สวัสดีค่ะ มาเขียนกระทู้ต่อจากคราวที่แล้ว เพื่อแชร์ประสบการณ์ของคนยื่นกู้คอนโดตอนอายุ 25 ปี ฐานเงิน 15,000 บาท ทำงาน 6 เดือน ประกันสังคมไม่ต่อเนื่อง 3 เดือน
1. หาคอนโดที่ใกล้ที่ทำงาน หรือ ใกล้กับที่ที่เราต้องดำรงชีวิต
- หาทางอินเตอร์เน็ต search หาว่า คอนโดขึ้นใหม่ ใกล้ฉัน
- เอาชื่อคอนโด ไปหารูปภาพเพิ่มเติม ใน Facebook, Tiktok, Youtube
2. ติดต่อสอบถามขนาดห้อง ราคา คุณสมบัติผู้กู้กับโครงการ ผ่านไลน์
-คอนโดที่สนใจเป็น คอนโดใหม่แต่เป็นแบบ Low rise มี 8 ชั้น 2 ตึก รวมทั้งโครงการแล้วมีทั้งหมด 150 ห้อง และยังมีแค่โครงการเดียว
-มีขนาดห้อง 26 ตร.ม และ 30 ตร.ม เราเลิอก 30 ตรม.ไป เพราะคิดว่า ถ้าหากจะซื้อเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเอง ควรจะเป็นห้องใหญ่(ความคิดส่วนตัว)
-ถามราคาห้องตามขนาดที่สนใจ โดยที่คอนโดที่นี่จะมีราคาเริ่มต้นที่ 0.99 ลบ. แต่ขนาดห้องที่เราเลือก จะอยู่ประมาณ 1.4XX ขึ้นไป
-นัดกับโครงการวันที่จะเข้าไปดูคอนโดจริงๆ
3. วันที่ไปดูจริง เซลล์สอบทราบเรื่องอายุงาน ซึ่งตอนนั้นพึ่งทำงานได้ เกือบเข้าเดือนที่ 5 แล้ว ตอนแรกเซลล์เหมือนจะไปอยากรับเคส เพราะว่า คุณสมบัติไม่ตรงตามเงื่อนไข ธนาคารหลายๆที่ แต่บอกเซลล์ว่า ขอดูห้องที่วางขนาด 30ตร.ม ก่อนได้ไหม เขาเลยพาไปดูห้องที่ ตกแต่ง บิ้วอินตู้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งราคาอยู่ที่ 1.599 ลบ. (ราคาห้องจริง 1.499 ลบ. แต่ยื่นเกิน 1แสน เพื่อเอามาตกแต่ง)
4. ขอทำสัญญาจอง และสัญญาจะซื้อจะขาย (ขอเซลล์ลองยื่นดู เผื่อได้)
-จอง ราคา 999 ทำสัญญาจะซื้อจะขาย 5,000บาท รวมเป็น 5,999 บาท ซึ่งทางโครงการแจ้งว่า ถ้าทำเรื่องกู้ไม่ผ่าน จะคืนให้ครบเต็มจำนวน พร้อมระบุลงในสัญญา
5. โครงการขอให้ส่งเอกสารให้เพื่อยื่นกู้ โดยที่จะยื่น 2 ธนาคาร คือ ออมสิน และ ธอส เพราะเป็นพนักงานบริษัทเอกชน เอกสารที่ใช้คือ
-สำเนาบัตรประชาชน
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-Statement บัญชีที่เงินเดือนเข้า
-สลิปเงินเดือน
-ใบรับรองเงินเดือน
ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เตรียมไปให้กับโครงการ ตั้งแต่วันที่ไปดูคอนโดแล้ว
6. หลังจากยื่นเอกสารได้ 3 วัน ทั้ง2 ธนาคารโทรมาไล่เลี่ยกันโดยที่
- ธอส. แจ้งว่า สามารถยื่นกู้ได้แน่นอน แต่ต้อง ให้อายุงานครบ 6 เดือน หรือได้รับเงินเดือน เดือนที่6 ครบแล้วเรียบร้อยก่อน
- ออมสิน แจ้งว่า ให้ยื่นภาษีในอินเตอร์เน็ต และ ไปคัดประกันสังคม
ด้วยความที่ว่าประกันสังคมของเราเองไม่ต่อเนื่อง จึงทำให้ค่อนข้างที่ใช้เอกสารเยอะหน่อย
ต่อจากนี้ จะเป็นขั้นตอนการยื่นเรื่องขอกู้กับออมสิน
7. ขอใบทวิ50 จากทั้งบริษัทเก่า และบริษัทปัจจุบัน เพื่อยื่นภาษี และไปคัดประกันสังคมที่สำนักงานประกันสังคม สแกนเอกสารหรือถ่ายรูป ส่งให้โครงการ โครงการจะส่งต่อให้ธนาคารอีกรอบ ตอนเย็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาถาม น้ำหนัก ส่วนสูง เพื่อยื่นทำประกันชีวิต
8. 2 วันหลังจากส่งเอกสาร ทางธนาคารโทรมาถาม เรื่องประวัติเครดิตบูโร อายุการทำงานทั้งที่เก่า และที่ปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการยื่นขอสินเชื่อ
9. 1 วันหลังจากโทรมาซักประวัติ มีเจ้าหน้าที่โทรมาถามเรื่อง การทำประกันอัคคีภัย ว่าต้องการทำกี่ปี และ ค่าเบี้ย ตอนบ่ายได้รับ SMS ว่า อยู่ระหว่างพิจารณาเอกสาร
10. 5 วันหลังจากได้รับ SMS โครงการโทรมาแจ้งว่า สามารถกู้ได้ แต่ได้วงเกินกู้แค่ 1.44 ลบ. สิ่งที่ต้องทำคือ เข้าไปคอนโด เพื่อเปลี่ยนหลัทรัพย์ที่กู้ใหม่ เป็นห้องที่ไม่มีบิ้วอิน และชั้นต่ำลงมา ซึ่งได้ห้องตามแปลนเดิม แต่ชั้นลดลงมา 2 ชั้น ในราคา 1.34 ลบ. เปลี่ยนสัญญาเลขที่ห้อง และให้โครงการยื่นหลักทรัพย์ใหม่
11. หลังจากนั้น ตอนเย็นๆ เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งเรื่อง วงเงินที่สามารถกู้ได้ และ ราคาค่าผ่อนแต่ละงวด
-ปีแรก 5,400 บาท
-ปีที่2-3 6,100 บาท
-ปีที่4เป็นต้นไป 7,200 บาท
และยังแจ้งค่าเบี้ยประกันชีวิต
12. 4 วันหลังจากแจ้งรายละเอียดการผ่อนชำระ ธนาคารมีโทรมาขอเอกสารเพิ่ม คือ สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุดที่ได้รับ
13. 1 วันหลังจากส่งสลิปให้ธนาคาร โครงการโทรมาแจ้งให้เข้าไปตรวจห้องกับช่าง
14. ระหว่างรอวันนัดไปตรวจห้อง ธนาคารมีโทรมาแจ้งว่า เนื่องจากอายุงานยังไม่ครบ 6 เดือน (ซึ่งเหลืออีกประมาณ 16 วันก็จะครบ6เดือน) ยังไม่สามารถเซ็นสัญญา และจำนองทรัพย์สินได้ ต้องรออายุงาครบก่อน (ใจเริ่มเสียแล้ว) เลยถามเจ้าหน้าธนาคารไปว่า ได้สินเชื่อแน่นอนใช่ไหม ค่อนข้างกังวล ทางเจ้าหน้าที่ ก็แจ้งว่า ได้แน่นอน เหลือแค่รออายุงาน 6 เดือนบริบูรณ์เท่านั้น และธนาคารแจ้งวันนัดเซ็นสัญญา ซึ่งเป็นหลังวันที่ทำงานครบ6เดือน เพียงแค่ 1 วัน และวันจดจำนอง 2 วันหลังจากนั้น
15. เพิ่มเติมความชัวร์ ด้วยการถามโครงการอีกครั้งว่า สามารถซื้อคอนโดได้แน่นอนใช่ไหม ทางโครงการแจ้งว่า ได้แน่นอน หลังวันที่จดจำนองกับธนาคารแล้ว สามารถเข้าอยู่ได้เลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการกู้บ้านหลังแรกในชีวิต คือ
1. เตรียมเอกสารให้พร้อม ก่อนที่จะไปจองคอนโด
2. เมื่อธนาคารหรือโครงการ ขอเอกสารอะไร ให้รีบดำเนินการจัดการให้เร็วที่สุด
3. ถ้าหากอ่านเงื่อนไขแล้ว คิดว่าคุณสมบัติเราไม่ตรง หรือ ไม่มมั่นใจ ให้ลองทำ ลองยื่นดูก่อน เผื่อได้ ถ้าไม่ได้ก็กลับมาเตรียมความพร้อมใหม่
ซึ่งก่อนหน้านี้ ตัวเราเองเคยยื่นกู้คอนโดตอนว่างงาน(ทำงานธุรกิจกับที่บ้าน เป็นผู้ถือหุ้น 25% ไม่มีประสังคม) ยื่นกู้ในรูปแบบเจ้าของธุรกิจ มีการเสียภาษี จดทะเบียนการค้าเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ผ่าน เลยต้องออกจากที่บ้าน มาหางานประจำทำแทน
ใครคิดว่าอายุแค่ 25 จะอยากมีภาระไปทำไม ขอตอบเรื่องนะว่า ฉันอยากสร้างตัว ตอนที่มีแรง มีกำลัง มีโอกาส และมีไฟ และคิดว่า ถ้าหากมีบ้านอาจจะเป็นแรงที่ช่วยให้อยากทำงาน ไม่ขี้เกียจ เพราะก่อนหน้านั้นเคยทำงานและลาหยุดบ่อย ทำแบบไม่มี passion แค่ทำไปเพราะ เรียนจบแล้วต้องมางานทำ จนโดนจ้างออก เพราะไม่กระตือรือร้นกับการทำงาน เลยคิดว่า ถ้าหากจะเลิกขี้เกียจทำงานได้ ก็ต้องมีภาระ มีหนี้ จะได้มีแรงมาทำงานหาเงินไปใช้หนี้ ซึ่งตอนนี้พอฉันรู้ว่า ฉันอยากจะซื้อคอนโดให้ได้ ก็ตั้งใจทำงานมากก จนตอนนี้หัวหน้าขึ้นเงินเดือนให้แล้วค่ะ จบบบบบบบ
กู้คอนโดธนาคารออมสิน 2566
1. หาคอนโดที่ใกล้ที่ทำงาน หรือ ใกล้กับที่ที่เราต้องดำรงชีวิต
- หาทางอินเตอร์เน็ต search หาว่า คอนโดขึ้นใหม่ ใกล้ฉัน
- เอาชื่อคอนโด ไปหารูปภาพเพิ่มเติม ใน Facebook, Tiktok, Youtube
2. ติดต่อสอบถามขนาดห้อง ราคา คุณสมบัติผู้กู้กับโครงการ ผ่านไลน์
-คอนโดที่สนใจเป็น คอนโดใหม่แต่เป็นแบบ Low rise มี 8 ชั้น 2 ตึก รวมทั้งโครงการแล้วมีทั้งหมด 150 ห้อง และยังมีแค่โครงการเดียว
-มีขนาดห้อง 26 ตร.ม และ 30 ตร.ม เราเลิอก 30 ตรม.ไป เพราะคิดว่า ถ้าหากจะซื้อเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเอง ควรจะเป็นห้องใหญ่(ความคิดส่วนตัว)
-ถามราคาห้องตามขนาดที่สนใจ โดยที่คอนโดที่นี่จะมีราคาเริ่มต้นที่ 0.99 ลบ. แต่ขนาดห้องที่เราเลือก จะอยู่ประมาณ 1.4XX ขึ้นไป
-นัดกับโครงการวันที่จะเข้าไปดูคอนโดจริงๆ
3. วันที่ไปดูจริง เซลล์สอบทราบเรื่องอายุงาน ซึ่งตอนนั้นพึ่งทำงานได้ เกือบเข้าเดือนที่ 5 แล้ว ตอนแรกเซลล์เหมือนจะไปอยากรับเคส เพราะว่า คุณสมบัติไม่ตรงตามเงื่อนไข ธนาคารหลายๆที่ แต่บอกเซลล์ว่า ขอดูห้องที่วางขนาด 30ตร.ม ก่อนได้ไหม เขาเลยพาไปดูห้องที่ ตกแต่ง บิ้วอินตู้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งราคาอยู่ที่ 1.599 ลบ. (ราคาห้องจริง 1.499 ลบ. แต่ยื่นเกิน 1แสน เพื่อเอามาตกแต่ง)
4. ขอทำสัญญาจอง และสัญญาจะซื้อจะขาย (ขอเซลล์ลองยื่นดู เผื่อได้)
-จอง ราคา 999 ทำสัญญาจะซื้อจะขาย 5,000บาท รวมเป็น 5,999 บาท ซึ่งทางโครงการแจ้งว่า ถ้าทำเรื่องกู้ไม่ผ่าน จะคืนให้ครบเต็มจำนวน พร้อมระบุลงในสัญญา
5. โครงการขอให้ส่งเอกสารให้เพื่อยื่นกู้ โดยที่จะยื่น 2 ธนาคาร คือ ออมสิน และ ธอส เพราะเป็นพนักงานบริษัทเอกชน เอกสารที่ใช้คือ
-สำเนาบัตรประชาชน
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-Statement บัญชีที่เงินเดือนเข้า
-สลิปเงินเดือน
-ใบรับรองเงินเดือน
ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เตรียมไปให้กับโครงการ ตั้งแต่วันที่ไปดูคอนโดแล้ว
6. หลังจากยื่นเอกสารได้ 3 วัน ทั้ง2 ธนาคารโทรมาไล่เลี่ยกันโดยที่
- ธอส. แจ้งว่า สามารถยื่นกู้ได้แน่นอน แต่ต้อง ให้อายุงานครบ 6 เดือน หรือได้รับเงินเดือน เดือนที่6 ครบแล้วเรียบร้อยก่อน
- ออมสิน แจ้งว่า ให้ยื่นภาษีในอินเตอร์เน็ต และ ไปคัดประกันสังคม
ด้วยความที่ว่าประกันสังคมของเราเองไม่ต่อเนื่อง จึงทำให้ค่อนข้างที่ใช้เอกสารเยอะหน่อย
ต่อจากนี้ จะเป็นขั้นตอนการยื่นเรื่องขอกู้กับออมสิน
7. ขอใบทวิ50 จากทั้งบริษัทเก่า และบริษัทปัจจุบัน เพื่อยื่นภาษี และไปคัดประกันสังคมที่สำนักงานประกันสังคม สแกนเอกสารหรือถ่ายรูป ส่งให้โครงการ โครงการจะส่งต่อให้ธนาคารอีกรอบ ตอนเย็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาถาม น้ำหนัก ส่วนสูง เพื่อยื่นทำประกันชีวิต
8. 2 วันหลังจากส่งเอกสาร ทางธนาคารโทรมาถาม เรื่องประวัติเครดิตบูโร อายุการทำงานทั้งที่เก่า และที่ปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการยื่นขอสินเชื่อ
9. 1 วันหลังจากโทรมาซักประวัติ มีเจ้าหน้าที่โทรมาถามเรื่อง การทำประกันอัคคีภัย ว่าต้องการทำกี่ปี และ ค่าเบี้ย ตอนบ่ายได้รับ SMS ว่า อยู่ระหว่างพิจารณาเอกสาร
10. 5 วันหลังจากได้รับ SMS โครงการโทรมาแจ้งว่า สามารถกู้ได้ แต่ได้วงเกินกู้แค่ 1.44 ลบ. สิ่งที่ต้องทำคือ เข้าไปคอนโด เพื่อเปลี่ยนหลัทรัพย์ที่กู้ใหม่ เป็นห้องที่ไม่มีบิ้วอิน และชั้นต่ำลงมา ซึ่งได้ห้องตามแปลนเดิม แต่ชั้นลดลงมา 2 ชั้น ในราคา 1.34 ลบ. เปลี่ยนสัญญาเลขที่ห้อง และให้โครงการยื่นหลักทรัพย์ใหม่
11. หลังจากนั้น ตอนเย็นๆ เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งเรื่อง วงเงินที่สามารถกู้ได้ และ ราคาค่าผ่อนแต่ละงวด
-ปีแรก 5,400 บาท
-ปีที่2-3 6,100 บาท
-ปีที่4เป็นต้นไป 7,200 บาท
และยังแจ้งค่าเบี้ยประกันชีวิต
12. 4 วันหลังจากแจ้งรายละเอียดการผ่อนชำระ ธนาคารมีโทรมาขอเอกสารเพิ่ม คือ สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุดที่ได้รับ
13. 1 วันหลังจากส่งสลิปให้ธนาคาร โครงการโทรมาแจ้งให้เข้าไปตรวจห้องกับช่าง
14. ระหว่างรอวันนัดไปตรวจห้อง ธนาคารมีโทรมาแจ้งว่า เนื่องจากอายุงานยังไม่ครบ 6 เดือน (ซึ่งเหลืออีกประมาณ 16 วันก็จะครบ6เดือน) ยังไม่สามารถเซ็นสัญญา และจำนองทรัพย์สินได้ ต้องรออายุงาครบก่อน (ใจเริ่มเสียแล้ว) เลยถามเจ้าหน้าธนาคารไปว่า ได้สินเชื่อแน่นอนใช่ไหม ค่อนข้างกังวล ทางเจ้าหน้าที่ ก็แจ้งว่า ได้แน่นอน เหลือแค่รออายุงาน 6 เดือนบริบูรณ์เท่านั้น และธนาคารแจ้งวันนัดเซ็นสัญญา ซึ่งเป็นหลังวันที่ทำงานครบ6เดือน เพียงแค่ 1 วัน และวันจดจำนอง 2 วันหลังจากนั้น
15. เพิ่มเติมความชัวร์ ด้วยการถามโครงการอีกครั้งว่า สามารถซื้อคอนโดได้แน่นอนใช่ไหม ทางโครงการแจ้งว่า ได้แน่นอน หลังวันที่จดจำนองกับธนาคารแล้ว สามารถเข้าอยู่ได้เลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการกู้บ้านหลังแรกในชีวิต คือ
1. เตรียมเอกสารให้พร้อม ก่อนที่จะไปจองคอนโด
2. เมื่อธนาคารหรือโครงการ ขอเอกสารอะไร ให้รีบดำเนินการจัดการให้เร็วที่สุด
3. ถ้าหากอ่านเงื่อนไขแล้ว คิดว่าคุณสมบัติเราไม่ตรง หรือ ไม่มมั่นใจ ให้ลองทำ ลองยื่นดูก่อน เผื่อได้ ถ้าไม่ได้ก็กลับมาเตรียมความพร้อมใหม่
ซึ่งก่อนหน้านี้ ตัวเราเองเคยยื่นกู้คอนโดตอนว่างงาน(ทำงานธุรกิจกับที่บ้าน เป็นผู้ถือหุ้น 25% ไม่มีประสังคม) ยื่นกู้ในรูปแบบเจ้าของธุรกิจ มีการเสียภาษี จดทะเบียนการค้าเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ผ่าน เลยต้องออกจากที่บ้าน มาหางานประจำทำแทน
ใครคิดว่าอายุแค่ 25 จะอยากมีภาระไปทำไม ขอตอบเรื่องนะว่า ฉันอยากสร้างตัว ตอนที่มีแรง มีกำลัง มีโอกาส และมีไฟ และคิดว่า ถ้าหากมีบ้านอาจจะเป็นแรงที่ช่วยให้อยากทำงาน ไม่ขี้เกียจ เพราะก่อนหน้านั้นเคยทำงานและลาหยุดบ่อย ทำแบบไม่มี passion แค่ทำไปเพราะ เรียนจบแล้วต้องมางานทำ จนโดนจ้างออก เพราะไม่กระตือรือร้นกับการทำงาน เลยคิดว่า ถ้าหากจะเลิกขี้เกียจทำงานได้ ก็ต้องมีภาระ มีหนี้ จะได้มีแรงมาทำงานหาเงินไปใช้หนี้ ซึ่งตอนนี้พอฉันรู้ว่า ฉันอยากจะซื้อคอนโดให้ได้ ก็ตั้งใจทำงานมากก จนตอนนี้หัวหน้าขึ้นเงินเดือนให้แล้วค่ะ จบบบบบบบ