คือ เราตอนนี้ อายุ 18 ปีส่วนแฟน อายุ 25 ปี คือตอนที่เจอกันคือเราเจอกันที่ทำงานค่ะ เราเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แล้วเราสองคนมาเจอกันและคบหากัน จากตอนนั้นจนตอนนี้ก็จะเข้า 6 เดือนได้แล้วค่ะที่รู้จักกันมา คือ ตัวเราเนี่ยส่วนตัวแล้วจะไม่ค่อยเที่ยวไม่ค่อยไปไหน ทำแต่งานกับเรียน แฟนเราก็ไม่ค่อยเที่ยว จะทำแต่งาน พอตกเย็นจะกินข้าวที่ห้องด้วยกันทุกวันๆ แบบนี้มาตลอดที่รู้จักกัน จนเราตอนนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เรื่องเรียนที่จะต้องเริ่มเข้ามหาลัย ซึ่งตัวเราเองพูดตามตรงว่าเราไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเพื่อนใหม่หรืออะไรในรั้วมหาลัย แต่เรากลับรู้สึกว่า จะทำยังไงให้ตัวเองอยู่รอด จนจบมหาลัย ซึ่งในหัวเราคิดแบบนี้ แล้วอยู่ๆแฟนเราก็ถามเราเรื่องอนาคตของเราว่าเราได้วางแบบแผนยังไง เริ่มคิดอะไรหรือยัง ซึ่งเราก็บอกเขาไป ว่าเราตอนนี้คิดอย่างที่บอกไปอะค่ะ แต่ตัวแฟนเรากลับคิดต่างที่ว่า เขาคิดว่าเราอาจจะตื่นเต้นที่กำลังจะได้เจอเพื่อนใหม่ กำลังตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนใน
มหาลัย เจอรุ่นพี่ เจอนั่นนี่แล้วกลัวเราจะเหลิงอะค่ะเราเลย พยายามอธบายให้แฟนเข้าใจ จนเริ่มคุยกันจริงจังแล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนของเรา มันมีเรื่องอนาคตเราหลังเรียนจบ ซึ่งเขาถามเราว่าเรามีแบบแผนอะไรไว้แล้วบ้างกับอนาคตได้คิดไว้บ้างหรือยัง เราเลยบอกเขาไปว่า เราคิดแค่ว่า ต้องเรียนให้จบ แล้วพยายามหาเงินทำใฟ้ไวที่สุด เพราะเราเองมีภาระที่บ้าน เรามีย่ามีหลานต้องดูแล หนี้กยศ.แต่ถ้าหลังจากพวกนี้หมดไปเราคงไม่มีอะไรติดค้าง ก็คงคิดว่าถ้าถึงตอนนั้นแฟนที่เราคบยังอยู่กับเรา ก็คงคิดเรื่องอื่นๆ เช่นซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน แต่เราก็ไม่ปักหลักว่าเนี่ยจะทำแบบนั้นจริงๆตอนเราเรียนจบ แค่ดูว่าเขาจะอยู่กับเร่แบบนี้ไปอีกมั้ยจนถึงตอนนั้น แล้วอยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาด้วยความกังวงอะค่ะ ว่าแบบ เขากลัว เพราพตัวเขา เรียนไม่จบม.6 ทำงานหาเช้ากินค่ำ ต้องดูแม่กลัวว่าในขณะที่เรากำลัง ก้าวไปเรื่อยๆ แต่เขาที่ยังอยู่ที่เดิม ก็กลัวว่า การใช้ชีวิตของเราสองคนมันจะไม่แมสซ์กัน ซึ่งพอเขาพูดแบบนั้น เราก็เลยเริ่มคิด เออว่ะ เขาเองก็อายุ 25 แล้วส่วนเรายังแค่ 18 ชีวิตเราตอนนี้มันยังทำอะไรได้ไม่มากเลย ก็เลยคิดว่าถ้วันนึงถึงเวลาเขาอยากมีอะไรเป็นของตัวเองแล้วจริงๆ แล้วเราซัพพอร์ตเขาไม่ได้เต็มที่ เราคิดว่า เราก็ควรปล่อยเขาไปดีมั้ย แต่ตอนนี้เราสองคนอยู่กันแบบแฮปปี้มาก ที่ผ่านมันไม่แย่เลย ดีมากๆต่างคนต่างดูแลกัน ทำอะไรด้วยกันตลอด เขามีปัญหาที่ทำงานเราก็รับฟังเขาตลอด เขามีอะไรเขาบอกเราหมด เวลาเรามีปัญหาอะไรเขาก็ช่วยเราตลอด แล้วเราเคยถามเขาว่ากับคนเก่าเขา เขาเคยคิดเคยคุยกันแบบนี้มั้ย? เขาบอกเคย แต่เป็นเชิงที่ คนเก่าเขาถามตัวเขามากกว่า ว่าเมื่อไหร่จะมรบ้านด้วยกันเมื่อไหร่จะมีแบบที่คนอื่นๆคู่อื่นๆเขามีด้วยกัน เพราะคนเก่าที่เขาคบ ก็อายุราวๆประมาน 30 ต้นๆอะค่ะ แฟนเราก็บอกกับเราว่าตอนนั้นเขากลับตอบไปว่า เขาคิดว่าเขาคงไม่ได้มีคนเก่าอยู่ในอนาคตของเขาหรอก แต่พอกับเรา เขาถามเรื่องอนาคตของเรา แล้วก็พูดของ้ขาในเชิงว่า เราจะยังอยากอยู่กับเขาไปด้วยมั้ย ซึ่งเราเลยแบบ เราไม่ได้อยากเอาใครมาอยู่ในอนาคตของเรา แต่เราจะพูดประมานว่า ถ้าแฟนเรายังอยู่กับเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่เราก้าวไปอีกขั้นของชีวิตแล้วจริงๆ เราก็คงเลือกเขาเป็นคนในอนาคต แต่ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว เขาไม่ได้อยู่ด้วยแล้วเราก็ไม่ได้อะไร คือเพราะเวลามันเดินไปทุกๆวัน เราไม่รู้เลยว่าแฟนเราจะเปลี่ยนใจตอนไหนถึงตอนนั้นเราอาจจะเลิกกัน หรือยังคบกันอยู่ เราไม่รู้อนาคตเลย แต่แค่ตอนนี้รู้สึกว่า เพราะเวลามันเดินไปทุกๆวันแต่ตัวเขาอายุมากกว่าเรา ก็กลัวว่าวันนึงเขาจะอยากมีนั่นมีนี่ แต่เราซัพพอร์ตเขาไม่ได้จริงๆ ก็กลัวว่าจะต้องแยกย้ายกันจริงๆ เรื่องแบบนี้อยากรู้ว่า คนที่อายุต่างกันคบกันเคยมรปัญหาแบบนี้มั้ย แล้วทำยังไง พูดคุยกันยังไงหรอคะ เผื่อเป็นแนวทางในการที่เราจะเอาไปปรับพูดกับแฟนเราได้บ้าง
อยากรู้ประสบการณ์ของคนที่คบหาอายุต่างกันหน่อยค่ะ ว่ามีวิธียังไงในการใช้ชีวิตให้ไปรอด และยังมีกันและกันอยู่ในอนาคต
มหาลัย เจอรุ่นพี่ เจอนั่นนี่แล้วกลัวเราจะเหลิงอะค่ะเราเลย พยายามอธบายให้แฟนเข้าใจ จนเริ่มคุยกันจริงจังแล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนของเรา มันมีเรื่องอนาคตเราหลังเรียนจบ ซึ่งเขาถามเราว่าเรามีแบบแผนอะไรไว้แล้วบ้างกับอนาคตได้คิดไว้บ้างหรือยัง เราเลยบอกเขาไปว่า เราคิดแค่ว่า ต้องเรียนให้จบ แล้วพยายามหาเงินทำใฟ้ไวที่สุด เพราะเราเองมีภาระที่บ้าน เรามีย่ามีหลานต้องดูแล หนี้กยศ.แต่ถ้าหลังจากพวกนี้หมดไปเราคงไม่มีอะไรติดค้าง ก็คงคิดว่าถ้าถึงตอนนั้นแฟนที่เราคบยังอยู่กับเรา ก็คงคิดเรื่องอื่นๆ เช่นซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน แต่เราก็ไม่ปักหลักว่าเนี่ยจะทำแบบนั้นจริงๆตอนเราเรียนจบ แค่ดูว่าเขาจะอยู่กับเร่แบบนี้ไปอีกมั้ยจนถึงตอนนั้น แล้วอยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาด้วยความกังวงอะค่ะ ว่าแบบ เขากลัว เพราพตัวเขา เรียนไม่จบม.6 ทำงานหาเช้ากินค่ำ ต้องดูแม่กลัวว่าในขณะที่เรากำลัง ก้าวไปเรื่อยๆ แต่เขาที่ยังอยู่ที่เดิม ก็กลัวว่า การใช้ชีวิตของเราสองคนมันจะไม่แมสซ์กัน ซึ่งพอเขาพูดแบบนั้น เราก็เลยเริ่มคิด เออว่ะ เขาเองก็อายุ 25 แล้วส่วนเรายังแค่ 18 ชีวิตเราตอนนี้มันยังทำอะไรได้ไม่มากเลย ก็เลยคิดว่าถ้วันนึงถึงเวลาเขาอยากมีอะไรเป็นของตัวเองแล้วจริงๆ แล้วเราซัพพอร์ตเขาไม่ได้เต็มที่ เราคิดว่า เราก็ควรปล่อยเขาไปดีมั้ย แต่ตอนนี้เราสองคนอยู่กันแบบแฮปปี้มาก ที่ผ่านมันไม่แย่เลย ดีมากๆต่างคนต่างดูแลกัน ทำอะไรด้วยกันตลอด เขามีปัญหาที่ทำงานเราก็รับฟังเขาตลอด เขามีอะไรเขาบอกเราหมด เวลาเรามีปัญหาอะไรเขาก็ช่วยเราตลอด แล้วเราเคยถามเขาว่ากับคนเก่าเขา เขาเคยคิดเคยคุยกันแบบนี้มั้ย? เขาบอกเคย แต่เป็นเชิงที่ คนเก่าเขาถามตัวเขามากกว่า ว่าเมื่อไหร่จะมรบ้านด้วยกันเมื่อไหร่จะมีแบบที่คนอื่นๆคู่อื่นๆเขามีด้วยกัน เพราะคนเก่าที่เขาคบ ก็อายุราวๆประมาน 30 ต้นๆอะค่ะ แฟนเราก็บอกกับเราว่าตอนนั้นเขากลับตอบไปว่า เขาคิดว่าเขาคงไม่ได้มีคนเก่าอยู่ในอนาคตของเขาหรอก แต่พอกับเรา เขาถามเรื่องอนาคตของเรา แล้วก็พูดของ้ขาในเชิงว่า เราจะยังอยากอยู่กับเขาไปด้วยมั้ย ซึ่งเราเลยแบบ เราไม่ได้อยากเอาใครมาอยู่ในอนาคตของเรา แต่เราจะพูดประมานว่า ถ้าแฟนเรายังอยู่กับเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่เราก้าวไปอีกขั้นของชีวิตแล้วจริงๆ เราก็คงเลือกเขาเป็นคนในอนาคต แต่ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว เขาไม่ได้อยู่ด้วยแล้วเราก็ไม่ได้อะไร คือเพราะเวลามันเดินไปทุกๆวัน เราไม่รู้เลยว่าแฟนเราจะเปลี่ยนใจตอนไหนถึงตอนนั้นเราอาจจะเลิกกัน หรือยังคบกันอยู่ เราไม่รู้อนาคตเลย แต่แค่ตอนนี้รู้สึกว่า เพราะเวลามันเดินไปทุกๆวันแต่ตัวเขาอายุมากกว่าเรา ก็กลัวว่าวันนึงเขาจะอยากมีนั่นมีนี่ แต่เราซัพพอร์ตเขาไม่ได้จริงๆ ก็กลัวว่าจะต้องแยกย้ายกันจริงๆ เรื่องแบบนี้อยากรู้ว่า คนที่อายุต่างกันคบกันเคยมรปัญหาแบบนี้มั้ย แล้วทำยังไง พูดคุยกันยังไงหรอคะ เผื่อเป็นแนวทางในการที่เราจะเอาไปปรับพูดกับแฟนเราได้บ้าง