สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าพิ้นฐานไม่ดี แล้วไปเรียนระดับที่ยากขึ้นมันจะเรียนรู้เรื่องหรือไง
ถ้าจะให้ลูกเรียนพิเศษตอนม.ปลาย แต่ลูกไม่มีความรู้ม.ต้นจะเรียนได้ไหม
ยิ่งพวกคณิตศาสาตร์ยิ่งยาก ควรปูตั้งแต่ประถม ส่วนวิชาอื่นๆ ท่องจำก็ว่ากันไป
ทะเลาะกันเรื่องเรียนพิเศษน่าจะเป็นแค่ฟางเส้นสุดท้ายมากกว่า คงมีเรื่องอื่นก่อนหน้านี้อีกมาก
ความรู้ระดับประถม ถ้าคุณสนใจลูกมากพอที่จะสอนการบ้านลูก น่าจะรู้ดีกว่านี้ ไม่ส่งเนียนก็ได้ แต่คุณต้องสอนการบ้านลูกเอง สอนเสริมเอง
เท่าที่คุณพิมพ์มาคือบอกลูกไม่สนใจ แล้วก็ปล่อยตามใจโดยไม่สนใจ ถ้าคาดหวังให้ลูกสอบเข้ามหาลัยดีๆ แต่ไปบอกให้ลูกพยามยามเอาตอนม.ปลาย ก็เหมือนพวกปั่นงานตอนใกล้เดตไลน์นั้นแหละ
ถ้าจะให้ลูกเรียนพิเศษตอนม.ปลาย แต่ลูกไม่มีความรู้ม.ต้นจะเรียนได้ไหม
ยิ่งพวกคณิตศาสาตร์ยิ่งยาก ควรปูตั้งแต่ประถม ส่วนวิชาอื่นๆ ท่องจำก็ว่ากันไป
ทะเลาะกันเรื่องเรียนพิเศษน่าจะเป็นแค่ฟางเส้นสุดท้ายมากกว่า คงมีเรื่องอื่นก่อนหน้านี้อีกมาก
ความรู้ระดับประถม ถ้าคุณสนใจลูกมากพอที่จะสอนการบ้านลูก น่าจะรู้ดีกว่านี้ ไม่ส่งเนียนก็ได้ แต่คุณต้องสอนการบ้านลูกเอง สอนเสริมเอง
เท่าที่คุณพิมพ์มาคือบอกลูกไม่สนใจ แล้วก็ปล่อยตามใจโดยไม่สนใจ ถ้าคาดหวังให้ลูกสอบเข้ามหาลัยดีๆ แต่ไปบอกให้ลูกพยามยามเอาตอนม.ปลาย ก็เหมือนพวกปั่นงานตอนใกล้เดตไลน์นั้นแหละ
ความคิดเห็นที่ 23
สรุปเลยนะครับ จะเลิกหรือจะยื้อ อยู่ที่ตัวคุณแล้วว่าอยากจะเป็นผู้นำครอบครัวแค่ไหน เรื่องไม่ได้มีอะไรมาก ครอบครัวคุณเกิดปัญหาอยู่ คุณไม่คิดจะแก้ปัญหา แต่พอภรรยาคุณเสนอวิธีแก้ปัญหาคุณก็คัดค้าน แต่คุณเองก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมชัดเจนพอ
ก็ไม่แปลกที่ภรรยาคุณรับไม่ได้ครับ รู้สึกว่าคุณพึ่งพาอะไรไม่ได้ เพราะการแสดงออกถึงวิธีแก้ปัญหา และ ความใส่ใจที่จะแก้ปัญหาคุณไม่มีเลย จากคำพูดคุณเองนี่แหละ
1.ผมยังมองว่าระดับนี้ยังไม่จำเป้นถ้าจะเรียนอยากให้เรียนตอนจะสอบเข้าม.ปลายดีกว่า --> ทั้งๆ ที่คุณก็บอกเองว่า มีแค่ภาษาอังกฤษที่คะแนนอยู่ที่ระดับท๊อป นอกนั้นตกหมด --> ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว แต่คุณกลับประวิงเวลาโยนไปที่ ม.ปลาย คุณเพิกเฉยต่อปัญหาปัจจุบันแล้วโยนไปแก้ที่อนาคต ปัญหามันเกิดขึ้นตอนนี้แล้วครับ
2. ผมยังรู้สึกว่ายังไม่ได้เคี่ยวเข็ญสอนให้ลูกขยันหรือตั้งใจเรียนมากพอครับ ก็เลยอยากจะเริ่มตั้งต้นสร้างนิสัยให้ลูกที่บ้านก่อน --> แล้วที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ครับ เด็กประถมเค้ามีสอบมิดเทอม ไฟนอลกันทุกเทอม ผลการเรียนของน้องแต่ละเทอมเป็นยังงัย ทำไมถึงเพิ่งมาตื่นตัวเอาตอนผลสอบ pre-test ครับ
3. ทำการบ้านต้องบังคับถึงทำและถ้าทำก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการทำแต่ล่ะข้อหรืออ่านหนังสือแต่ละหน้า เนื่องจากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาไม่สนใจ ซึ่งทั้งตัวผมและแฟนก็ไม่ได้ลงโทษอะไร ก็ปล่อยไปตามนั้นครับ ---> พ่อแม่บางคนก็แยกเรื่องความรับผิดชอบไม่ออก มันไม่ใช่เรื่องของการไม่ทำการบ้านบ้าน แต่มันคือความไม่รับผิดชอบ หน้าที่ของเด็กวัยเรียนมีไม่กี่อย่าง คือเข้าเรียนให้ตรงตามเวลา ทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ และ สอบให้ผ่าน ลูกคุณมีแววไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง คุณก็ปล่อยปละละเลยเรื่อยมา
4. ผมว่าค่าเรียนแพงไปในแต่ละเดือน ไม่ใช้ว่าไม่มีจ่ายนะครับ แต่ผมอยากไปลงทุนทำทำธุรกิจอาชีพเสริมมากกว่าครับ --> ข้อนี้ผมว่าทัศนคติในการแก้ปัญหาแย่มากครับ ปัญหาเกิดมาแล้วแต่คุณกลับหลงประเด็น แทนที่จะวางแผนแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ขาดไปเป็นเรื่องๆ แต่คุณกลับเลี่ยงการแก้ปัญหาโดยการเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น
ผมไม่ได้บอกว่าการส่งลูกไปเรียนพิเศษเป็นวิธีแก้ที่ถูกกต้องหรอกนะ แต่ดูเหมือนคุณยังไม่มีแนวทางแก้ปัญหาให้ลูกคุณอย่างเป็นรูปธรรมเลย
- ที่คุณบอกวา่จะเคี่ยวเข็ญสอนให้ลูกขยันหรือตั้งใจเรียนก็พิสูจน์แล้วว่า5-6 ปีที่ผ่านมาคุณและแฟนทำไม่ได้
- แฟนคุณคิดวิธีแก้ปัญหาโดยการเรียนพิเศษ คุณก็คัดค้าน แถมยังบอกว่าจะเอาเงินไปทำธุรกิจอาชีพเสริมมากกว่า...... เฮ้ยย คุณอัตคัตขนาดที่จะต้องเอาเงินค่าเรียนของลูกไปใช้ลงทุนทำธุรกิจเลยเหรอ ไม่แปลกเลยที่แฟนคุณบอกว่า อยู่กับคุณไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
ทั้งหมดทั้งปวง แสดงให้เห็นว่าความใส่ใจที่คุณให้ครอบครัวมันน้อยมากๆ คุณจะใส่ใจมากแค่ไหน ผมไม่รู้ แต่ถ้าคนที่คุณอยู่ด้วยเค้ารู้สึกว่าคุณไม่ใส่ใจ ก็แปลว่าคุณไม่ใส่ใจมากพอจริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าใส่ใจพอคุณจะต้องรู้ว่าเค้ารู้สึกยังงัย
ก็ไม่แปลกที่ภรรยาคุณรับไม่ได้ครับ รู้สึกว่าคุณพึ่งพาอะไรไม่ได้ เพราะการแสดงออกถึงวิธีแก้ปัญหา และ ความใส่ใจที่จะแก้ปัญหาคุณไม่มีเลย จากคำพูดคุณเองนี่แหละ
1.ผมยังมองว่าระดับนี้ยังไม่จำเป้นถ้าจะเรียนอยากให้เรียนตอนจะสอบเข้าม.ปลายดีกว่า --> ทั้งๆ ที่คุณก็บอกเองว่า มีแค่ภาษาอังกฤษที่คะแนนอยู่ที่ระดับท๊อป นอกนั้นตกหมด --> ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว แต่คุณกลับประวิงเวลาโยนไปที่ ม.ปลาย คุณเพิกเฉยต่อปัญหาปัจจุบันแล้วโยนไปแก้ที่อนาคต ปัญหามันเกิดขึ้นตอนนี้แล้วครับ
2. ผมยังรู้สึกว่ายังไม่ได้เคี่ยวเข็ญสอนให้ลูกขยันหรือตั้งใจเรียนมากพอครับ ก็เลยอยากจะเริ่มตั้งต้นสร้างนิสัยให้ลูกที่บ้านก่อน --> แล้วที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ครับ เด็กประถมเค้ามีสอบมิดเทอม ไฟนอลกันทุกเทอม ผลการเรียนของน้องแต่ละเทอมเป็นยังงัย ทำไมถึงเพิ่งมาตื่นตัวเอาตอนผลสอบ pre-test ครับ
3. ทำการบ้านต้องบังคับถึงทำและถ้าทำก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการทำแต่ล่ะข้อหรืออ่านหนังสือแต่ละหน้า เนื่องจากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาไม่สนใจ ซึ่งทั้งตัวผมและแฟนก็ไม่ได้ลงโทษอะไร ก็ปล่อยไปตามนั้นครับ ---> พ่อแม่บางคนก็แยกเรื่องความรับผิดชอบไม่ออก มันไม่ใช่เรื่องของการไม่ทำการบ้านบ้าน แต่มันคือความไม่รับผิดชอบ หน้าที่ของเด็กวัยเรียนมีไม่กี่อย่าง คือเข้าเรียนให้ตรงตามเวลา ทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ และ สอบให้ผ่าน ลูกคุณมีแววไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง คุณก็ปล่อยปละละเลยเรื่อยมา
4. ผมว่าค่าเรียนแพงไปในแต่ละเดือน ไม่ใช้ว่าไม่มีจ่ายนะครับ แต่ผมอยากไปลงทุนทำทำธุรกิจอาชีพเสริมมากกว่าครับ --> ข้อนี้ผมว่าทัศนคติในการแก้ปัญหาแย่มากครับ ปัญหาเกิดมาแล้วแต่คุณกลับหลงประเด็น แทนที่จะวางแผนแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ขาดไปเป็นเรื่องๆ แต่คุณกลับเลี่ยงการแก้ปัญหาโดยการเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น
ผมไม่ได้บอกว่าการส่งลูกไปเรียนพิเศษเป็นวิธีแก้ที่ถูกกต้องหรอกนะ แต่ดูเหมือนคุณยังไม่มีแนวทางแก้ปัญหาให้ลูกคุณอย่างเป็นรูปธรรมเลย
- ที่คุณบอกวา่จะเคี่ยวเข็ญสอนให้ลูกขยันหรือตั้งใจเรียนก็พิสูจน์แล้วว่า5-6 ปีที่ผ่านมาคุณและแฟนทำไม่ได้
- แฟนคุณคิดวิธีแก้ปัญหาโดยการเรียนพิเศษ คุณก็คัดค้าน แถมยังบอกว่าจะเอาเงินไปทำธุรกิจอาชีพเสริมมากกว่า...... เฮ้ยย คุณอัตคัตขนาดที่จะต้องเอาเงินค่าเรียนของลูกไปใช้ลงทุนทำธุรกิจเลยเหรอ ไม่แปลกเลยที่แฟนคุณบอกว่า อยู่กับคุณไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
ทั้งหมดทั้งปวง แสดงให้เห็นว่าความใส่ใจที่คุณให้ครอบครัวมันน้อยมากๆ คุณจะใส่ใจมากแค่ไหน ผมไม่รู้ แต่ถ้าคนที่คุณอยู่ด้วยเค้ารู้สึกว่าคุณไม่ใส่ใจ ก็แปลว่าคุณไม่ใส่ใจมากพอจริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าใส่ใจพอคุณจะต้องรู้ว่าเค้ารู้สึกยังงัย
แสดงความคิดเห็น
แฟนขอเลิกเพราะไม่ส่งลูกเรียนพิเศษ ควรปล่อยไหมครับ
ดังนั้นผมขออนุญาต-ระทู้น่ะครับ