ราหู ในความหมายของ จุดตัด แบ่งได้ 3 แบบ คือ
1 จุดตัดวิษุวัต (จุดเมษ หรือ วสันตวิษุวัต ของซีกโลกเหนือ)
2 จุดตัดลัคนา
3 จุดตัดราหู (จุดตัดขาขึ้นของเส้นทางโคจรดวงจันทร์กับแนวสุริยะวิถี)
จุดตัดทั้งสามใช้ในการทาย เรื่องของสภาพแวดล้อมที่เจ้าชะตา (ตัวกูที่เป็นสภาพนามธรรมภายในร่างกาย) โดย
1 จุดตัดวิษุวัต (จุดเมษ) แทน สภาพแวดล้อมไกลตัว
2 จุดตัดลัคนา แทน สภาพแวดล้อมใกล้ๆตัว ร่วมถึงรูปร่าง หน้าตา จากพันธุกรรมของบิดา-มารดา (โดยเฉพาะบิดาจะมีกำลังมากกว่าของมารดาเพราะเป็นเชื้อหลัก บุตร จึงเรียกว่า Son หรือ Sun หมายถึง ร่างจากบิดา (ปัจจุบันใช้คำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์อธิบาย คือ ตัวอสุจิขอบิดา คือ ตัวก่อ และไข่ของมารดา คือ ตัวรอ) )
3 จุดตัดราหู แทน สภาพแวดล้อมที่ส่งเข้าไปใน ความคิดต่างๆทางจิตใจ มีผลทำให้เกิดความปั่นป่วนภายในใจต่อทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล เมื่อดีใจก็เต้นหลงไหลมัวเมาดีอกดีใจ จนนอนแทบไม่หลับ ครั้นเศร้าโศกก็หลงเสียใจจนแทบบ้า นอนไม่หลับเช่นกัน ราหู จึงหมายถึง การหลงมัวเมาโดยอาศัยกระบวนการปรุงแต่งในใจทั้งทางบวกและลบ
ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษา
นางสาวสวยนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านอ่านหนังสือพิมพ์คอลัมน์สงครามในประเทศยูเครน แล้วเกิดหวั่นไหวไม่สบายใจ
อธิบาย "นางสาวสวยนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านอ่านหนังสือพิมพ์" ใช้แทนด้วยลัคนา อันหมายถึง สภาพแวดล้อมใกล้ตัวติดตัวที่ตนคุ้นเคย ทั้งตนเองก็เป็นพันธุกรรมหน่อเนื้อเชื้อไชจากบิดาและมารดา
"อ่านคอลัมน์สงครามในประเทศยูเครน" แทนด้วยวิษุวัต อันหมายถึง สภาพแวดล้อมไกลตัวที่ตนเองได้รู้ได้เห็น แต่ยังไม่เป็นที่คุ้นเคย เป็นสภาพแวดล้อมภายนอกและไกลตัว
"แล้วเกิดหวั่นไหวไม่สบายใจ" แทนด้วย ราหู อันหมายถึง ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ของความรู้สึกทางใจ และสร้างผลให้เกิดความหวั่นไหว ปั่นป่วนใจ
ราหูนี้นักบวชที่นิยมทำฌาณสมาธิ ไม่ชอบเลย เขาถึงว่าเป็นตัวการทำลาย การเข้าฌาณของเขา จึงนิยมอธิบายว่า ราหูเข้ามาสัมพันธ์ชีวิตมีแต่แง่ลบ ซึ่งย่อมไม่เป็นความจริงทุกกรณี
ในทางพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ราหูเป็นเพียงธรรมชาติอาการปรากฏอย่างหนึ่งของสังขารธรรม จึงไม่ใช้ตัณหาเข้าไปชอบใจ หรือเข้าใปรังเกลียดอาการ แบบของพวกนักบวชฤาษีที่นิยมทำฌาณเพื่อแสวงหาความสงบถ่ายเดียว (ห้ามความคิดปรุงแต่งมากวน)
ในชาวสยำที่เรียนโหราศาสตร์เบื้องต้นแบบอินเดียโบราณเองก็เข้าใจผิดมาช้านานจนถึงปัจจุบัน เพราะผู้สอนเอาความหมายของพวกฤาษีมาใช้แบบไม่สืบที่มาเสียก่อน นำไปสอนลูกศิษย์จนฟั่นเฟือนความหมาย และให้ความหมายราหูไปในทางเลวร้ายเสมอๆ
หวังว่าท่านจะได้รับประโยชน์จากการพิจารณาราหูทั้ง 3 ไม่มากก็น้อย และใช้อาการของราหูตัวสุดท้าย พาท่านออกจากสังสารวัฏตามวิธีและแนวทางที่พระพุทธเจ้าท่านประสงค์ต่อไป
บทความคัดมาจาก เอกโหรา
เอกโหรา - ราหู 3 ประเภททางโหราศาสตร์
ราหู ในความหมายของ จุดตัด แบ่งได้ 3 แบบ คือ
1 จุดตัดวิษุวัต (จุดเมษ หรือ วสันตวิษุวัต ของซีกโลกเหนือ)
2 จุดตัดลัคนา
3 จุดตัดราหู (จุดตัดขาขึ้นของเส้นทางโคจรดวงจันทร์กับแนวสุริยะวิถี)
จุดตัดทั้งสามใช้ในการทาย เรื่องของสภาพแวดล้อมที่เจ้าชะตา (ตัวกูที่เป็นสภาพนามธรรมภายในร่างกาย) โดย
1 จุดตัดวิษุวัต (จุดเมษ) แทน สภาพแวดล้อมไกลตัว
2 จุดตัดลัคนา แทน สภาพแวดล้อมใกล้ๆตัว ร่วมถึงรูปร่าง หน้าตา จากพันธุกรรมของบิดา-มารดา (โดยเฉพาะบิดาจะมีกำลังมากกว่าของมารดาเพราะเป็นเชื้อหลัก บุตร จึงเรียกว่า Son หรือ Sun หมายถึง ร่างจากบิดา (ปัจจุบันใช้คำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์อธิบาย คือ ตัวอสุจิขอบิดา คือ ตัวก่อ และไข่ของมารดา คือ ตัวรอ) )
3 จุดตัดราหู แทน สภาพแวดล้อมที่ส่งเข้าไปใน ความคิดต่างๆทางจิตใจ มีผลทำให้เกิดความปั่นป่วนภายในใจต่อทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล เมื่อดีใจก็เต้นหลงไหลมัวเมาดีอกดีใจ จนนอนแทบไม่หลับ ครั้นเศร้าโศกก็หลงเสียใจจนแทบบ้า นอนไม่หลับเช่นกัน ราหู จึงหมายถึง การหลงมัวเมาโดยอาศัยกระบวนการปรุงแต่งในใจทั้งทางบวกและลบ
ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษา
นางสาวสวยนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านอ่านหนังสือพิมพ์คอลัมน์สงครามในประเทศยูเครน แล้วเกิดหวั่นไหวไม่สบายใจ
อธิบาย "นางสาวสวยนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านอ่านหนังสือพิมพ์" ใช้แทนด้วยลัคนา อันหมายถึง สภาพแวดล้อมใกล้ตัวติดตัวที่ตนคุ้นเคย ทั้งตนเองก็เป็นพันธุกรรมหน่อเนื้อเชื้อไชจากบิดาและมารดา
"อ่านคอลัมน์สงครามในประเทศยูเครน" แทนด้วยวิษุวัต อันหมายถึง สภาพแวดล้อมไกลตัวที่ตนเองได้รู้ได้เห็น แต่ยังไม่เป็นที่คุ้นเคย เป็นสภาพแวดล้อมภายนอกและไกลตัว
"แล้วเกิดหวั่นไหวไม่สบายใจ" แทนด้วย ราหู อันหมายถึง ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ของความรู้สึกทางใจ และสร้างผลให้เกิดความหวั่นไหว ปั่นป่วนใจ
ราหูนี้นักบวชที่นิยมทำฌาณสมาธิ ไม่ชอบเลย เขาถึงว่าเป็นตัวการทำลาย การเข้าฌาณของเขา จึงนิยมอธิบายว่า ราหูเข้ามาสัมพันธ์ชีวิตมีแต่แง่ลบ ซึ่งย่อมไม่เป็นความจริงทุกกรณี
ในทางพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ราหูเป็นเพียงธรรมชาติอาการปรากฏอย่างหนึ่งของสังขารธรรม จึงไม่ใช้ตัณหาเข้าไปชอบใจ หรือเข้าใปรังเกลียดอาการ แบบของพวกนักบวชฤาษีที่นิยมทำฌาณเพื่อแสวงหาความสงบถ่ายเดียว (ห้ามความคิดปรุงแต่งมากวน)
ในชาวสยำที่เรียนโหราศาสตร์เบื้องต้นแบบอินเดียโบราณเองก็เข้าใจผิดมาช้านานจนถึงปัจจุบัน เพราะผู้สอนเอาความหมายของพวกฤาษีมาใช้แบบไม่สืบที่มาเสียก่อน นำไปสอนลูกศิษย์จนฟั่นเฟือนความหมาย และให้ความหมายราหูไปในทางเลวร้ายเสมอๆ
หวังว่าท่านจะได้รับประโยชน์จากการพิจารณาราหูทั้ง 3 ไม่มากก็น้อย และใช้อาการของราหูตัวสุดท้าย พาท่านออกจากสังสารวัฏตามวิธีและแนวทางที่พระพุทธเจ้าท่านประสงค์ต่อไป
บทความคัดมาจาก เอกโหรา