ลำนำรักกระเรียนพันปี
ลำนำรักกระเรียนพันปี เรื่องนี้ สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใด คัดลอกเนื้อหาหรือนำไปเผยแพร่ในช่องทางอื่นก่อนได้รับอนุญาตจากผู้เขียน
คำนำ
นิยายเรื่อง ‘
ลำนำรักกระเรียนพันปี’ เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ชื่อบุคคล สถานที่ เหตุการณ์ ยุคสมัย ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนแทบทั้งสิ้น(ยกเว้นบทต้น ๆ ซึ่งกล่าวถึงยุคปัจจุบัน) นิยายเรื่องนี้มิใช่นิยายที่อ้างอิงตามประวัติศาสตร์ เนื้อเรื่องที่ผ่านตาผู้อ่าน ผู้เขียนมิได้มีใจจะบิดเบือนหรือลบหลู่ประวัติศาสตร์แต่อย่างใด เป็นเพียงงานเขียนที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ขอผู้อ่านทุกท่านเพลิดเพลินกับเนื้อหา และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
-กระเรียนดำ-
เกริ่นเรื่อง
เสียงอื้ออึงของม้านับร้อยที่ย่ำพื้นจนแผ่นดินสะเทือน ฝีเท้าเร่งเร็วเต็มที่สุดกำลังตามคำสั่งผู้เป็นนาย แม้บนหลังของมันมีอุปกรณ์มากมาย ซ้ำผู้เป็นนายยังสวมเกราะและถืออาวุธ ทว่าน้ำหนักมากมายหาได้เป็นอุปสรรค ตราบที่เจ้านายสั่ง ตราบที่แรงยังมี ตราบที่หนทางข้างหน้าสามารถฝ่าตะลุยไปได้ มันจะไม่มีทางหยุดเด็ดขาด
“ทางนั้นท่านแม่ทัพ! อยู่ทางนั้น!!”
หนึ่งในทหารที่ควบม้าตามหลังมาชนิดแทบเคียงคู่ร้องบอก ผู้นำในครั้งนี้ หรือ
แม่ทัพหลี่จวิน หันขวับไปยังทิวไผ่ไม่ไกลนัก ยังทันได้แลเห็นแผ่นหลังของบุคคลคู่หนึ่งลับหายเข้าไปด้วยอาการรีบร้อน
เขาจำได้ดี แม้เพียงปลายผมก็จำได้ หนึ่งในสองคือ
องค์หญิงซูฮวา และอีกหนึ่งคือมารหัวใจนามว่า
หลี่เฉียง ด้านในยังมองเห็นเงาคนวูบไหวอีกหลายสิบ คงเป็นลูกน้องโง่งมที่พยายามพากันหนี ยิ่งเห็นในอกยิ่งระอุ ‘หนีไม่รอดหรอก!’ แม่ทัพหลี่จวินรำพันในใจด้วยไฟโทสะ กระชากเชือกโยงรั้งบังเหียนให้อาชาคู่กายหักหัวเลี้ยวไปในทิศทางที่ตนต้องการ
สองเท้าหน้าไถกับพื้นจนฝุ่นตลบก่อนควบห้อตะบึงตรงไปยังทิวไผ่ข้างหน้าไม่ไกลนัก เหล่าทหารนายกองต่างเปลี่ยนทิศและควบตามเป็นสาย พร้อมเสียงของแม่ทัพตะเบ็งออกคำสั่งดังลั่นน่าเกรงขาม
“จับเป็นเฉพาะองค์หญิงซูฮวา! ที่เหลือ ฆ่าให้หมด!!”
“ขอรับ!”
เหล่าทหารชาญศึกตอบรับฉับไว ขณะที่แม่ทัพหลี่จวินบังคับม้าให้ชะลอฝีเท้าและหยุดอยู่ห่างจากแนวไผ่ไม่เกินสามช่วงตัว มองดูเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาควบม้าบุกตะลุยจนทิวไผ่เบื้องหน้าแหลกลาญลู่โล่งแหวกเป็นทาง กลุ่มคนที่กำลังหนีตายบ้างพยายามเร้นกายหลบซ่อนเพื่อรักษาชีวิต บ้างพยายามขอร้องอ้อนวอนเพราะความกลัว
แต่ไร้ประโยชน์ เพราะผู้บุกรุกไล่ล่านั้นเป็นทหาร ฉะนั้นการจะรอดชีวิตไปได้ก็ต้องต่อสู้ สู้เท่านั้น น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟฉันใดคนน้อยย่อมพ่ายต่อคนหมู่มากฉันนั้น เสียงอาวุธกระทบกัน เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดระงมลั่นไปทั่วอาณาบริเวณ
“ไม่ใจร้ายไปหน่อยรึขอรับท่านแม่ทัพ? อย่างน้อย ที่รวมอยู่ในนั้นก็มีคู่หมายของท่านอยู่ด้วย ไม่กลัวนางเป็นอันตรายรึ?”
หวังหย่ง คนสนิทและยังรั้งตำแหน่งรองแม่ทัพรับบัญชาจากแม่ทัพหลี่จวินถามเสียงเรียบ มองดูการไล่ล่าฆ่าฟันเบื้องหน้าใบหน้าไร้ความรู้สึกใด ๆ
“หึ! ใช่...ในนั้นมีองค์หญิงซูฮวาอยู่ด้วย แต่คนที่พานางมาเจ้าลืมไปแล้วรึว่าเป็นผู้ใด?” เงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่หวังหย่งจะเอ่ยตอบ
“ขอรับ ข้ารู้ แม่ทัพหลี่เฉียงน้องชายแท้ ๆ ของท่าน”
“ตอนนี้มันถูกปลดแล้ว ทั้งจากตำแหน่งแม่ทัพและ...น้องของข้า สิ่งที่เจ้านั่นกระทำ ข้า...ให้อภัยไม่ได้!”
ขณะเดียวกัน อดีตแม่ทัพหลี่เฉียงและองค์หญิงซูฮวาลัดเลาะลอบหนีจากการตามล่ามาจนสุดขอบเหว ด้านล่างเป็นหน้าผาสูงทอดลงสู่แม่น้ำใหญ่ไหลเชี่ยวกราด
“คงมาได้เท่านี้ล่ะ” อดีตแม่ทัพหลี่เฉียงครางเครือ “องค์หญิง หน้าผานี้เป็นสถานที่สุดท้ายที่เราจะอยู่ด้วยกัน ทางหนีของเราไม่มีอีกแล้ว หลังจากนี้ขอให้จำไว้ว่า หลี่เฉียงผู้นี้จะรักองค์หญิงซูฮวาผู้เปรียบดั่งดวงใจจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย แม้นข้าตายความรักที่มีให้ก็ไม่แปรเปลี่ยน ข้าจะตามหาดวงใจจนกว่าจะพบ ไม่ว่าชาติภพใดก็ตาม”
พูดจบก็ยื่นห่อผ้าให้แล้วผลักองค์หญิงซูฮวาลงหน้าผา แม่น้ำแม้จะไหลเชี่ยวแต่อย่างไรเสียนางก็รอด ยืนมองร่างของหญิงที่รักสุดดวงใจหายไปกับกระแสน้ำ ก่อนหันมาชักกระบี่คมกริบสลักคำว่า ‘จองจำ’ เอาไว้ หันหน้าเข้าฟาดฟันกับทหารของพี่ชายสุดกำลังความสามารถ ไม่มีกลัวเกรง ไม่ยี่หระต่อความตาย...
- กระเรียนดำ -
ลำนำรักกระเรียนพันปี
ลำนำรักกระเรียนพันปี เรื่องนี้ สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใด คัดลอกเนื้อหาหรือนำไปเผยแพร่ในช่องทางอื่นก่อนได้รับอนุญาตจากผู้เขียน
“ทางนั้นท่านแม่ทัพ! อยู่ทางนั้น!!”
หนึ่งในทหารที่ควบม้าตามหลังมาชนิดแทบเคียงคู่ร้องบอก ผู้นำในครั้งนี้ หรือ แม่ทัพหลี่จวิน หันขวับไปยังทิวไผ่ไม่ไกลนัก ยังทันได้แลเห็นแผ่นหลังของบุคคลคู่หนึ่งลับหายเข้าไปด้วยอาการรีบร้อน
เขาจำได้ดี แม้เพียงปลายผมก็จำได้ หนึ่งในสองคือองค์หญิงซูฮวา และอีกหนึ่งคือมารหัวใจนามว่า หลี่เฉียง ด้านในยังมองเห็นเงาคนวูบไหวอีกหลายสิบ คงเป็นลูกน้องโง่งมที่พยายามพากันหนี ยิ่งเห็นในอกยิ่งระอุ ‘หนีไม่รอดหรอก!’ แม่ทัพหลี่จวินรำพันในใจด้วยไฟโทสะ กระชากเชือกโยงรั้งบังเหียนให้อาชาคู่กายหักหัวเลี้ยวไปในทิศทางที่ตนต้องการ
สองเท้าหน้าไถกับพื้นจนฝุ่นตลบก่อนควบห้อตะบึงตรงไปยังทิวไผ่ข้างหน้าไม่ไกลนัก เหล่าทหารนายกองต่างเปลี่ยนทิศและควบตามเป็นสาย พร้อมเสียงของแม่ทัพตะเบ็งออกคำสั่งดังลั่นน่าเกรงขาม
“จับเป็นเฉพาะองค์หญิงซูฮวา! ที่เหลือ ฆ่าให้หมด!!”
“ขอรับ!”
เหล่าทหารชาญศึกตอบรับฉับไว ขณะที่แม่ทัพหลี่จวินบังคับม้าให้ชะลอฝีเท้าและหยุดอยู่ห่างจากแนวไผ่ไม่เกินสามช่วงตัว มองดูเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาควบม้าบุกตะลุยจนทิวไผ่เบื้องหน้าแหลกลาญลู่โล่งแหวกเป็นทาง กลุ่มคนที่กำลังหนีตายบ้างพยายามเร้นกายหลบซ่อนเพื่อรักษาชีวิต บ้างพยายามขอร้องอ้อนวอนเพราะความกลัว
แต่ไร้ประโยชน์ เพราะผู้บุกรุกไล่ล่านั้นเป็นทหาร ฉะนั้นการจะรอดชีวิตไปได้ก็ต้องต่อสู้ สู้เท่านั้น น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟฉันใดคนน้อยย่อมพ่ายต่อคนหมู่มากฉันนั้น เสียงอาวุธกระทบกัน เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดระงมลั่นไปทั่วอาณาบริเวณ
“ไม่ใจร้ายไปหน่อยรึขอรับท่านแม่ทัพ? อย่างน้อย ที่รวมอยู่ในนั้นก็มีคู่หมายของท่านอยู่ด้วย ไม่กลัวนางเป็นอันตรายรึ?”
หวังหย่ง คนสนิทและยังรั้งตำแหน่งรองแม่ทัพรับบัญชาจากแม่ทัพหลี่จวินถามเสียงเรียบ มองดูการไล่ล่าฆ่าฟันเบื้องหน้าใบหน้าไร้ความรู้สึกใด ๆ
“หึ! ใช่...ในนั้นมีองค์หญิงซูฮวาอยู่ด้วย แต่คนที่พานางมาเจ้าลืมไปแล้วรึว่าเป็นผู้ใด?” เงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่หวังหย่งจะเอ่ยตอบ
“ขอรับ ข้ารู้ แม่ทัพหลี่เฉียงน้องชายแท้ ๆ ของท่าน”
“ตอนนี้มันถูกปลดแล้ว ทั้งจากตำแหน่งแม่ทัพและ...น้องของข้า สิ่งที่เจ้านั่นกระทำ ข้า...ให้อภัยไม่ได้!”
ขณะเดียวกัน อดีตแม่ทัพหลี่เฉียงและองค์หญิงซูฮวาลัดเลาะลอบหนีจากการตามล่ามาจนสุดขอบเหว ด้านล่างเป็นหน้าผาสูงทอดลงสู่แม่น้ำใหญ่ไหลเชี่ยวกราด
“คงมาได้เท่านี้ล่ะ” อดีตแม่ทัพหลี่เฉียงครางเครือ “องค์หญิง หน้าผานี้เป็นสถานที่สุดท้ายที่เราจะอยู่ด้วยกัน ทางหนีของเราไม่มีอีกแล้ว หลังจากนี้ขอให้จำไว้ว่า หลี่เฉียงผู้นี้จะรักองค์หญิงซูฮวาผู้เปรียบดั่งดวงใจจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย แม้นข้าตายความรักที่มีให้ก็ไม่แปรเปลี่ยน ข้าจะตามหาดวงใจจนกว่าจะพบ ไม่ว่าชาติภพใดก็ตาม”
พูดจบก็ยื่นห่อผ้าให้แล้วผลักองค์หญิงซูฮวาลงหน้าผา แม่น้ำแม้จะไหลเชี่ยวแต่อย่างไรเสียนางก็รอด ยืนมองร่างของหญิงที่รักสุดดวงใจหายไปกับกระแสน้ำ ก่อนหันมาชักกระบี่คมกริบสลักคำว่า ‘จองจำ’ เอาไว้ หันหน้าเข้าฟาดฟันกับทหารของพี่ชายสุดกำลังความสามารถ ไม่มีกลัวเกรง ไม่ยี่หระต่อความตาย...