รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง ผมไม่ได้จะมาพูดถึงเพลง เล่นของสูง ของ Big Ass แต่อย่างใด หากนี่คือคำนิยามที่เหมาะเจาะสำหรับเรื่องนี้ที่สุด สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งครับ ครั้งนี้ผมจะมารีวิวเรื่อง Uncut Gems หรือชื่อไทย คือ เพชรซ่อนเหลี่ยม ภาพยนตร์ประเภท Crime , Drama , Thriller จากค่ายผู้จัดจำหน่ายอินดี้กระแสแรง A24 ที่เข้าฉายเมื่อปี 2019 แต่ลงฉายทาง Netflix ในปี 2020 ได้รับคำวิจารณ์ดีเยี่ยมจากนักวิจารณ์หลายสถาบัน แถมการันตีด้วยรางวัล Independent Spirit Awards สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และ สาขาตัดต่อยอดเยี่ยม มาแล้วอีกด้วย หนังเรื่องนี้ผมติดตามข่าวมานานทั้งอ่านเรื่องย่อ และ ดูตัวอย่างหนังพร้อมกับรอคอยว่า จะเข้าฉายเมื่อไหร่ เพราะ องค์ประกอบทุกอย่างดูน่าสนใจมาก ทั้งนักแสดงนำอย่าง Adam Sandler ที่พลิกบทบาทเป็นครั้งแรก และเคยติตามผลงานของ 2 พี่น้องผู้กำกับ Benny Safdie กับ Josh Safdie มาแล้วอย่าง Good Time (2017) จนผมสัมผัสได้ว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ ยังมีรายละเอียดซ่อนไว้มากมายไว้ให้คนดูอย่างเราลองค้นหาตามชื่อเรื่องกันเลย
หลังจากดูจบ คุณงามความดีครั้งนี้ต้องยกย่องให้แก่ 2 พี่น้อง Benny Safdie และ Josh Safdie ที่ตาถึงมาก สามารถจับแปลงโฉม Adam มาเป็นพ่อค้าหัวใส เหลี่ยมจัดได้สำเร็จ เหมือนตอนที่เคยเปลี่ยนพระเอกแวมไพร์หน้าหล่อ Robert Pattinson ให้กลายเป็นโจรจน ๆ สุดเซอร์มาแล้ว แถมดนตรีมีจังหวะผสมความเป็น Retro + Electronics คล้ายกับ Family Game ยุค 80 – 90 เหมือนเช่นเคย ซึ่งเข้ากับ Theme Black Comedy สะท้อนจิตใจของมนุษย์และสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนในสังคมได้อย่างลงตัว ฟังแล้วเหมือนไปกระตุ้นเร่งเร้าให้ชีวิตมันวุ่นวายมากขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าหาตีนนั่นเอง บทสนทนาก็จ้อกันไม่หยุดโดยเฉพาะเฮีย Adam นี้เข้าทางแกเลย แต่มันไม่ได้เป็นมุกตลกคาเฟ่ไร้สาระของแกเหมือนเรื่องที่ผ่านมาแต่เป็นมุกสถานการณ์เฉพาะหน้าของคนที่ชอบหาตีนด้วยคำสบถ  ซัดไปกี่คำไม่รู้แต่เยอะมากเป็นแรงขับเคลื่อนในการเอาตัวรอดไปวัน ๆ ส่วนการเดินเรื่อง เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีจุดหักมุมที่สะเทือนใจในช่วงหลัง ส่วนมากจะโฟกัสไปที่กิจวัตรของเฮีย Adam ว่าวันหนึ่งเจอปัญหากับใครบ้าง ทั้งรู้สึกสงสารอยากเอาใจช่วยและสมน้ำหน้าที่ทั้งหมดทำตัวเองทั้งนั้น

ผมว่านี่แหล่ะคือการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของ Adam sandler ที่แกได้ปล่อยของแสดงศักยภาพด้านอื่นบ้างที่นอกจากการโชว์มุกตลกเพียงอย่างเดียว แถมเป็นผลงานที่ผมประทับใจอีกด้วย โดยปกติเราจะเห็นแกแสดงหนังตลกไร้สาระตลอด เช่น Big Daddy (1999) , You don’t mass with the zohan (2008) และ Pixels (2015) แต่กับเรื่องนี้เขาได้ฉีกภาพลักษณ์เดิมไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังมีความตลกร้าย ความกวนโอ๊ยสไตล์ตัวละครที่มีนิสัยโกหกปลิ้นปล้อนกะล่อนเอาตัวรอดเก่งครบสูตร ส่วนตัวละครสมทบอื่น อาทิ Julia Fox แสดงเรื่องแรกได้ดีมีเสน่ห์มาก , Idina Menzel จาก Frozen 1-2 (2013-2019) เจ๊โผล่ไม่กี่ฉากแต่หุ่นแซ่บได้ใจ , Lakieth Stanfield จาก Sorry to bother you (2018) รับบทเป็นลูกน้องของเซเล็บมาดกวน , Kevin Garrett นักบาสชื่อดัง และ The Weekend นักร้องดังที่มารับจ๊อบแสดงเป็นตนเองเฉพาะกิจ ซึ่งทุกคนทำหน้าที่ได้ดีเสมือนเป็นเครื่องปรุงช่วยสร้างสีสัน เพิ่มรสชาติให้อาหารกลมกล่อมมากขึ้น

ตัวหนังถ่ายทอดประเด็นถึงผลลัพธ์ของการพนัน ความโลภ ความต้องการของมนุษย์ได้น่าสนใจ ออกแบบโลกของทุนนิยมที่ขับเคลื่อนด้วยอิทธิพลในระบบทุนนิยมในสังคมในปัจจุบันอย่างแยบยล มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกควบคุมจากการเจริญเติบโตทางเทคโนโลยี การดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอดในสังคมด้วยวิธีการถูกกฎหมาย และ ผิดกฎหมาย แต่เรื่องนี้เอียงเอนอยู่ฝั่งหลัง คือ เล่าในมุมมองของคนทำงานใต้ดิน ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย อยากรวยทางลัดใช้จ่ายฟุ้มเฟือย ดื่มสุรา เสพนารี ติดการพนัน ครบทุกองค์ประชุมสีเทา เมื่อความอยากมากขึ้น ความโลภตามมาก็พร้อมที่จะท้าทายศีลธรรมของตนเอง เสี่ยงชีวิตฝ่าฟันเพื่อให้มีอำนาจ ชื่อเสียง เงินทองให้มากที่สุด แถมด้วยหนี้สินมากมายเป็น Package เสริมตามมา โลกแห่งความจริงอันตรายเกินคาดคิด พลาดเมื่อไหร่เท่ากับจบชีวิต ชีวิตมนุษย์ไม่ใช่เกมที่เล่นจนจบแล้วเริ่มใหม่ได้ ชีวิตเดียว ลมหายใจเดียว โอกาสพลาดคือตาย ทางที่ดีคือ ประกอบอาชีพสุจริต เก็บหอมรอมริบ ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เคารพกฎหมาย ไม่ทำให้ตนเอง และ ผู้อื่นเดือดร้อนดีกว่า
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านรับชมแล้ว สามารถกด Like กด Share ได้ที่เพจ True id Intrend ของผมชื่อ EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ