การบัญชีกับการโรงแรมอันใหนดีกว่ากัน?

สวัสดีค่ะตอนนี้หนูจะจบม.3เเล้ว เเถมที่บ้านยังมีปัญหาเรื่องเงินมากๆ มากจริงๆค่ะประมาณว่าเงินค่าสมัครเรียนหนูคงต้องหาเองจริงๆ เเต่สิ่งที่ค่อนข้างหนักใจตอนนี้เลยคือการเลือกสายเรียนหนูตัดสินใจจะต่อปวช. เเต่เลือกไม่ได้ระหว่างการบัญชีกับการโรงเเรม
หนูเคยทำงานร้านอาหารหนูรู้สึกว่าโอเครกับงานบริการ ทั้งนี้การโรงแรมอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซึ้งหนูกลัวว่ามันจะเยอะเเล้วหนูไม่ไหว อีกทั้งกลัวว่าจบไปเเล้วไม่มีใครรับเข้าทำงาน
ขอตั้งคำถามว่า
1จบเเล้วสายใหนมีโอกาสหางานทำได้มากที่สุด จบเเล้วไม่อดตายเเน่นอนประมาณนั้นน่ะค่ะ
2 ค่าใช้จ่ายสายการโรงเเรมกับการบัญชีมันต่างกันมากไหมคะ อยากที่ทราบว่าหนูไม่มีเงินถ้าอยากลงทุนก็อยากเลือกที่มันถูกต้อง
3ใครที่มีประสบการณ์หางานทำเองช่วยเเชร์หน่อยค่ะ เเบบออกไปใช้ชีวิตคนเดียวเลย ค่าห้องค่ากินค่าเรียน ต้องทำงานสายตัวเเทบขาดขนาดใหนถึงจะพอคะตามความรู้สึกเลยค่ะ ทั้งนี้หนูอายุเลย15เเล้วเเต่ยากรู้ว่าถ้าสู้สุดกำลังมันจะไปได้ไหมหรือจะลงเเรงเเล้วเสียป่าว ทั้งนี้หนูอยู่กับเเม่เเถมเเม่ก็มีหนี้เป็นหนี้รายวันเลยค่ะ หนูไม่อยากเป็นภาระเขาเลยเเม่อายุ50+เเล้ว เเถมทุกวันก็เหมือนมีคนจะเอาชีวิตเเม่อยู่ตลอดทั้งนี้สาเหตุไม่ได้มาจากเเม่นะคะกลัวคนหาว่าเเม่เล่นไพ่ติดพนัน อยากออกไปใช้ชีวิตคนเดียวเเต่ความจริงกับความฝันมันต่างกันอยู่เเล้ว หนูเลยอยากได้คำชี้เเนะจากคนมีประสบการณ์ส่งตัวเองเรียนจริงๆ ถ้าใครมาเห็นหนูขอคำชี้แนะด้วยนะคะ พรุ่งนี้สอบเเล้ว วันศุกร์ก็จบเเล้ว คิดเเล้วก็ใจห่ยเหมือนกันไม่อยากรับความจริงเลยค่ะเเต่ชีวิตต้องสู้ สู้เว้ยยยย

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
จะตั้งใจตอบนะครับ

จบเเล้วสายใหนมีโอกาสหางานทำได้มากที่สุด จบเเล้วไม่อดตายเเน่นอนประมาณนั้นน่ะค่ะ

บัญชีครับ ยังไงก็หางานได้ ทุกที่ทุกองค์กร ต้องมีแผนกการเงิน แถมเงินเดือนก็ไม่กดมากเท่ากับงานบริการ เพราะมีแต่คนต้องการตำแหน่งนี้ คนมีโอกาสเลือกที่ทำงาน มากกว่างานโรงแรมที่เลือกคนได้

งานโรงแรมเรื่องหางาน...แอบตอบยากครับ หางานอาจจะไม่ยากครับ แต่บุคลากรด้านนี้ทั้งเก่าใหม มีอยู่เยอะไปหมด ล้นจนหลายคนก็ออกไปทำงานอื่น เรียกว่าจบออกมากต้องเหนื่อยแข่ง เหนื่อยให้เค้าตัดครับเพราะตัวเลือกเค้าเยอะ หลายคนยอมลดตำแหน่งมาสมัครงานใหม่ก็ยังมี แถมถ้าจะเติบโตในสายงาน ก็ยอดปิรามิดมาก ถ้าจบ.แค่ปวส. ในสายโรงแรม ไม่มีทางได้อยู่ตำแหน่งบริหารแน่ๆครับ

แต่ถ้านับเนื้องาน บัญชีน่าเบื่อครับ น่าเบื่อมาก มันคือเครื่องคิดเลขมนุษย์ดีๆนี้เอง ก้มหน้าอยู่กับกระดาษ เงยหน้าอยู่กับหน้าจอ แค่นี้จริงๆ สังคมคือแค่คนในแผนก มองหน้าจอ มากกว่าหน้าคน

แต่งานโรงแรม ถ้าผลักตัวเองไปอยู่ในรร.ดีๆได้ เราจะได้อยู่ในที่สวยๆ สภาพแวดล้อมที่สร้างมาเพื่อคนมีตัง ได้เจอคนหลากหลายดีบ้างแย่บ้าง แต่ก็ยังเป็นงานทีมีชีวิตมากกว่า เป็นเครื่องจักร

งานบัญชีเหนื่อยสมอง เหนื่อยใจในงาน กับตัวเลขที่ไม่ลงตัว แต่งานโรงแรมเหนื่อยกาย เหนื่อยใจกับคน เพราะหลายโรงแรมจะใช้ลูกจ้างค่อนข้างเกินเวลา เกินหน้าที่ จนเป็นเรื่องปกติ

ถ้าให้ตอบแบบฟังธงเลย ถ้าเป็นผม สถานการณ์แบบน้อง ผมจะเลือกเรียนบัญชีครับ เพราะ
1.หางานได้แน่ๆ เงินมากเงินน้อยแต่ก็มีงาน อยู่จังหวัดใหนก็มีงาน
2.ด้วยอายุแค่15 ทำงานระหว่างเรียน ถ้าเจอเฒ่าแก่ใจดี ถ้าเค้ารู้ว่าหนูเรียนบัญชีปวส. ก็อาจ ให้งานเป็นเสมียนประจำ หรือ ช่วยงานบัญชี ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ ต่างจากโรงแรมที่นี้ไม่มีทางได้งานด้านนี้เลยจนกว่าจะถึง18 เต็มที่ก็ไปเสริฟในงานเวลาขาดคนจริงๆ ซึ่งก็ไม่มีประจำ

ถ้าเลือกทางยาก แต่ชอบ พี่ว่าใจน้องอยากเรียนการโรงแรมมากกว่า ถ้าเลือกเรียนโรงแรม อยากให้เรียนด้านบาร์เทนเดอร์ติดตัวไว้ด้วย เป็นศาสตร์นี้ ไม่อดตายยามยากครับ

ตลอดชีวิตผมจะแนะนำให้เลือกเรียนสิ่งที่ชอบมาก่อนเรื่องอื่น แต่สำหรับหนูบางที่มองในปัญหาปัจจุบันก็สำคัญกว่า ถ้าใจรักด้านโรงแรม ด้านงานบริการ ยังไงก็ได้ทำครับ แต่ถ้าเรียนงานบริการยากมากๆๆๆครับที่จะได้ทำบัญชี เพราะงานบัญชีเป็นทักษะงานเฉพาะทาง ต้องเรียน แต่งานบริการฝึกเอาหน้างานก็ได้

ผมมีเพื่อนคนนึงจบสัตวแพทย์ แต่ดันไปสมัครงานโรงแรมต่ำแหน่งfront เค้าก็รับนะ

ถ้าถามเรื่องโรคระบาท ธุรกิจโรงแรมเป็น ธุรกิจที่เปราะบางมากครับ อย่าว่าแต่โรคระบาทเลย สงคราม ภัยพิบัต ม็อบการเมือง ส่งผลให้ไม่มีลูกค้าหมดครับ ยังไม่นับช่วงlow seasonอีกนะ  บอกเลยต่อให้ทำงานมาเป็น10ปี ก็อาจได้ออกไม่รู้ตัว

แต่ก่อนจะตัดสินใจเรื่องเรียนบัญชี มีบ้างอย่างที่จำเป็นต้องรู้นะครับ งานนี้อายุการทำงานอาจจะไม่นาน อายุ40ก็เริ่มทำงานยากละ สายตาเสียเพราะต้องนั่งจ้องตัวเลข หลังเอวข้อจะปวดไปหมดเพราะขยับน้อย บางทีทุกคนเลิกงานหมด แต่แผนกเดียวต้องทำถึงเที่ยงคืนเพราะ ตัวเลขไม่ตรงรับเจอ รายจ่ายน้อย รายรับเยอะ แต่เงินในระบบหาย หรือ พรุ่งนี้ต้องจ่ายเงินเดือนแล้วแต่ยังคำนวนได้ไม่ถึงครึ่งของบริษัท หรือ อีก2วันต้องส่งงบดุลให้กลต.  ซึ่งงานหนักมากครับ แถมได้otหรือเปล่าก็ไม่รู้

กลับมาเรื่องหาเงิน
1.แนะนำให้เรียน ปวช  อาทิตย์ เพราะ จันทร์-เสาร์ จะได้ทำงานได้

ขอเอาที่ท่านสมาชิก3663351 ได้เขียนเอาไว้มาให้อ่านนะครับ

ปวช. วันอาทิตย์ มี2แบบ

แบบที่1 ภาคสมทบ สำหรับคนทำงานประจำตรงกับสาขาที่จะเรียน ไม่บังคับว่าต้องมีประสบการณ์การทำงานตรง แค่ทำงานตรงอยู่ก็พอ หลักสูตร 3ปี จะมีในวิทยาลัยเอกชน

แบบที่2 ระบบเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ สำหรับคนทำงานประจำตรงกับสาขาที่จะเรียน และ มีประสบการณ์ทำงานนั้น ๆ มาไม่น้อยกว่า ประมาณ 2ปี+ หลักสูตร 1ปีครึ่ง(อาจแล้วแต่วิทยาลัย) จะมีทั้งในวิทยาลัยของรัฐและเอกชน

*เงื่อนไขเรื่องอายุ บางที่อาจจะรับตั้งแต่ 18ปี ขึ้นไป บาฃที่อาจต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว

**เตรียมขอใบรับรองการทำงานไว้ด้วยนะคะ

เรื่องค่าเทอม แน่นอนว่า วิทยาลัยของรัฐบาล ค่าเทอมถูกกว่า แต่เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละวิทยาลัยค่ะ ต้องสอบถามทางวิทยาลัยด้วยตนเอง

แล้ว เด็ก15จะหาเงินต่อเดือนได้เท่าไหร่ ต่อให้ทำงาน จันทร์-เสาร์ 16ชม.ต่อวัน (นอน8ชม.)
ถามว่าเป็นไปได้ใหมถ้าแยกออกมาอยู่คนเดียว 

ได้มันได้แน่ครับ ห้องเช่า เดือนละ1,500-2,000 กินวันละ100 ตกเดือน 4,500 วันละ 150
แต่มันยากกับหางานมากกว่าเพราะหนูยังเด็กเกินไป แต่ถ้าคิดว่าหางานได้ ได้วันละ150-200 ก็ถือว่าพอไปได้ครับ แต่อาจจะไม่พอเรื่องค่าเทอม ยังไงถ้าจะแยกออกมาอยู่แล้ว ลองขอแม่ช่วยค่าเทอมอย่างน้อยที่สุดซัก2เทอมแรกก่อนครับ ให้หนูได้ลองหาเงินซักปีว่าจะมีเหลือซักเท่าไหร่แต่ถ้าให้ดี หนูหาเงินกินอยู่เอง แล้วให้แม่ช่วยค่าเทอมจนจบ3ปีดีกว่า


หนูเป็นคนเข้มแข็งมาก พี่ขอเป็นกำลังใจให้มากๆๆๆๆนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่