ทำไมร้านขนม ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ชอบมีวัฒนธรรมองค์กร"อยู่แบบครอบครัวคะ "?

คือดิชั้นชอบทำพวกขนมแล้วเคยไปสมัครงานในครัวร้านขนมชื่อดังแห่งหนึ่ง แล้วคือต้องทำทุกอย่างทั้งๆที่ไม่ใช่ตำแหน่งที่เราสมัครเข้ามา แล้วคือมันเหนื่อยเกินเบอ แถมกดดันทุกอย่าง โดนด่าสารพัด เงินเดือนน้อยมาก พูดแล้วน้ำตาจิไหล ทำให้นึกถึงคำพูดๆนึง ตอนช่วงแรกๆที่เข้ามา ตอนเขาอธิบายรายละเอียดร้าน พี่คนนึงพูดว่า "ที่นี่ไม่มีไรมาก ค่อยๆเรียนรู้ไป ที่นี่เราอยู่แบบครอบครัว " (ในใจคือแบบตกใจ จะทำไงได้ล่ะ พึ่งมาวันแรก งานแบบเป็นรายเดือนด้วย เลยอดทนทำ แต่ก็มีระวังตัว) สรุปรู้สึกกดดันเกิน ออกจ้า เลยมีความสงสัยทำไมพวกร้านขนม กาแฟ ร้านอาหาร เขามีวัฒนธรรมอยู่แบบครอบครัวคะ แสดงว่าถ้าเราอยากเดินเวย์นี้ต้องทำใจใช่ไหม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
...ของผมเป็นบาริสต้าที่เคยอยู่ทั้งร้านอาหาร  ร้านกาแฟ  ร้านเค้ก ฯลฯ
ผมว่าผมเข้าใจนะว่าทำไมถึงใช้การเปรียบเปรยแบบนี้

เพราะงานมันต้องประสานกันตลอด  มีกระทบกระทั่ง  คนหนึ่งใจร้อนจะเร่งเร็ว ๆ บางคนเอื่อยเฉื่อยไม่ทันกิน
แล้วต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบเร่งรีบ  ลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกตลอด  คนพลุกพล่าน  
มันต้อง"Touch"กันมากกว่าการทำงานแบบออฟฟิศหรืออื่น ๆ ที่แยกโต๊ะ  ต่างคนต่างโฟกัสงานของตัวเองน่ะครับ
ถ้าทะเลาะขัดใจกันก็ต้องเคลียร์กันเพราะไม่งั้นมันทำงานไม่ได้  คนหนึ่งขานออเดอร์แต่อีกคนยืนนิ่งไม่รับต่อ  งานมันก็รันไม่ได้อ่ะครับ
คนเก่า ๆ ก็ต้องเป็นเหมือนพี่คนโต  เรียกมาคุย  เป็นคนกลางประสานรอยร้าวให้ได้

บางทีแค่ใช้น้ำเสียงต่างกันกับเพื่อนร่วมงานก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนได้แล้ว
อย่างผมเวลาเข้าบาร์  ยืนหน้าเครื่องกาแฟ  หันหลังให้เพื่อน
แค่ผมได้ยินเพื่อนที่อยู่แคชเชียร์น้ำเสียงเปลี่ยนหรือพูดจังหวะแปลกไปผมก็รู้สึกได้แล้ว  ต้องหันไปดูว่ามีอะไรรึเปล่า  มีปัญหา  หรือเหนื่อย  ไม่ไหว ฯลฯ  คือต้องคอยสังเกตกันและกัน  

บางทีลูกค้าเยอะจนลืมเวลา  ก็ต้องหันมาเตือนกันว่าถึงรอบเบรกของใครแล้ว  ต้องไล่ให้ไปพัก  คนที่ถึงเวลาเบรกเห็นเพื่อนในบาร์กำลังยุ่งไม่อยากไปเองก็มี  รั้นจะอยู่ช่วย  จนบางครั้งต้องใช้คำว่า"ตะเพิด"น่ะครับ  แบบต่างคนก็ต่างห่วงไม่อยากทิ้ง  
คนที่ได้เบรกก่อนก็ซื้อขนมซื้อน้ำมาหย่อนให้คนที่เบรกช้าก็มี  กลัวเพื่อนจะหิวก่อนถึงเวลา  เพราะยิ่งทีมหลายคน  กว่าจะถึงเวลาของตัวเองก็เลยไปหลายชั่วโมง  ต้องรอคนก่อนหน้าเบรกให้เสร็จก่อนถึงจะสลับไปพักได้  ต้องนึกถึงใจเขาใจเราให้มาก ๆ เลย
ใครจะกลับก่อนก็เคลียร์งาน  แบ่งเบาภาระ  ไม่ใช่ปัดตูดกลับบ้านทิ้งทุกอย่างให้คนที่อยู่ต่อรับผิดชอบหมด
ใครปิดร้านก็สต๊อกของเตรียมไว้ให้  เผื่อคนเข้าเช้าจะได้ไม่ต้องตาลีตาเหลือกหาของตอนเปิดร้าน

พอเลิกงานก็ค่อยถามไถ่กัน  ใครลาไปไหนก็ติดต่อหาทีมตลอดเพราะเป็นห่วง  คนที่อยู่ทำงานก็ต้องไล่ให้คนที่ลาได้"พัก"จริง ๆ ไม่ต้องห่วง
ใครมีปัญหาอะไร  หรือวันไหนมาไม่ได้  ป่วยไม่สบาย  ประสบอุบัติเหตุ  มีปัญหาที่บ้าน ฯลฯ
มันก็รู้กันหมดน่ะครับว่าลาทำไม  เป็นอะไร  อยู่ที่ไหน ฯลฯ  คือห่วงจริงจังประหนึ่งญาติสนิทเหมือนกันนะครับ

บางคนลาออกไปแล้วก็ยังติดตามถามไถ่กันอยู่เลย  ใครไปได้งานดี ๆ ที่ไหนก็บอกต่อ  ดึงเพื่อนไปด้วย  เพื่อนร่วมอาชีพจริง ๆ อ่ะครับ😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่