดิมทีพรรคประชาธิปัตย์ คือผู้เริ่มต้นให้ค่าตอบแทน อสม.ตั้งแต่สมัยรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ตอนนั้นให้ 600 บาท รัฐบาลถัดมาเพิ่มเป็น 1,000และรัฐบาลนี้ ก็เพิ่มให้เป็น 1,500 ในช่วงโควิด-19 ก่อนจะดันต่อในช่วงก่อนยุบสภาเป็น 2,000 แต่ และกลายเป็นที่มาของการเคลมผลงาน และนับเป็นรอบที่ 3 แล้วที่มีพรรครัฐบาลเปิดหน้าแย่งผลงานกัน เพื่อหวังคะแนนนิยม
   
แต่รอบนี้โชคดีหน่อย ที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ผู้นำพรรคสีฟ้า ชิงจังหวะโชว์หล่อแบบนิ่มๆ แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ว่ารัฐมนตรีที่กำกับกรมส่งเสริมสุขภาพ ดูแล อสม. คือ “สาธิต ปิตุเตชะ” จากประชาธิปัตย์ ส่วน “อนุทิน” คือเจ้ากระทรวง ก็ต้องเป็นผู้เห็นชอบก่อนจึงนำเข้าครม. และเมื่อ ครม.ไปเขียว ก็ถือเป็นผลงาน “พล.อ.ประยุทธ์” ด้วย ไม่ใช่ผลงานใครคนใดคนหนึ่ง
 
ซึ่งการออกตัวของ”จุรินทร์” สามารถโทนความขัดแย้งของพรรครัฐบาลที่พยายามเคลมผลงานได้เป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้ มีประเด็น บริหารจัดการน้ำ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ฝั่งรวมไทยสร้างชาติของ “บิ๊กตู่” กับ พลังประชารัฐของ”บิ๊กป้อม” ต่างก็พยายามเคลมมาก่อน และยังคาใจกันอยู่
  
ขณะเดียวกัน ยังมีการเคลมนโยบายหาเสียงกันด้วย “พักหนี้3ปี” ที่ฝั่งภูมิใจไทยออกมาโวยว่า เพื่อไทยก๊อปปี้ก่อน ถูกสวนกลับ นโยบายนี้คิด และทำมาตั้งแต่เป็นไทยรักไทย หรือจะพูดง่ายๆว่า ทำมาตั้งแต่ภูมิใจไทยยังไม่เกิดเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากนี้ต้องลุ้นกันต่อว่าจะมีนโยบายอะไรที่จะมีการเคลมเพื่อคะแนนนิยมกันอีกบ้าง ในช่วงเลือกตั้ง 66 นี้
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


แฉแหลกพิรุธงบ USO กสทช.เอื้อสธ. หลังบอร์ดไฟเขียว 3,500 ล้านบาท
https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1057345

ก.สาธารณสุข-กสทช.คลอดแผนเทเลเฮลท์ บริการแพทย์ทางไกลวงเงิน 3,500 ล้านบาท เข้ากรอบโครงการ USO ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอร์ดกสทช. ส่ายหัวของบเฉียด 8,000 ล้านบาท มากกว่างบกระทรวงสธ.เน้นสาธารณสุขมากกว่าโทรคมฯ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.อนันต์ กนกศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) กล่าวว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เห็นชอบงบประมาณราว 3,500 ล้านบาท ดำเนินการโครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า (Universal Telehealth Coverage : UTHC) หรือ เทเลเฮลท์ 
 
ตามโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง(Universal Service Obligation:USO) ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งมีแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานเพื่อมิติเชิงสังคม และมีส่วนของระบบโทรคมนาคมเพื่อสาธารณสุขด้วย ขั้นตอนต่อไปกสทช.คงจะมีการจัดซื้อจัดจ้างและเริ่มดำเนินการ
 
"โครงการนี้เดิมเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาด้านระบบสุขภาพดิจิทัลของประเทศ โดยโทรเวชกรรมถ้วนหน้า ตามที่มีการออกแบบไว้เป็นเรื่องการแพทย์ปฐมภูมิ เป็นระบบเกี่ยวกับการให้บริการของหน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)เป็นหลัก จะเป็นการนำเรื่องของเทลเมดิซีนเข้าไปดำเนินการ เน้นเรื่องการสื่อสาร ระหว่างประชาชนที่มีภาวะพึ่งพิงกับแพทย์ผู้ดูแล โดยจะมีส่วนอื่นๆเป็นเครื่องมือที่เป็นฝั่งประชาชน ที่ใช้ดูแลประชาชน เป็นอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะมีการมอบให้กับคนที่มีภาวะพึ่งพิง” นพ.อนันต์กล่าว 
 
ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจากกสทช.เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้สำนักงาน กสทช. ได้เสนอวาระเพื่อพิจารณาให้อนุมัติ แผน USO 2565 ฉบับที่ 3 (2565) งบประมาณ 8,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 1 ปี เพื่อให้บริการระบบโทรคมนาคมด้านสาธารณสุข แต่ที่ประชุมไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นโครงการที่ให้น้ำหนักกว่า 50% ในการพัฒนาระบบโทรคมนาคมด้านสาธารณสุขมากเกินไป หรืออาจจะเรียกได้ว่ามากกว่างบประมาณที่กระทรวงสาธารณสุขเองเคยจัดสรรเสียอีก จึงได้ตีกลับแผนดังกล่าวให้สำนักงานกลับไปทบทวนแผนใหม่อีกครั้ง
    
แหล่งข่าวยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช.เป็นกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคโดยก่อนหน้าได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการได้แสดงวิสัยทัศน์เรื่องระบบสาธารณสุขอัจฉริยะและการรักษาทางไกลด้วยเทคโนโลยี และโครงการที่เสนอก็เป็นโครงการที่ประธานดูแลโดยตรง
 
สำหรับรายละเอียดของโครงการดังกล่าวภายใต้งบประมาณ 8,000 ล้านบาทนั้น ที่มีการขอมาแต่สุดท้ายบอร์ดอนุมัติในหลักการไปเพียง 3,500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 แผนยุทธศาสตร์ ได้แก่
 
แผน 1 วงเงิน 5,000 ล้านบาท เป็นการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานเพื่อมิติเชิงสังคม แบ่งเป็น
 - ระบบโทรคมนาคมเพื่อสาธารณสุข 4,000 ล้านบาท
- ระบบโทรคมนาคมเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาสในสังคม 1,000 ล้านบาท

แผน 2 วงเงิน 3,000 ล้านบาท เป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในภารกิจโทรคมนาคมพื้นฐาน แบ่งเป็น
- ระบบโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ 2,000 ล้านบาท
- ระบบโทรคมนาคมเพื่อความมั่นคง 1,000 ล้านบาท
 
แหล่งข่าวได้ตั้งข้อสังเกตว่า แผนโครงการ USO ฉบับที่ 3 เน้นไปที่ระบบโทรคมนาคมเพื่อสาธารณสุขมากกว่าด้านอื่นๆ เกินสมควร
 
ดังนั้นเพื่อให้โครงการ USO มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรมีบริการระบบโทรคมนาคมทุกๆด้านอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงตาม พ.ร.บ. กิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ได้แก่
1. บริการโทรคมนาคมในพื้นที่ชนบท
2. บริการโทรคมนาคมสำหรับสถานศึกษา ศาสนสถาน สถานพยาบาล และหน่วยงานอื่นที่ให้ความช่วยเหลือสังคม
3. บริการโทรคมนาคมสาธารณะแก่ผู้มีรายได้น้อย
4. บริการอำนวยความสะดวกในการใช้บริการโทรคมนาคม สำหรับคนพิการ เด็ก คนชรา และผู้ด้อยโอกาส การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงหรือประโยชน์สาธารณะ
5. การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงหรือประโยชน์สาธารณะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่