แม่และน้อง วิจารณ์แฟนเรา เราคิดมากหรือมันคือเรื่องจริง ขอคำปรึกษาค่ะ

เราคบกันกับแฟนมา 5 ปีค่ะ ปกติแฟนทำงานประจำแต่เวิค ฟอมโฮม อาทิตย์นึงทำงาน 1-2 วัน รายได้เดือนละ 20,000-25,000 แล้วแต่ค่าคอมมิชชั่น  เราอายุ 29 แฟนอายุ 30 ค่ะ
พ่อแม่เราของเราเลิกกันตั้งแต่เด็กๆ แม่เราไม่ได้ทำงาน ส่วนพ่อทำรับเหมาก่อสร้างรายได้เดือนนึงหลายล้าน ก็จะส่งเงินให้แม่ใช้ ส่วนเราทำบัญชีในออฟฟิศของพ่อ ส่วนน้องเราก็ออกหน้างานก่อสร้างควบคุมและสั่งงานคนงาน ( น้องเราเป็นกระเทย ) แฟนเราไม่เคยเจอพ่อ เพราะเราไม่กล้าพามาเจอเพราะว่าแต่ก่อนพ่อห้ามไม่ให้เรามีแฟน และยังไม่อยากพามาเจอเพราะกลัวว่าพ่อจะให้เลือกแต่คนรวย 
จนพ่อให้น้องประกาศหาคนมาคุมหน้างานประจำอีก 1 คน เนื่องจากงานที่รับมีหลายงานและคนคุมไม่พอ น้องก็เลยไบอกพ่อเราว่าเอาแฟนของเราทำไหม เพราะแฟนของเราเป็นคนเก่ง หัวไว พ่อเราก็สนใจเลยบอกว่าลองให้แฟนเรามาทำก็ได้ หลังจากนั้น น้องเราก็ไปพูดกับแฟนว่า สนใจมาทำงานกับพ่อเราไหม นี่เป็นโอกาสที่แฟนเราจะได้เจอพ่อและได้ใกล้ชิดพ่อและได้พิสูจน์ความดีให้พ่อเห็น พ่อจะจ่ายเงินเดือนให้แค่เดือนละ 15,000 ทำงานจันทร์-เสาร์ แฟนเราก็ยินดีที่จะเข้ามาช่วยและแฟนก็อยากรู้จักกับพ่อเราด้วยก็ได้ตัดสินใจมาทำงาน แต่แฟนได้บอกว่ากับพ่อเราว่า แฟนยังไม่มีความรู้ว่าออกหน้างานต้องทำอะไรบ้าง แฟนก็ได้บอกพ่อเราว่า ช่วง1-2 เดือนแรกที่มาฝึกงาน ก็จะขอยังไม่รับเงินเดือนเมื่อไหร่ที่พอรู้หรือทำเป็นก็ค่อยรับเงินเดือน และน้องก็ได้พูดกับแฟนเราว้าได้มาทำงานเต็มตัวที่บริษัทพ่อเรา ก็ขอให้แฟนเราออกจากงานที่เดิมแล้วมาทำที่นี้เต็มตัว ( น้องบอกว่าพ่อเราเป็นคนบอก แต่เราไม่แน่ใจว่าพ่อเราพูดจริงหรือป่าว เพราะน้องเราเป็นคนชอบพูดจาข่มขู่ และนิสัยขี้อิจฉา ) แต่แฟนเราก็เต็มใจตามที่น้องบอก เพราะแฟนเราอยากเข้ามาใกล้ชิดพ่อเรา และอยากทำงานร่วมกับเราเพราะอีกหน่อยมันก็คือธุรกิจครอบครัว จนแฟนได้เริ่มงานออกหน้างานต้องตากแดดตลอด ( บริษัทพ่อเราทำรับเหมาราชการ เช่น งาน ถนน งานเขื่อน ) ซึ่งหน้างานไม่มีที่ร่ม และต้องตากแดดเดินดูคุมคนงานทั้งวัน จนแฟนบอกเราว่าร้อนมากแต่ทนได้ แต่ขอซื้อร่มกัน UV สักอัน แฟนเราเป็นคนขาวก็กลัวว่าจะดำ พอแฟนได้ซื้อร่มมา แม่เราเห็น ก็มาพูดกับเราประมาณว่า เว้อทำงานวิศวะกรมากางร่มถ้าพ่อเห็นเขาจะคิดว่าเจ้าสำอางค์ ทำงานแบบนี้ต้องลุยสิ ซึ่งแฟนเราซื้อมาไว้ใช้เวลาที่ต้องตากแดดเป็นเวลานาน แต่ถ้าเดินๆตากแดดดูงานแปปเดียวแฟนก็จะไม่ได้กาง พอแฟนได้มาทำงานได้เดือนกว่า น้องเราก็มาพูดกับแฟนเราว่าต่อไปนี้พ่อเราให้ทำงาน จันทร์-อาทิตย์ ต้องมาดูคนงานทุกวัน เราเลยโมโหเลยพูดกับน้องว่า ให้เงินแค่นี้แต่ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุดนี่นะ ไหนตอนแรกว่าให้ทำจันทร์-เสาร์ วันอาทิตย์ก็ให้พักบ้าง ซึ่งน้องบอกเราว่า พ่อเราสั่ง แต่จิงๆเราไม่เชื่อว่าพ่อเราจะกล้าสั่งให้คนอื่นทำงานทุกวัน แต่พ่อเราสั่งให้น้องเราทำงานทุกวันเพราะถือว่าเป็นลูกเจ้าของ จนเราได้มีปากเสียงกับน้อง ทะเลาะกัน น้องก็กลับไปพูดกับแม่เราว่า เดี๋ยวอี A ( แทนตัวเรา ) ชักจะเอาใหญ่มาเถียงหนู เป็นห่วงผัวมากหรอไงผัวต้องทำงานทุกวันก็จะให้หยุด เวลาเรากับน้องทะเอลาะกัน น้องจะชอบพูดกับแม่ว่า ทวงบุญคุณว่า กูอุส่าพูดกับพ่อให้แฟนมาทำงานฝนบริษัท จะได้ใกล้ชิดกับเรากับพ่อ ยิ้มจะมาปากดีอีก
ซึ่งเราเครียดมากค่ะว่า แม่กับน้องว่าแฟนเราเกินไปไหม เราอึดอัดใจ และสงสารแฟนเรามากถ้าแฟนเรารู้คงเสียใจ เพราะแฟนเราดีกับน้องและแม่เรามาก ชอบพาไปเลี้ยงข้าว พาไปต่างจังหวัด ซื้อของมาฝากบ่อยๆ ทุกวันนี้เราก็ยังติดเงินแฟน 7-8 หมื่น ก็ทยอยใช้คืนเรื่อยๆ แฟนช่วยเรามาตอนเราดือดร้อน แม่เราก็รู้
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
พูดตรงๆ แม่คุณไม่ทำงาน ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย มีปากก็พูดไป
น้องคุณรวมถึงคุณต้นทุนดี เพราะมีใบบุญพ่อ ถึงได้ปากดีปีกกล้าว่าคนอื่นไปทั่ว
คงถือว่าตัวเองเป็นลูกเจ้าของถึงทำตัวแบบนี้
พ่อคุณเอาเปรียบแฟนคุณนะ ทำงานก็ต้องจ่ายค่าแรงที่เหมาะสม
ผู้ใหญ่ที่ดีไม่เอาเปรียบผู้น้อยนะครับ

ส่วนแฟนคุณอยู่ดีๆทิ้งเงินเดือนมาลำบาก บอกว่าอีกหน่อยเป็นธุรกิจครอบครัว
อยากรู้จักบ้านคุณไม่เห็นต้องมาทำงานด้วย ฟังดูก็ตะหงิดใจแปลกๆ

แนะนำว่าต่างคนต่างอยู่เถอะครับ
ความคิดเห็นที่ 13
อ่านมาถึงว่า แฟนคุณ ยอมลาออกจากงาน เราก็ใจหายแทนล่ะ ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย
มาเจอปัญหานี้ โอกาสได้แต่งน่าจะริบหรี่แล้ว  

คุณทำงานบัญชี
น้องคุณออกหน้างานก่อสร้าง คอยควบคุม และ สั่งงานคนงาน
เขาจึงมีฐานะ เป็นหัวหน้า ของแฟนคุณ โดยตรง

เรื่องกางร่ม ที่คุณจะสงสารแฟนคุณไม่ผิด ที่แฟนคุณกางเพราะร้อนก็ไม่ผิด
แต่ที่น้อง และ แม่จะรู้สึกขัดหูขัดตา ก็ต้องดูว่า คนอื่นๆ มีใครเขาเดินคุมงานไป กางร่มไปไหม ?
ถ้าไม่มีเลย  ทุกคนตากแดดกันหมด ก็อย่าได้แปลกใจ ถ้าจะถูกใครมองแปลกๆ รู้สึกว่าเป็นคนหยิบโหย่งจัง

คือ คนเรา ก็คิด ก็พูดไปได้เรื่อยๆนั่นแหละ เวลาที่เห็นอะไรแตกต่างจากคนอื่น หรือผิดมาตรฐานที่ตนเชื่อ

เรื่องที่น้องคุณ  จะให้แฟนคุณมาทำงานทุกวัน
คุณแย้งไปว่า คนเราต้องมีวันพัก  เหตุผลของคุณถูกต้อง ในมุมมองของพนักงานกินเงินเดือน
เหตุผลของน้อง และพ่อ ถูกต้อง ในมุมมองของเจ้าของกิจการ
ในเมื่อน้องก็มาทำงานทุกวัน พ่อก็ไม่มีวันหยุด ทุกคนยุ่งกันหมด แล้วเขาให้แฟนคุณมาทำงานเพิ่ม
มองในแง่ดีคือ แฟนคุณ มีผลงาน ช่วยแบ่งเบาได้ มีแวว เรียนรู้งานได้เร็ว

ที่คุณรู้สึกปกป้องแฟนคุณ อยากเรียกร้องให้เกิดความยุติธรรมทุกครั้งที่มีคนว่าแฟน ไม่ผิดเลย
คนรักกัน ใครจะอยากให้คนอื่นมองแฟนตนไม่ดีล่ะ จริงไหม ?

ที่คุณเถียงแทนแฟนคุณทุกเรื่อง จนเริ่มทะเลาะกับแม่และน้อง  ก็ไม่แปลกที่คนในบ้านคุณจะยิ่งเขม่นแฟนคุณไปเรื่อยๆ
พอรู้ถึงหูพ่อ  … พอเริ่มลามมาถึงคุณภาพในการทำงาน พ่อจะรำคาญ และอยากตัดบท

เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ ที่ผิดจริงๆ คือการตัดสินใจของแฟนคุณ ในการเข้าไปทำงานกับพ่อคุณ ในฐานะที่ยังไม่ใช่ลูกเขยอย่างเป็นทางการ

ทางแก้นะ …
ถ้าไม่รีบถอนตัวออกมา  กันปัญหาความร้าวฉานที่จะเกิดขึ้น จนเข้าหน้ากันไม่ติด
ก็ต้องลุยไปให้สุด แสดงความสามารถให้พ่อเห็นเต็มที่ ให้น้องรู้สึกนับถือจากใจจริง  

และ เรื่องแม่และน้องว่าแฟนคุณยังไง ตราบใดที่พวกเขายังไม่ว่าต่อหน้า ไม่ต้องไปบอกแฟนค่ะ
อย่าไปเติมเชื้อไฟเพิ่ม วางตัวให้ถูกสถานะ ฉลาดในการใช้คำพูด  จะช่วยชะลอความขัดแย้งขั้นแตกหักลงได้ค่ะ

เทียน
ความคิดเห็นที่ 7
คุณก็นะ  กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง  พาแฟนมารู้จักกับพ่อในฐานะแฟน  ยังดูดีกว่าให้รู้จักในฐานะลูกจ้าง     อีกประเด็นคือ งงว่าทำไมคุณไม่คุยกับพ่อตรงๆ     อะไรๆก็คุยผ่านน้อง   น้องจะปั่นหัวพ่อ   ปั่นหัวแฟนคุณยังไงก็ได้
ความคิดเห็นที่ 11
คุณพลาดละ พลาดมากด้วย
-ธุรกิจครอบครัว อย่าเพิ่งเอาแฟนเข้ามาเกี่ยว
- น้องเป็นคนนิสัยเสีย ขี้อิจฉา แถมปากร้าย สุ่มเสี่ยงต่อความร้าวฉานระหว่างคุณ+แฟน และพ่อแม่ของคุณมาก
-ครอบครัวคุณเอาเปรียบแฟนคุณให้เงินเดือนแค่ 15,000 ต่ำกว่าเงินเดือนเก่าของแฟนคุณร่วมหมื่น แถมยังจะเพิ่มวันทำงานให้อีก
- ตามที่คุณเล่ามา ครอบครัวคุณไม่สนใจความรู้สึกคุณเท่าไหร่ และคิดอคติกับแฟนคุณมาตั้งแต่ต้น
- ตัวคุณเองก็ยังติดหนี้แฟนคุณ 7 หมื่น

อ่านแล้วแฟนคุณน่าสงสารที่สุด อยู่ดีๆก็ออกจากงานเพื่อเอาใจคนรัก ยอมให้ครอบครัวเอาเปรียบทุกอย่าง
ส่วนน้องคุณมันไม่ได้มีบุญคุณอะไร เพราะแฟนคุณเขามีงานการที่ดีอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ได้มาร้องขอ ฝ่ายครอบครัวคุณต่างหากที่ไปฉุดเขามากดขี่

ถามตัวเอง ระหว่างรักแฟนกับครอบครัวตัวเอง ถ้ารักแฟน ก็ต้องบอกความจริงกับเขาและช่วยกันหาทางออกให้แฟนคุณออกไปทำงานตามความถนัดของเขาโดยคุณยังอยู่เคียงข้างเขา หรือถ้าคุณรักครอบครัวคุณก็ต้องบอกความจริงกับเขาเช่นกัน แต่ต้องปล่อยแฟนคุณไป ส่วนคุณก็หันมาเชื่อพ่อแม่และน้องของคุณ (งงอยู่เป็นพี่แบบไหนถึงยอมให้น้องมาข่มขู่ และทำไมคุณไม่คุยกับพ่อคุณโดยตรง)

ที่สำคัญ เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้นะคะ
ความคิดเห็นที่ 44
ใครมองว่าผู้ชายเสียเปรียบ ผู้ชายคิดน้อย  เราหัวเราะนะ

เขาลาออกมารับเงินเดือนน้อยลง แต่ลืมไปไหมว่าเขาสอยลูกสาวเถ้าแก่จ้ะ แค่ตากแดดหน่อยๆทำงานเยอะนิดแล้วสุดท้ายได้ทุกอย่าง เทียบกับเป็นลูกจ้างที่อื่น กี่ปีจะได้เดือนละหลายล้านแบบนี้

คนฉลาดควรเป็นไงเหรอคะ หยิ่ง มีศักดิ์ศรี ไม่ยอมมาทำงานด้วย แล้วไปเป็นลูกจ้างสร้างตัวที่อื่น แบบนั้นกี่ปีจะมีเงินเก็บถึงล้านมาจีบลูกสาวเศรษฐีคะ ป่านนั้นลูกชายอาเสี่ยคนอื่นมาคาบไปแล้วจ้ะ

กับแค่ทนแป๊บๆ ฟาดเงินล้าน ได้ศรีภรรยาครบเครื่องพร้อมสมบัติ ยิ่งถ้ามีลูกนี่นะ อื้อหือ อย่าเรียกตกถังข้าวสาร เรียกตกบ่อน้ำมันไปเลยค่ะ น้องชายก็เป็นเพศทางเลือกย่อมไม่มีทายาท แม่ยายเลิกกันไปแล้วย่อมไม่มีสิทธิ์ในสมบัติ พ่อภรรยาจะแข็งแรงอีกกี่ปี ไม่นานก็ต้องให้ลูกดูแลกิจการแทน

ดังนั้น ฝากบอกแฟนนะคะ ว่าทนแป๊บเดียวค่ะ แค่ใครมาแซะเรื่องร่ม หรือต้องทำงานวันอาทิตย์ ก็ทนๆไปเหอะ ถ้าไม่ได้แพลนว่าจะตายใน 3 ปี5 ปี นะ ยังไงชีวิตนี้คุ้มแน่นอน ดูเอาเถอะ แค่นี้ลูกสาวเถ้าแก่เขายังหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ขนาดว่าเงินเดือนสองสามหมื่นไม่แน่ไม่นอน ลูกเถ้าแก่ยังทั้งรักทั้งหลงเลย ใครแตะไม่ได้ เดี๋ยวแต่งไปมีลูกนะ จะกลายเป็นพระราชาเลยจ้ะ ทนหน่อย ว่าที่แม่ยายเขาก็แซะไปเรื่อยแหละคงเพราะเริ่มหวั่นใจล่ะ เขาหมดสิทธิ์ในสมบัติกองนี้แล้วนี่ ถ้าวันใดลูกเห็นผัวดีกว่า แม่ก็แย่พอดี

ตีความให้แตก มองโลกตามจริงแล้วทนๆไปค่ะ ถือซะว่าดีกว่าไปเป็นลูกจ้างที่อื่น เผลอๆต้องทนโดนสับโขก แถมบางทีงานก็ต้องทำทุกวันไม่ต่างกันแล้วได้เงินเดือนแค่ไม่กี่หมื่นเนอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่