* รีวิวนี้ เป็น Repost จากการเดินทางเมื่อปี 2018 - โดยทริปญี่ปุ่นครั้งนี้ ใช้เวลาไปถึง 11 วัน มีโอกาสไปเก็บภาพใน Chubu - พื้นที่ตอนกลางของญี่ปุ่นได้หลายแห่ง
หลังจากการปิดประเทศมา 2 - 3 ปี เชื่อว่าหลายท่านคงกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น และ หากเดินทางในช่วงเวลาปลายเมษายน ขอแนะนำว่าควรเลือกมาเส้นทางนี้ - สำหรับปี 2023 เส้นทางนี้จะเริ่มเปิดให้เที่ยวกันได้ ในวันที่ 15 เมษายน - 30 พฤศจิกายน ครับ
Tateyama Kurobe Alpine Route หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Snow Wall น่าจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ฮอตฮิตที่สุดในแถบ Japan Alps
ความฮอตฮิตของ Japan Alps ก็มีที่มาจากหลากหลายเหตุผล อาทิ :-
- ความสวยงามของทิวทัศน์ เส้นทางเดินป่า ความน่าสนใจของจุดแวะพักต่างๆ และที่พิเศษที่สุด คือ ความหลากหลายของยานพาหนะที่ใช้ เพราะเส้นทางนี้มีการเปลี่ยนพาหนะถึง 9 ครั้ง !
- ที่พิเศษมากกว่านั้นคือ ช่วงเวลาที่ยังมีกำแพงหิมะให้ชม อยู่ในระหว่างปลายเดือนเมษายน ถึง ช่วงต้นหรือกลางเดือนมิถุนายนเท่านั้น เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น หิมะที่ก่อตัวเป็นกำแพงสูง ก็จะค่อยๆละลายหายไปจนหมด เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน
นักท่องเที่ยวมีเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง - 2 เดือนเท่านั้น สำหรับท่องเที่ยวใน route นี้ เพราะยิ่งนานวัน กำแพงหิมะก็จะยิ่งเตี้ยลงเรื่อยๆ
หากหิมะละลายจนหมด เข้าสู่ฤดูร้อน การท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ ก็จะเป็นการ trekking ขึ้นเขา เดินป่า
- ความท้าทายขั้นต่อมา คือ สภาพอากาศ ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ถ้าฟ้าฝนไม่เป็นใจขึ้นมา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหมอก มองอะไรไม่เห็น ถ่ายรูปออกมาก็ไม่สวย หากโชคไม่ดี เจอฝนตกหนัก - เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้ออกไปเดินเล่นยังบริเวณ Snow Wall เพื่อป้องกันอันตรายจากความเสี่ยงในการเกิดกำแพงหิมะถล่ม
มากกว่านั้น คือ ต้องเจอกับคลื่นมหาชนของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติ และ ชาวญี่ปุ่นเอง ที่ต่างก็อยากมาเยือนที่นี่สักครั้งในชีวิต
+ + + + + + + + +
- นักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทาง Route นี้ ต้องบริหารจัดการเวลาในการเก็บรายละเอียด ชื่นชมธรรมชาติ ถ่ายภาพ รับประทานอาหารเที่ยง - และที่สำคัญที่สุดคือ .. การรอคิวในการโดยสารยานพาหนะต่างๆ ในแต่ละช่วง ฯลฯ
เวลา 1 วัน จึงอาจจะยังไม่พอ แต่หากตัดสินใจค้างคืนบนยอดเขาเพื่อให้ได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ก็ต้องแลกด้วยราคาที่พักที่สูงเอาเรื่อง !
- ความสนุกของทริปนี้จึงอยู่ที่การเตรียมตัวของท่านให้แข็งแรง หาข้อมูล และ ศึกษาเส้นทางต่างๆให้เข้าใจ เพื่อการบริหารจัดการเวลาให้สอดคล้องกับความสนุก
สำหรับทริปนี้ของผม ต้องขอขอบคุณ คุณเพื่อน นพ.ปิยะเดช วิจารณกรณ์ ผู้วางแผนการเดินทางตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยการอ่าน อ่าน และ อ่าน เยอะมาก นี่เป็นทริปที่เหนื่อยเอามากๆ แต่ก็สนุกสุดสุด
เราโชคดีมาก ที่มา Snow Wall ในวันที่แดดจ้า ฟ้าใส ถ่ายรูปสนุกจริงๆ จนบางช่วงก็เถลไถล ไม่ยอมลงจากภูเขา เพราะความงามแบบที่ทำให้ไม่อยากจากมาเลย ทำให้ไม่ได้เก็บภาพในจุดชมวิวบางจุด เพราะเวลาไม่พอ
ในรีวิวนี้ผมต้องการนำเสนอวิธีการเดินทางอย่างละเอียด ภาพถ่ายทั้งหมดอยู่ในโหมด Auto บางช่วงก็ได้มุมกล้องไม่ค่อยดี และ มีเบลอไปบ้าง บางทีก็ตกหล่น กดชัตเตอร์ไม่ทัน โดยเฉพาะช่วงขึ้น/ลงรถช่วงท้ายๆ ที่ต้องสารภาพเลยครับ - ว่าเร่งจริงๆ
* แว่นกันแดด - เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้นะครับ เพราะในวันที่แดดจ้า แสงสะท้อนจากหิมะจะเจิดจ้ามาก อาจจะทำให้คุณแสบตามากจนทนไม่ไหว
+ + + + + + + + +
[CR] + + + + + เส้นทางในฝัน Snow Wall : Tateyama Kurobe Alpine Route : การเตรียมตัว และ วิธีวางแผนการเดินทาง ❤️
หลังจากการปิดประเทศมา 2 - 3 ปี เชื่อว่าหลายท่านคงกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น และ หากเดินทางในช่วงเวลาปลายเมษายน ขอแนะนำว่าควรเลือกมาเส้นทางนี้ - สำหรับปี 2023 เส้นทางนี้จะเริ่มเปิดให้เที่ยวกันได้ ในวันที่ 15 เมษายน - 30 พฤศจิกายน ครับ
Tateyama Kurobe Alpine Route หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า Snow Wall น่าจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ฮอตฮิตที่สุดในแถบ Japan Alps
ความฮอตฮิตของ Japan Alps ก็มีที่มาจากหลากหลายเหตุผล อาทิ :-
- ความสวยงามของทิวทัศน์ เส้นทางเดินป่า ความน่าสนใจของจุดแวะพักต่างๆ และที่พิเศษที่สุด คือ ความหลากหลายของยานพาหนะที่ใช้ เพราะเส้นทางนี้มีการเปลี่ยนพาหนะถึง 9 ครั้ง !
- ที่พิเศษมากกว่านั้นคือ ช่วงเวลาที่ยังมีกำแพงหิมะให้ชม อยู่ในระหว่างปลายเดือนเมษายน ถึง ช่วงต้นหรือกลางเดือนมิถุนายนเท่านั้น เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น หิมะที่ก่อตัวเป็นกำแพงสูง ก็จะค่อยๆละลายหายไปจนหมด เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน
นักท่องเที่ยวมีเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง - 2 เดือนเท่านั้น สำหรับท่องเที่ยวใน route นี้ เพราะยิ่งนานวัน กำแพงหิมะก็จะยิ่งเตี้ยลงเรื่อยๆ
หากหิมะละลายจนหมด เข้าสู่ฤดูร้อน การท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ ก็จะเป็นการ trekking ขึ้นเขา เดินป่า
- ความท้าทายขั้นต่อมา คือ สภาพอากาศ ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ถ้าฟ้าฝนไม่เป็นใจขึ้นมา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหมอก มองอะไรไม่เห็น ถ่ายรูปออกมาก็ไม่สวย หากโชคไม่ดี เจอฝนตกหนัก - เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้ออกไปเดินเล่นยังบริเวณ Snow Wall เพื่อป้องกันอันตรายจากความเสี่ยงในการเกิดกำแพงหิมะถล่ม
มากกว่านั้น คือ ต้องเจอกับคลื่นมหาชนของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติ และ ชาวญี่ปุ่นเอง ที่ต่างก็อยากมาเยือนที่นี่สักครั้งในชีวิต
+ + + + + + + + +
- นักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทาง Route นี้ ต้องบริหารจัดการเวลาในการเก็บรายละเอียด ชื่นชมธรรมชาติ ถ่ายภาพ รับประทานอาหารเที่ยง - และที่สำคัญที่สุดคือ .. การรอคิวในการโดยสารยานพาหนะต่างๆ ในแต่ละช่วง ฯลฯ
เวลา 1 วัน จึงอาจจะยังไม่พอ แต่หากตัดสินใจค้างคืนบนยอดเขาเพื่อให้ได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ก็ต้องแลกด้วยราคาที่พักที่สูงเอาเรื่อง !
- ความสนุกของทริปนี้จึงอยู่ที่การเตรียมตัวของท่านให้แข็งแรง หาข้อมูล และ ศึกษาเส้นทางต่างๆให้เข้าใจ เพื่อการบริหารจัดการเวลาให้สอดคล้องกับความสนุก
สำหรับทริปนี้ของผม ต้องขอขอบคุณ คุณเพื่อน นพ.ปิยะเดช วิจารณกรณ์ ผู้วางแผนการเดินทางตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยการอ่าน อ่าน และ อ่าน เยอะมาก นี่เป็นทริปที่เหนื่อยเอามากๆ แต่ก็สนุกสุดสุด
เราโชคดีมาก ที่มา Snow Wall ในวันที่แดดจ้า ฟ้าใส ถ่ายรูปสนุกจริงๆ จนบางช่วงก็เถลไถล ไม่ยอมลงจากภูเขา เพราะความงามแบบที่ทำให้ไม่อยากจากมาเลย ทำให้ไม่ได้เก็บภาพในจุดชมวิวบางจุด เพราะเวลาไม่พอ
ในรีวิวนี้ผมต้องการนำเสนอวิธีการเดินทางอย่างละเอียด ภาพถ่ายทั้งหมดอยู่ในโหมด Auto บางช่วงก็ได้มุมกล้องไม่ค่อยดี และ มีเบลอไปบ้าง บางทีก็ตกหล่น กดชัตเตอร์ไม่ทัน โดยเฉพาะช่วงขึ้น/ลงรถช่วงท้ายๆ ที่ต้องสารภาพเลยครับ - ว่าเร่งจริงๆ
* แว่นกันแดด - เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้นะครับ เพราะในวันที่แดดจ้า แสงสะท้อนจากหิมะจะเจิดจ้ามาก อาจจะทำให้คุณแสบตามากจนทนไม่ไหว
+ + + + + + + + +
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้