คืออยากขอความเห็นจากผู้ที่ปฎิบัติธรรมและผู้รู้ในด้านธรรมะค่ะ เกริ่นก่อนว่าประมาณสองอาทิตย์กว่าๆมานี้ เราเริ่มศึกษาธรรมเองที่บ้านค่ะ เริ่มจากเรียนรู้จากการฟังเทศน์ แล้วก็หาความรู้พวกอริยสัจสี่ ขันธ์ห้า เพราะตอนแรกแค่รู้แบบได้ยินผ่านๆน่ะค่ะ เลยลองหาอ่านดูว่าจริงๆแล้วหมายความว่าอะไร ละก็สวดมนต์ แรกๆขี้เกียจค่ะ สวดแค่ตอนเย็น พอทำเรื่อยๆ เริ่มสวดมนต์ตอนเช้า พยายามนั่งสมาธิ แต่ก็นั่งได้ไม่เกิน10นาทีเลย นี่คือมากสุดแล้วนะคะ เลยไม่ค่อยอยากนั่งเท่าไหร่
เข้าเรื่องเลยก็คือ การที่มองทุกสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไป มันอธิบายยากค่ะว่ารู้สึกยังไง แต่มันเหมือนว่าโลกนี้มันไม่จริง ทุกสิ่งที่เราเห็น เราเห็นแต่ว่ามันทุกข์อ่ะค่ะ เห็นว่ามันจะต้องดับลง มันจะจบและเกิดวนเวียนไปไม่สิ้นสุด จนมันหดหู่ไปหมด อธิบายไม่ถูกแต่มันเหมือนบางอย่างข้างในมันผลักและดึงกันอยู่ว่าอะไรจริงไม่จริง ทุกอย่างมันสับสน จากคนเล่นโซเชียลก็คือแทบจะเลิกเลยค่ะ มันไม่อินแล้ว เพลงและหนังที่ติดดูติดฟังมันทำแบบเดิมไม่ได้แล้วค่ะ มันมีเสียงในหัวบอกตลอดว่ามันไม่จริง มันจะจบลงตลอดเลย จนเราคิดว่างั้นเราจะทำมันไปทำไม มีประโยชน์อะไร แล้วเราจะต้องจากคนที่เรารักแบบไม่มีวันได้เจออีก ต้องไปเกิดอีกหรอถ้าตาย ไม่อยากเกิดแล้ว ไม่อยากทุกข์อีกแล้ว อะไรทำนองนี้ค่ะ
ตอนนี้ทุกเช้าตื่นมา บางอย่างมันบอกตลอดว่านี่ไม่ใช่ที่ของเรา เรามาทำอะไรที่นี่ตลอดเลย มันเปลี่ยนไปจนสับสน ว่าแล้วอะไรจริงล่ะ ที่อยู่ตอนนี้คืออะไร เหมือนสมองมันตามไม่ทัน จนเราเกิดกลัวขึ้นมาว่าเราปฎิบัติผิดหรือเปล่า บางทีมันถาโถมเข้ามาจนเราต้องพยายามตั้งสติ แบบว่าพอแล้ว ไม่อยากรู้แล้ว อยากบอกใครอยากปรึกษาใครก็ไม่มีเลย ที่บ้านก็ไม่มีใครเข้าใจเลยค่ะ เราเลยบอกว่าหรือหนูจะสติแตกไปแล้ว พี่สาวเลยบอกให้ไปตีป้อม(เล่นเกมส์)แบบเดิม รีแล็กซ์บ้าง แต่ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ เรากลับไปทำ ไปมอง ไปรับรู้โลกแบบเดิมไม่ได้แล้ว มันเป็นเพราะอะไรคะ? ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะคะ ขอคำแนะนำในการปฎิบัติต่อไปด้วยจะเป็นพระคุณมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
เริ่มปฎิบัติธรรมเอง แล้วทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะอะไรคะ?