ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม! เพจรัฐบาล ลบรูป 'ประยุทธ์' ในห้องแล็บทิ้ง หลังไม่สวมเครื่องป้องกัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7527482
ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม! เพจรัฐบาล ลบรูป ‘ประยุทธ์’ ในห้องแล็บทิ้ง หลังไม่สวมเครื่องป้องกัน ทั้งถุงมือ หมวกคลุม อีกทั้งยังใส่เครื่องประดับ
23 ก.พ. 2566 – จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก
ไทยคู่ฟ้า ช่องทางประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ลงภาพ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ มีกำหนดการเยี่ยมชมความก้าวหน้าของงานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมฮาลาล ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.)
แต่สิ่งที่ได้รับการกล่าวถึงวิพากษ์วิจารณ์ และแชร์ออกไปมากมาย คือภาพ พล.อ.
ประยุทธ์ ที่แฟนเพจลงขณะเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ แต่ไร้ซึ่งอุปกรณ์ป้องกัน โดยนายกฯไม่ได้สวมแว่นตา ไม่สวมถุงมือ ไม่สวมหมวกคลุม อีกทั้งยังใส่เครื่องประดับ
ซึ่งหลังถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการแต่งกาย ล่าสุด เมื่อเข้าไปตรวจสอบที่แฟนเพจ “ไทยคู่ฟ้า” ปรากฏว่า ภาพดังกล่าวได้ถูกลบหายไปแล้ว
อ.ปริญญา มั่นใจ เพื่อไทย มาอันดับหนึ่ง แต่ไม่แลนด์สไลด์ ชี้เลือกตั้ง 66 จุดเปลี่ยนประเทศ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7526561
อ.ปริญญา มั่นใจ เพื่อไทย มาอันดับหนึ่ง แต่ไม่แลนด์สไลด์ ย้ำต้องปิดสวิตช์ ส.ว. หยุดปฏิวัติ ชี้ เลือกตั้ง 66 จุดเปลี่ยนประเทศ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ก.พ. 2566 ที่บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เครือมติชน จัดแถลงข่าว “
มติชน : เลือกตั้ง’66 บทใหม่ประเทศไทย” ร่วม “
วิเคราะห์เลือกตั้ง’66 อนาคตประเทศไทย” โดยนาย
สรกล อดุลยานนท์ หรือ
หนุ่มเมืองจันท์ นักเขียน คอลัมนิสต์ชื่อดัง และนาย
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นาย
สรกล กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบรรยากาศที่คลี่คลายกว่าปี 62 เพราะไม่ได้เลือกตั้งหลังรัฐประหาร และตอนนั้นมีเรื่องของมาตรา 44 มีรัฐธรรมนูญที่คสช.ร่างขึ้นมา จึงมองว่าครั้งนี้น่าจะคลี่คลายกว่าเดิม พล.อ.
ประยุทธ์ อยู่มานาน 9 ปี ความรู้สึกของคนเริ่มเปลี่ยน แต่การเลือกตั้งของเราทุกวันนี้มันอยู่กับความกลัว กับคำที่ว่าไม่เลือกเรา เขามาแน่ การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุด
ด้านนาย
ปริญญา กล่าวว่า ตนมองการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยน คนที่ยึดอำนาจเมื่อ 9 ปีที่แล้วจะได้เป็นนายรัฐมนตรีอีกหรือไม่ แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ จะเกิดขึ้นเมื่อส.ว.ชุดนี้หมดวาระ อำนาจในการเลือกนายกฯ องค์กรอิสระ และตุลาการศาลจะหมดไป ด้วยวาระ 5 ปีที่จะหมดไปในวันที่ 11 พ.ค. 67 ดังนั้น ในการเลือกตั้งอะไรก็ตามที่มีการเลือกก่อนปี 67 จะยังคงอำนาจส.ว. และเลือกนายกฯได้ ที่บอกว่าเลือกตั้งปี 66 ประชาชนเป็นผู้กำหนดนั้น ถูกต้องครึ่งเดียว เพราะพรรคที่แลนด์สไลด์ของจริงคือ 250 ส.ว. นอนมาแล้ว
นาย
ปริญญา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำคัญคือ 2 ป. แตกกันหรือไม่ ส.ว.เสียงแตกหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ประชาชน เพราะขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของแต่ละพรรค การเลือกตั้งครั้งนี้ หากฝั่งที่ไม่เอาพล.อ.
ประยุทธ์ ได้ถึง 300 เสียงในสภา ส.ว.จะกล้าหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมาอันดับหนึ่งแน่ แต่ไม่แลนด์สไลด์ เพราะการเลือกตั้งปี 54 ไม่มีพรรคอื่นมาแบ่งคะแนน แต่ครั้งนี้มีพรรคมาแบ่ง ซึ่งฐานของเพื่อไทยกับก้าวไกล แยกกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า 2 ป.แตกกันจริง แต่จะไปรวมกันหรือไม่อยู่ที่ผลการเลือกตั้ง
“
ย้ำว่าเลือกตั้งครั้งนี้ต้องหยุด ส.ว. ไม่ให้เลือกนายกฯ เพราะการหยุด ส.ว. คือการหยุดปฏิวัติ อยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้กลับสู่ประชาธิปไตยเต็มตัว และเมื่อไม่มีส.ว. ก็จะเป็นประตูสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะแก้ด้วยทางไหนก็ตาม ซึ่งวันที่ 11 พ.ค. 67 ที่ส.ว.ชุดนี้ครบวาระ วันนั้นเราจะเริ่มแก้รัฐธรรมนูญได้ ซึ่งหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย” นาย
ปริญญา กล่าว
ณัฐวุฒิ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ทำเจ๊ง ทำจน ทำอีก ไม่แคร์ยุบสภาเมื่อไหร่ แต่ พท.ขอแลนด์สไลด์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3839083
‘เต้น’ จวก ‘บิ๊กตู่’ ทำเจ๊ง ทำจน ทำอีก ขอปชช.ตัดสินใจเลือก พท.แลนด์สไลด์ ลั่น ยุบสภาฯ เมื่อไหร่เอาที่สบายใจ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดชัดว่าจะมีการยุบสภาฯ ในช่วงเดือนมีนาคม ว่า
สำหรับพรรค พท. นายกฯ จะยุบสภาเมื่อไหร่เอาที่ท่านสบายใจตราบใดที่กฎหมายยังให้อำนาจ เราไม่ได้หันมองว่านายกฯ จะยุบสภาฯ เมื่อไร แต่เราหันมองว่าเราจะมีโอกาสไปทำงานแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนผ่านการเลือกตั้ง
“
จะยุบวันธงชัย หรือวันแมคอินไตย เป็นเรื่องของท่าน พรรคเพื่อไทย รอวันที่จะได้กลับเข้าไปทำงานกับพี่น้องประชาชนหลังจากวันที่พี่น้องประชาชนมอบหมายให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์แล้วเท่านั้น” นาย
ณัฐวุฒิ กล่าว
นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวตาอว่า ส่วนการประกาศสโลแกนใหม่ในของพล.อ.
ประยุทธ์ว่า “
ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” นั้น เป็นเรื่องของพล.อ.
ประยุทธ์ ซึ่งตนไม่ได้มองเห็นภาพเดียวกับพล.อ.
ประยุทธ์ แต่ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาเป็นการ “
ทำเจ๊ง ทำจน ทำอีก” ซึ่งอยู่ที่พี่น้องประชาชนจะพิจารณาตัดสินใจ หากเห็นว่าทำเจ๊ง ทำจนมา 8 ปี แล้วยังจะทำอีก ก็ขอให้ตัดสินใจร่วมกันให้โอกาสพรรค พท.เข้าไปแก้ปัญหา
‘สมศักดิ์’ ยัน รบ.ไม่ถ่วงเวลาใช้ กม.อุ้มหาย ‘ณัฐวุฒิ’ หวั่นกระทบสากล-ฟาดดวงใจคนทั้งประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3839057
‘สมศักดิ์’ ยัน รบ.ไม่ถ่วงเวลาใช้ กม.อุ้มหาย ‘ณัฐวุฒิ’ หวั่นกระทบสากล-ฟาดดวงใจคนทั้งประเทศ
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานในการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถาม นายกรัฐมนตรี โดยมี นาย
สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตอบกระทู้แทน
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบุคคลถูกทรมานและทำให้สูญหายจำนวนมาก ถือเป็น 16 ปีแห่งความหลังที่ชอกช้ำ วันนี้ประเทศไทยต้องคืนความยุติธรรมให้บุคคลที่ถูกทรมานและสูญหาย และต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก วันที่ 14 ก.พ.2566 ครม.ให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไป 4 มาตราด้วยกัน ถือเป็นการฟาดดวงใจกับคนทั้งประเทศ ส่งผลไปถึงระดับสากล เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์และบุคลากร จึงอยากฟังเหตุผลถึงความจำเป็นดังกล่าว นอกจากนี้การเลื่อนนี้ปลอดภัยของสาธารณะมากกว่าการไม่เลื่อนออกไปหรือไม่
นาย
ณัฐวุฒิกล่าวว่า ปกติการทำบันทึกการจับกุมมีกระบวนการบันทึกข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งในที่ประชุมของ กมธ.กฎหมาย ทางผู้ใหญ่ของ สตช. ได้มาให้ข้อมูลว่า สตช.มีความพร้อม และยังพบรายงาน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 64 ว่ามีการจัดหากล้องติดหมวกเจ้าหน้าที่ 120,500 ชุด รวมถึงกล้องวงจรปิด กล้องบันทึกแบบเคลื่อนไหวไปแล้วอีกหลายพันชุด ดังนั้นอะไรคือหลักประกันว่านี่คือการเลื่อนระยะสั้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น และยืนยันได้หรือไม่ว่าในระหว่างที่ยังไม่มีกล้องบันทึกจะไม่มีการทรมานและการอุ้มหายอีก และการออก พ.ร.ก.นั้น จะส่งมาให้สภาพิจารณาได้เร็วที่สุดเมื่อใด
ด้านนาย
สมศักดิ์อภิปรายชี้แจงว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.ยังดำเนินการต่อไป มีแค่ 4 มาตราเท่านั้นที่รอความพร้อม ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมหรือกระทรวงอื่นๆ ที่มีลักษณะการจับกุมมีความพร้อม เพราะมีภาระหน้าที่ คดีความน้อยกว่า สตช. เพราะมาตรา 22 ต้องมีการบันทึกเทป ทั้งกระบวนการ อาจจะส่งความผิดพลาด โดยขณะนี้ ครม.อนุมัติงบประมาณ 444.81 ล้านบาท ให้ สตช.จัดหากล้องบันทึกภาพและเสียง 48,568 ชุด 3 รายการ
1. กล้องชนิดติดตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 37,624 ชุด งบประมาณ 338.62 ล้านบาท
2. กล้องบันทึกพร้อมอุปกรณ์ ใช้ในห้องสอบสวนและควบคุม 9,366 ชุด งบประมาณ 93.57 ล้านบาท
และ 3. กล้องชนิดติดตั้งในรถยนต์ 1,578 ชุด งบประมาณ 12.62 ล้านบาท โดยการเลื่อน 4 มาตรา ไป 7 เดือน ดูแล้วความสมบูรณ์ตรงนี้หากเราดำเนินไปตามนี้ ความไม่พร้อมทั้งหมดจะเรียบร้อยไปได้
นาย
สมศักดิ์กล่าวว่า การออกกฎหมาย บางฉบับเป็นประโยชน์มาก หากเราได้ออกกฎหมายอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ในตอนแรก สตช.ขอเลื่อนแบบไม่มีกำหนด แต่เมื่อเราพิจารณาแล้วเห็นว่าควรให้แค่ 7 เดือนเท่านั้น หากเราไม่เลื่อนให้เลยอาจจะมีผลเสียตามมา อาจจะทำให้การเก็บรวบรวมหลักฐานตามกระบวนการไม่สมบูรณ์ เกิดการโต้แย้งในระหว่างดำเนินคดี ส่งผลเสียต่อสังคมอย่างมาก รวมถึงอาจทำให้เจ้าหน้าที่เสี่ยงต่อการถูกลงโทษทางอาญาและวินัยอีกด้วย จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการเลื่อนในมาตราที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งกระทรวงยุติธรรมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเลื่อน แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเราจึงกำหนดกรอบไว้แค่ 7 เดือน
“
การดำเนินการตรงนี้ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ไปดึงดันอะไรทั้งสิ้น ส่วนไหนที่ไม่สมบูรณ์ งบประมาณที่ขาดอยู่ก็เติมให้ ซึ่งในมาตราอื่นที่อยู่ในกฎหมายนั้นก็ยังใช้ได้ สำหรับมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า การจัดทำ พ.ร.ก. ต้องส่งเข้าสภาโดยเร่งด่วน ได้ถามไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ทราบว่าหนังสือกำลังจะส่งอยู่นายกฯแล้ว หากมีโอกาสเปิดสภาก็คงมีโอกาสได้พิจารณา ซึ่งเป็นอำนาจของประธานสภาในการพิจารณาต่อไป” นาย
สมศักดิ์กล่าว
JJNY : 5in1 ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม!│อ.ปริญญามั่นใจ พท.ไม่แลนด์สไลด์│ณัฐวุฒิซัด‘ตู่’│‘ณัฐวุฒิ’หวั่นกระทบสากล│โวยถูกลดโควต้า
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7527482
ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม! เพจรัฐบาล ลบรูป ‘ประยุทธ์’ ในห้องแล็บทิ้ง หลังไม่สวมเครื่องป้องกัน ทั้งถุงมือ หมวกคลุม อีกทั้งยังใส่เครื่องประดับ
23 ก.พ. 2566 – จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า ช่องทางประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ลงภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ มีกำหนดการเยี่ยมชมความก้าวหน้าของงานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมฮาลาล ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.)
แต่สิ่งที่ได้รับการกล่าวถึงวิพากษ์วิจารณ์ และแชร์ออกไปมากมาย คือภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่แฟนเพจลงขณะเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ แต่ไร้ซึ่งอุปกรณ์ป้องกัน โดยนายกฯไม่ได้สวมแว่นตา ไม่สวมถุงมือ ไม่สวมหมวกคลุม อีกทั้งยังใส่เครื่องประดับ
ซึ่งหลังถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการแต่งกาย ล่าสุด เมื่อเข้าไปตรวจสอบที่แฟนเพจ “ไทยคู่ฟ้า” ปรากฏว่า ภาพดังกล่าวได้ถูกลบหายไปแล้ว
อ.ปริญญา มั่นใจ เพื่อไทย มาอันดับหนึ่ง แต่ไม่แลนด์สไลด์ ชี้เลือกตั้ง 66 จุดเปลี่ยนประเทศ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7526561
อ.ปริญญา มั่นใจ เพื่อไทย มาอันดับหนึ่ง แต่ไม่แลนด์สไลด์ ย้ำต้องปิดสวิตช์ ส.ว. หยุดปฏิวัติ ชี้ เลือกตั้ง 66 จุดเปลี่ยนประเทศ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ก.พ. 2566 ที่บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เครือมติชน จัดแถลงข่าว “มติชน : เลือกตั้ง’66 บทใหม่ประเทศไทย” ร่วม “วิเคราะห์เลือกตั้ง’66 อนาคตประเทศไทย” โดยนายสรกล อดุลยานนท์ หรือหนุ่มเมืองจันท์ นักเขียน คอลัมนิสต์ชื่อดัง และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายสรกล กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบรรยากาศที่คลี่คลายกว่าปี 62 เพราะไม่ได้เลือกตั้งหลังรัฐประหาร และตอนนั้นมีเรื่องของมาตรา 44 มีรัฐธรรมนูญที่คสช.ร่างขึ้นมา จึงมองว่าครั้งนี้น่าจะคลี่คลายกว่าเดิม พล.อ.ประยุทธ์ อยู่มานาน 9 ปี ความรู้สึกของคนเริ่มเปลี่ยน แต่การเลือกตั้งของเราทุกวันนี้มันอยู่กับความกลัว กับคำที่ว่าไม่เลือกเรา เขามาแน่ การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุด
ด้านนายปริญญา กล่าวว่า ตนมองการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยน คนที่ยึดอำนาจเมื่อ 9 ปีที่แล้วจะได้เป็นนายรัฐมนตรีอีกหรือไม่ แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ จะเกิดขึ้นเมื่อส.ว.ชุดนี้หมดวาระ อำนาจในการเลือกนายกฯ องค์กรอิสระ และตุลาการศาลจะหมดไป ด้วยวาระ 5 ปีที่จะหมดไปในวันที่ 11 พ.ค. 67 ดังนั้น ในการเลือกตั้งอะไรก็ตามที่มีการเลือกก่อนปี 67 จะยังคงอำนาจส.ว. และเลือกนายกฯได้ ที่บอกว่าเลือกตั้งปี 66 ประชาชนเป็นผู้กำหนดนั้น ถูกต้องครึ่งเดียว เพราะพรรคที่แลนด์สไลด์ของจริงคือ 250 ส.ว. นอนมาแล้ว
นายปริญญา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำคัญคือ 2 ป. แตกกันหรือไม่ ส.ว.เสียงแตกหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ประชาชน เพราะขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของแต่ละพรรค การเลือกตั้งครั้งนี้ หากฝั่งที่ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ ได้ถึง 300 เสียงในสภา ส.ว.จะกล้าหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมาอันดับหนึ่งแน่ แต่ไม่แลนด์สไลด์ เพราะการเลือกตั้งปี 54 ไม่มีพรรคอื่นมาแบ่งคะแนน แต่ครั้งนี้มีพรรคมาแบ่ง ซึ่งฐานของเพื่อไทยกับก้าวไกล แยกกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า 2 ป.แตกกันจริง แต่จะไปรวมกันหรือไม่อยู่ที่ผลการเลือกตั้ง
“ย้ำว่าเลือกตั้งครั้งนี้ต้องหยุด ส.ว. ไม่ให้เลือกนายกฯ เพราะการหยุด ส.ว. คือการหยุดปฏิวัติ อยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้กลับสู่ประชาธิปไตยเต็มตัว และเมื่อไม่มีส.ว. ก็จะเป็นประตูสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะแก้ด้วยทางไหนก็ตาม ซึ่งวันที่ 11 พ.ค. 67 ที่ส.ว.ชุดนี้ครบวาระ วันนั้นเราจะเริ่มแก้รัฐธรรมนูญได้ ซึ่งหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย” นายปริญญา กล่าว
ณัฐวุฒิ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ทำเจ๊ง ทำจน ทำอีก ไม่แคร์ยุบสภาเมื่อไหร่ แต่ พท.ขอแลนด์สไลด์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3839083
‘เต้น’ จวก ‘บิ๊กตู่’ ทำเจ๊ง ทำจน ทำอีก ขอปชช.ตัดสินใจเลือก พท.แลนด์สไลด์ ลั่น ยุบสภาฯ เมื่อไหร่เอาที่สบายใจ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดชัดว่าจะมีการยุบสภาฯ ในช่วงเดือนมีนาคม ว่า
สำหรับพรรค พท. นายกฯ จะยุบสภาเมื่อไหร่เอาที่ท่านสบายใจตราบใดที่กฎหมายยังให้อำนาจ เราไม่ได้หันมองว่านายกฯ จะยุบสภาฯ เมื่อไร แต่เราหันมองว่าเราจะมีโอกาสไปทำงานแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนผ่านการเลือกตั้ง
“จะยุบวันธงชัย หรือวันแมคอินไตย เป็นเรื่องของท่าน พรรคเพื่อไทย รอวันที่จะได้กลับเข้าไปทำงานกับพี่น้องประชาชนหลังจากวันที่พี่น้องประชาชนมอบหมายให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์แล้วเท่านั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวตาอว่า ส่วนการประกาศสโลแกนใหม่ในของพล.อ.ประยุทธ์ว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” นั้น เป็นเรื่องของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนไม่ได้มองเห็นภาพเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ แต่ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาเป็นการ “ทำเจ๊ง ทำจน ทำอีก” ซึ่งอยู่ที่พี่น้องประชาชนจะพิจารณาตัดสินใจ หากเห็นว่าทำเจ๊ง ทำจนมา 8 ปี แล้วยังจะทำอีก ก็ขอให้ตัดสินใจร่วมกันให้โอกาสพรรค พท.เข้าไปแก้ปัญหา
‘สมศักดิ์’ ยัน รบ.ไม่ถ่วงเวลาใช้ กม.อุ้มหาย ‘ณัฐวุฒิ’ หวั่นกระทบสากล-ฟาดดวงใจคนทั้งประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3839057
‘สมศักดิ์’ ยัน รบ.ไม่ถ่วงเวลาใช้ กม.อุ้มหาย ‘ณัฐวุฒิ’ หวั่นกระทบสากล-ฟาดดวงใจคนทั้งประเทศ
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานในการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถาม นายกรัฐมนตรี โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตอบกระทู้แทน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบุคคลถูกทรมานและทำให้สูญหายจำนวนมาก ถือเป็น 16 ปีแห่งความหลังที่ชอกช้ำ วันนี้ประเทศไทยต้องคืนความยุติธรรมให้บุคคลที่ถูกทรมานและสูญหาย และต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก วันที่ 14 ก.พ.2566 ครม.ให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไป 4 มาตราด้วยกัน ถือเป็นการฟาดดวงใจกับคนทั้งประเทศ ส่งผลไปถึงระดับสากล เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์และบุคลากร จึงอยากฟังเหตุผลถึงความจำเป็นดังกล่าว นอกจากนี้การเลื่อนนี้ปลอดภัยของสาธารณะมากกว่าการไม่เลื่อนออกไปหรือไม่
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ปกติการทำบันทึกการจับกุมมีกระบวนการบันทึกข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งในที่ประชุมของ กมธ.กฎหมาย ทางผู้ใหญ่ของ สตช. ได้มาให้ข้อมูลว่า สตช.มีความพร้อม และยังพบรายงาน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 64 ว่ามีการจัดหากล้องติดหมวกเจ้าหน้าที่ 120,500 ชุด รวมถึงกล้องวงจรปิด กล้องบันทึกแบบเคลื่อนไหวไปแล้วอีกหลายพันชุด ดังนั้นอะไรคือหลักประกันว่านี่คือการเลื่อนระยะสั้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น และยืนยันได้หรือไม่ว่าในระหว่างที่ยังไม่มีกล้องบันทึกจะไม่มีการทรมานและการอุ้มหายอีก และการออก พ.ร.ก.นั้น จะส่งมาให้สภาพิจารณาได้เร็วที่สุดเมื่อใด
ด้านนายสมศักดิ์อภิปรายชี้แจงว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.ยังดำเนินการต่อไป มีแค่ 4 มาตราเท่านั้นที่รอความพร้อม ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมหรือกระทรวงอื่นๆ ที่มีลักษณะการจับกุมมีความพร้อม เพราะมีภาระหน้าที่ คดีความน้อยกว่า สตช. เพราะมาตรา 22 ต้องมีการบันทึกเทป ทั้งกระบวนการ อาจจะส่งความผิดพลาด โดยขณะนี้ ครม.อนุมัติงบประมาณ 444.81 ล้านบาท ให้ สตช.จัดหากล้องบันทึกภาพและเสียง 48,568 ชุด 3 รายการ
1. กล้องชนิดติดตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 37,624 ชุด งบประมาณ 338.62 ล้านบาท
2. กล้องบันทึกพร้อมอุปกรณ์ ใช้ในห้องสอบสวนและควบคุม 9,366 ชุด งบประมาณ 93.57 ล้านบาท
และ 3. กล้องชนิดติดตั้งในรถยนต์ 1,578 ชุด งบประมาณ 12.62 ล้านบาท โดยการเลื่อน 4 มาตรา ไป 7 เดือน ดูแล้วความสมบูรณ์ตรงนี้หากเราดำเนินไปตามนี้ ความไม่พร้อมทั้งหมดจะเรียบร้อยไปได้
นายสมศักดิ์กล่าวว่า การออกกฎหมาย บางฉบับเป็นประโยชน์มาก หากเราได้ออกกฎหมายอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ในตอนแรก สตช.ขอเลื่อนแบบไม่มีกำหนด แต่เมื่อเราพิจารณาแล้วเห็นว่าควรให้แค่ 7 เดือนเท่านั้น หากเราไม่เลื่อนให้เลยอาจจะมีผลเสียตามมา อาจจะทำให้การเก็บรวบรวมหลักฐานตามกระบวนการไม่สมบูรณ์ เกิดการโต้แย้งในระหว่างดำเนินคดี ส่งผลเสียต่อสังคมอย่างมาก รวมถึงอาจทำให้เจ้าหน้าที่เสี่ยงต่อการถูกลงโทษทางอาญาและวินัยอีกด้วย จึงเป็นเหตุให้ต้องมีการเลื่อนในมาตราที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งกระทรวงยุติธรรมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเลื่อน แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเราจึงกำหนดกรอบไว้แค่ 7 เดือน
“การดำเนินการตรงนี้ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ไปดึงดันอะไรทั้งสิ้น ส่วนไหนที่ไม่สมบูรณ์ งบประมาณที่ขาดอยู่ก็เติมให้ ซึ่งในมาตราอื่นที่อยู่ในกฎหมายนั้นก็ยังใช้ได้ สำหรับมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า การจัดทำ พ.ร.ก. ต้องส่งเข้าสภาโดยเร่งด่วน ได้ถามไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ทราบว่าหนังสือกำลังจะส่งอยู่นายกฯแล้ว หากมีโอกาสเปิดสภาก็คงมีโอกาสได้พิจารณา ซึ่งเป็นอำนาจของประธานสภาในการพิจารณาต่อไป” นายสมศักดิ์กล่าว