❤️ ฟื้นฟูผิวลดสิวไปในตัว Zeroid Pimprove Anti-Blemish & Pore Clarifying Serum และ
Zeroid Pimprove Soothing Moisturizer ❤️
แบรนด์ซีรอยด์มีที่มาจาก Zero+Steroid = Zeroid เน้นไปที่ผิวที่มีปัญหาผิวเยอะๆหรือเป็นสิว
ส่วนผสมในสกินแคร์ทุกตัวของ Zeroid มีเทคโนโลยี MLE ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ให้ผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีไขมัน 3 ตัวที่เราชอบเรียกว่าสามทหารเสือคือ Ceramide, Cholesterol, Fatty Acid ซึ่งเทคโนโลยีนี้จัดมาให้ครบเลย คนที่ผิวอ่อนแอระคายเคืองง่ายควรมีติดไว้ในรูทีน
❤️
ℤ𝕖𝕣𝕠𝕚𝕕 ℙ𝕚𝕞𝕡𝕣𝕠𝕧𝕖 𝔸𝕟𝕥𝕚-𝔹𝕝𝕖𝕞𝕚𝕤𝕙 & ℙ𝕠𝕣𝕖 ℂ𝕝𝕒𝕣𝕚𝕗𝕪𝕚𝕟𝕘 𝕊𝕖𝕣𝕦𝕞 ❤️
เนื้อสัมผัสน้องมีความเหลวคล้ายโลชั่นน้ำนม เกลี่ยแล้วมีสัดส่วนของน้ำชัดเจน ให้ความรู้สึกเย็นผิวทันทีที่ทา (เย็นแบบไม่เมนทอล)
ฟินนิชมีความคลุมผิว หนึบเล็กน้อย
ไม่มีกลิ่น (จริงๆมีกลิ่นฝืดๆนิดนึง เป็นกลิ่นส่วนผสม ไม่แรง ต้องดมดีๆดมใกล้ๆ) ไม่มี essential oil ไม่มีน้ำหอม
ส่วนผสมของน้องแน่นอนว่ามีเทคโนโลยี MLE ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
และพ่วงมาด้วย LHA ซึ่งเป็นตัวผลัดเซลล์ผิวในรูปแบบอ่อนโยนของ BHA (ใครที่ใช้ BHA แล้วรู้สึกระคายเคืองหรือผิวแห้งให้ลดมาเป็น LHA ได้) ช่วยละลายสิวอุดตัน
Acetyl Dipeptide-3 Aminohexanoate ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่
Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester เป็นเปปไทด์ช่วยลดการระคายเคือง ลดการแสบผิวได้จากการโดนความร้อนหรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
Allantoin ลดการระคายเคืองผิว
Centella Asiatica ปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง
Chamomile (Anthemis Nobilis) ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองผิว
Tranexamic Acid ช่วยเรื่องความกระจ่างใส ลดรอยดำรอยแดง
Niacinamide หรือ Vitamin B3 ใส่มา 4% ช่วยลดอักเสบ ช่วยเรื่องกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้น คุมมัน (ส่วนผสมที่เรารักมาก)
Linseed Extract ให้ความชุ่มชื้น
Celery Extract ช่วยเรื่องลดรอยจุดด่างดำ
หลังเปิดใช้อยู่ได้ 12 เดือน
เห็นได้ว่าเป็นเซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้นควบคู่กับลดสิวและลดรอยสิว ทำให้โอกาสการระคายเคืองต่ำลง
ด้วยความที่เรามีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ rosacea eczema ด้วยตัว rosacea เองมีการอักเสบของผิวอยู่เรื่อยๆและง่ายกว่าปกติอยู่แล้ว
เราเลยใช้คู่กับ ❤️
ℤ𝕖𝕣𝕠𝕚𝕕 ℙ𝕚𝕞𝕡𝕣𝕠𝕧𝕖 𝕊𝕠𝕠𝕥𝕙𝕚𝕟𝕘 𝕄𝕠𝕚𝕤𝕥𝕦𝕣𝕚𝕫𝕖𝕣 ❤️ เพื่อลดการอักเสบ และฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
น้อง Moisturizer คนนี้มีเนื้อสัมผัสคล้ายเจลครีมโลชั่น คือเมื่อเกลี่ยแล้วจะแตกตัวคล้ายโลชั่นที่มีวอลุ่มหน่อย แต่ไม่ไหลจากมือไปที่อื่น
เกลี่ยแล้วมีสัดส่วนของน้ำสูง ให้ความรู้สึกเย็นผิวทันที (ไม่แช่ตู้เย็น ไม่เย็นเมนทอล) หลังซึมลงผิวยังมีความเคลือบผิวอยู่ หนึบเล็กน้อย
ไม่มีกลิ่น ไม่มี essential oil ไม่มีน้ำหอม
นอกจากเทคโนโลยี MLE ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวแล้ว
น้องยังมี Defensamide ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบหรือสิว (ไม่ใช่ยา)
Restomild ช่วยลดการอักเสบของผิว
Niacinamide หรือ Vitamin B3 ที่เรารัก ช่วยลดอักเสบ ควบคุมความมัน ทำให้ผิวกระจ่างใส เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดส่วนผสมที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว (ถึงชอบมากนี่ไง) ใส่มาในความเข้มข้น 5% ซึ่งเป็นปริมาณที่หวังผลได้
Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester เป็นเปปไทด์ช่วยลดการระคายเคือง ลดการแสบผิวได้จากการโดนความร้อนหรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
หลังเปิดใช้อยู่ได้ 12 เดือน
เท่าที่ดูส่วนผสมคือเหมาะกับคนที่ระคายเคืองง่าย มีการอักเสบของผิวได้ง่าย ซึ่งเราว่าเหมาะกับสภาพผิวที่มีปัญหาสุดๆ
ปกติเราเป็นคนที่ใช้ผลัดเซลล์ผิวไม่ได้เลย ต่อให้บอกว่าอ่อนโยนแค่ไหนก็คือไม่ได้เลย ตอนที่ลองน้อง anti-blemish serum ก็แอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะไหวมั้ย
เท่าที่เคยลองใช้ผลัดเซลล์ผิวมา ถ้าไม่เกิดอาการอักเสบของผิวทันทีก็คือสองสามวันผิวก็จะเริ่มไม่ไหว
ซึ่งคู่นี้ช่วงสองสามวันแรกไม่เกิดอะไรขึ้น รู้สึกใช้ได้ปกติไม่มีปัญหาเลยลองใช้ต่อเนื่องเช้าเย็นไปจนเกือบ 3 อาทิตย์ ผิวก็ยังปกติ ไม่ได้รู้สึกแห้งหรือแสบคันแดงอะไรเลย
ในขณะที่เรายังคงแต่งหน้าเรื่อยๆ ยังสัมผัสได้ว่าสิวอุดตันน้อยลง แต่ไม่ได้หายไปทั้งหมดเพราะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยๆ 3 เดือนถึงจะเคลียร์สิวใต้ผิวได้หมด
เรื่องสิวหน้ากากจากในรูปจะเห็นว่ามีการอักเสบขึ้นในจุดเดิมๆที่เป็นปมของสายคล้องหูหน้ากากกับขอบหน้ากาก ซึ่งตรงนี้การระคายเคืองจากการเสียดสีก็เลี่ยงไม่ได้ ต้องทำใจ
สิ่งที่น่าแปลกใจตอนเอารูปมาเทียบกันคือรู้สึกผิวกระจ่างใสขึ้น เวลาที่เทสคือในรูทีนเราไม่มีตัวไหนช่วยเรื่องกระจ่างใสอยู่เลย
รู้สึกว่าผิวดูใสขึ้นจริงๆ พวกรอยดำรอยแดงจากสิวดูจางลงบ้างเล็กน้อย
ส่วนตัวด้วยความที่เป็น rosacea ผิวจะมีการอักเสบง่ายอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ยิ่งมีการใช้ผลัดเซลล์ผิวร่วมด้วยคือแค่ใช้ผิวก็แสบแดงบวมได้เลย
จากที่ทดลองใช้ทั้งคู่มาเกือบ 3 อาทิตย์แทรกเข้าไปในรูทีนเดิม รู้สึกว่าอาการแดงจากการอักเสบของผิวลดลงแบบเห็นได้ชัด (ซึ่งเหนือความคาดหมายเพราะทำใจไว้แล้วว่ามีผลัดเซลล์ โอกาสที่ผิวจะระคายเคืองมีอยู่บ้าง) ในช่วงเช้าที่ตื่นมาผิวที่แดงแทบจะมองไม่เห็นเลยถ้าไม่ใกล้มากๆ
รู้สึกประทับใจที่เหมือนใช้คู่กันแล้วเป็นทีมเวิร์ค
น้อง Soothing Moisturizer จัดการเรื่องอาการระคายเคืองให้เรา
น้อง Clarifying Serum ก็เคลียร์เรื่องสิวอุดตัน และช่วย brightening ได้หน่อย
พอผิวชุ่มชื้นถึง เรื่องความกระจ่างใสก็จะตามมา ✨
เนื้อสัมผัสก็ดี ผิวแห้งให้ใช้สองปั้มเพื่อเพิ่มการปิดผิวโดยไม่รู้สึกหนักจนเกินไป เหมาะกับหน้าร้อนของไทยมาก 😂
น้องไม่ตีกับเมคอัพ และแอบบอกว่าตัว moisturizer นี้มีเนื้อเบา ให้ความชุ่มชื้นสูง เหมาะกับการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้ามากๆ
เรื่องแพคเกจจิ้งนี่เรารู้สึกชอบมาก หัวปั้มใช้ง่ายใช้งานสะดวกไม่เลอะเทอะ ดูไม่ก้องแก้ง
สรุป ใครที่ผิวมีปัญหาเยอะ และกำลังหาผลัดเซลล์ผิวที่อ่อนโยนจริงๆไม่ทิ้งให้เสียน้ำตา ลองรับน้องสองคนนี้ไว้พิจารณาได้ เนื้อสัมผัสและสูตรเหมาะสมกับอากาศประเทศไทยมาก
#ZEROIDความสุขของผิวบอบบาง
#ผิวแพ้ง่ายไว้ใจZeroid
#ผิวพังไว้ใจzeroid
#zeroidที่1ในเกาหลี
[SR] ❤️ ฟื้นฟูผิวลดสิวไปในตัว Zeroid Pimprove Anti-Blemish Pore Clarifying Serum และ Zeroid Pimprove Soothing Moisturizer
Zeroid Pimprove Soothing Moisturizer ❤️
แบรนด์ซีรอยด์มีที่มาจาก Zero+Steroid = Zeroid เน้นไปที่ผิวที่มีปัญหาผิวเยอะๆหรือเป็นสิว
ส่วนผสมในสกินแคร์ทุกตัวของ Zeroid มีเทคโนโลยี MLE ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ให้ผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีไขมัน 3 ตัวที่เราชอบเรียกว่าสามทหารเสือคือ Ceramide, Cholesterol, Fatty Acid ซึ่งเทคโนโลยีนี้จัดมาให้ครบเลย คนที่ผิวอ่อนแอระคายเคืองง่ายควรมีติดไว้ในรูทีน
❤️ ℤ𝕖𝕣𝕠𝕚𝕕 ℙ𝕚𝕞𝕡𝕣𝕠𝕧𝕖 𝔸𝕟𝕥𝕚-𝔹𝕝𝕖𝕞𝕚𝕤𝕙 & ℙ𝕠𝕣𝕖 ℂ𝕝𝕒𝕣𝕚𝕗𝕪𝕚𝕟𝕘 𝕊𝕖𝕣𝕦𝕞 ❤️
เนื้อสัมผัสน้องมีความเหลวคล้ายโลชั่นน้ำนม เกลี่ยแล้วมีสัดส่วนของน้ำชัดเจน ให้ความรู้สึกเย็นผิวทันทีที่ทา (เย็นแบบไม่เมนทอล)
ฟินนิชมีความคลุมผิว หนึบเล็กน้อย
ไม่มีกลิ่น (จริงๆมีกลิ่นฝืดๆนิดนึง เป็นกลิ่นส่วนผสม ไม่แรง ต้องดมดีๆดมใกล้ๆ) ไม่มี essential oil ไม่มีน้ำหอม
ส่วนผสมของน้องแน่นอนว่ามีเทคโนโลยี MLE ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
และพ่วงมาด้วย LHA ซึ่งเป็นตัวผลัดเซลล์ผิวในรูปแบบอ่อนโยนของ BHA (ใครที่ใช้ BHA แล้วรู้สึกระคายเคืองหรือผิวแห้งให้ลดมาเป็น LHA ได้) ช่วยละลายสิวอุดตัน
Acetyl Dipeptide-3 Aminohexanoate ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่
Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester เป็นเปปไทด์ช่วยลดการระคายเคือง ลดการแสบผิวได้จากการโดนความร้อนหรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
Allantoin ลดการระคายเคืองผิว
Centella Asiatica ปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง
Chamomile (Anthemis Nobilis) ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองผิว
Tranexamic Acid ช่วยเรื่องความกระจ่างใส ลดรอยดำรอยแดง
Niacinamide หรือ Vitamin B3 ใส่มา 4% ช่วยลดอักเสบ ช่วยเรื่องกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้น คุมมัน (ส่วนผสมที่เรารักมาก)
Linseed Extract ให้ความชุ่มชื้น
Celery Extract ช่วยเรื่องลดรอยจุดด่างดำ
หลังเปิดใช้อยู่ได้ 12 เดือน
เห็นได้ว่าเป็นเซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้นควบคู่กับลดสิวและลดรอยสิว ทำให้โอกาสการระคายเคืองต่ำลง
ด้วยความที่เรามีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ rosacea eczema ด้วยตัว rosacea เองมีการอักเสบของผิวอยู่เรื่อยๆและง่ายกว่าปกติอยู่แล้ว
เราเลยใช้คู่กับ ❤️ ℤ𝕖𝕣𝕠𝕚𝕕 ℙ𝕚𝕞𝕡𝕣𝕠𝕧𝕖 𝕊𝕠𝕠𝕥𝕙𝕚𝕟𝕘 𝕄𝕠𝕚𝕤𝕥𝕦𝕣𝕚𝕫𝕖𝕣 ❤️ เพื่อลดการอักเสบ และฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
น้อง Moisturizer คนนี้มีเนื้อสัมผัสคล้ายเจลครีมโลชั่น คือเมื่อเกลี่ยแล้วจะแตกตัวคล้ายโลชั่นที่มีวอลุ่มหน่อย แต่ไม่ไหลจากมือไปที่อื่น
เกลี่ยแล้วมีสัดส่วนของน้ำสูง ให้ความรู้สึกเย็นผิวทันที (ไม่แช่ตู้เย็น ไม่เย็นเมนทอล) หลังซึมลงผิวยังมีความเคลือบผิวอยู่ หนึบเล็กน้อย
ไม่มีกลิ่น ไม่มี essential oil ไม่มีน้ำหอม
นอกจากเทคโนโลยี MLE ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวแล้ว
น้องยังมี Defensamide ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบหรือสิว (ไม่ใช่ยา)
Restomild ช่วยลดการอักเสบของผิว
Niacinamide หรือ Vitamin B3 ที่เรารัก ช่วยลดอักเสบ ควบคุมความมัน ทำให้ผิวกระจ่างใส เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดส่วนผสมที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว (ถึงชอบมากนี่ไง) ใส่มาในความเข้มข้น 5% ซึ่งเป็นปริมาณที่หวังผลได้
Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester เป็นเปปไทด์ช่วยลดการระคายเคือง ลดการแสบผิวได้จากการโดนความร้อนหรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
หลังเปิดใช้อยู่ได้ 12 เดือน
เท่าที่ดูส่วนผสมคือเหมาะกับคนที่ระคายเคืองง่าย มีการอักเสบของผิวได้ง่าย ซึ่งเราว่าเหมาะกับสภาพผิวที่มีปัญหาสุดๆ
ปกติเราเป็นคนที่ใช้ผลัดเซลล์ผิวไม่ได้เลย ต่อให้บอกว่าอ่อนโยนแค่ไหนก็คือไม่ได้เลย ตอนที่ลองน้อง anti-blemish serum ก็แอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะไหวมั้ย
เท่าที่เคยลองใช้ผลัดเซลล์ผิวมา ถ้าไม่เกิดอาการอักเสบของผิวทันทีก็คือสองสามวันผิวก็จะเริ่มไม่ไหว
ซึ่งคู่นี้ช่วงสองสามวันแรกไม่เกิดอะไรขึ้น รู้สึกใช้ได้ปกติไม่มีปัญหาเลยลองใช้ต่อเนื่องเช้าเย็นไปจนเกือบ 3 อาทิตย์ ผิวก็ยังปกติ ไม่ได้รู้สึกแห้งหรือแสบคันแดงอะไรเลย
ในขณะที่เรายังคงแต่งหน้าเรื่อยๆ ยังสัมผัสได้ว่าสิวอุดตันน้อยลง แต่ไม่ได้หายไปทั้งหมดเพราะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยๆ 3 เดือนถึงจะเคลียร์สิวใต้ผิวได้หมด
เรื่องสิวหน้ากากจากในรูปจะเห็นว่ามีการอักเสบขึ้นในจุดเดิมๆที่เป็นปมของสายคล้องหูหน้ากากกับขอบหน้ากาก ซึ่งตรงนี้การระคายเคืองจากการเสียดสีก็เลี่ยงไม่ได้ ต้องทำใจ
สิ่งที่น่าแปลกใจตอนเอารูปมาเทียบกันคือรู้สึกผิวกระจ่างใสขึ้น เวลาที่เทสคือในรูทีนเราไม่มีตัวไหนช่วยเรื่องกระจ่างใสอยู่เลย
รู้สึกว่าผิวดูใสขึ้นจริงๆ พวกรอยดำรอยแดงจากสิวดูจางลงบ้างเล็กน้อย
ส่วนตัวด้วยความที่เป็น rosacea ผิวจะมีการอักเสบง่ายอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ยิ่งมีการใช้ผลัดเซลล์ผิวร่วมด้วยคือแค่ใช้ผิวก็แสบแดงบวมได้เลย
จากที่ทดลองใช้ทั้งคู่มาเกือบ 3 อาทิตย์แทรกเข้าไปในรูทีนเดิม รู้สึกว่าอาการแดงจากการอักเสบของผิวลดลงแบบเห็นได้ชัด (ซึ่งเหนือความคาดหมายเพราะทำใจไว้แล้วว่ามีผลัดเซลล์ โอกาสที่ผิวจะระคายเคืองมีอยู่บ้าง) ในช่วงเช้าที่ตื่นมาผิวที่แดงแทบจะมองไม่เห็นเลยถ้าไม่ใกล้มากๆ
รู้สึกประทับใจที่เหมือนใช้คู่กันแล้วเป็นทีมเวิร์ค
น้อง Soothing Moisturizer จัดการเรื่องอาการระคายเคืองให้เรา
น้อง Clarifying Serum ก็เคลียร์เรื่องสิวอุดตัน และช่วย brightening ได้หน่อย
พอผิวชุ่มชื้นถึง เรื่องความกระจ่างใสก็จะตามมา ✨
เนื้อสัมผัสก็ดี ผิวแห้งให้ใช้สองปั้มเพื่อเพิ่มการปิดผิวโดยไม่รู้สึกหนักจนเกินไป เหมาะกับหน้าร้อนของไทยมาก 😂
น้องไม่ตีกับเมคอัพ และแอบบอกว่าตัว moisturizer นี้มีเนื้อเบา ให้ความชุ่มชื้นสูง เหมาะกับการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้ามากๆ
เรื่องแพคเกจจิ้งนี่เรารู้สึกชอบมาก หัวปั้มใช้ง่ายใช้งานสะดวกไม่เลอะเทอะ ดูไม่ก้องแก้ง
สรุป ใครที่ผิวมีปัญหาเยอะ และกำลังหาผลัดเซลล์ผิวที่อ่อนโยนจริงๆไม่ทิ้งให้เสียน้ำตา ลองรับน้องสองคนนี้ไว้พิจารณาได้ เนื้อสัมผัสและสูตรเหมาะสมกับอากาศประเทศไทยมาก
#ZEROIDความสุขของผิวบอบบาง
#ผิวแพ้ง่ายไว้ใจZeroid
#ผิวพังไว้ใจzeroid
#zeroidที่1ในเกาหลี
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้