สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
ผมคนนึงแหละที่เป็นคน Gen X เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก เรียนจบวุฒิสูงสุด ปวส. แล้วก็ทำงานเลย ทำงานใต่เต้า และเรียนเพิ่มวุฒฺิและความรู้ จากพนักงาน เงินเดือนแค่ 5 พัน จนเป็นระดับบริหาร เงินเดือน 5 แสน ปัจจุบันเลือก early retirement แล้ว
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมสามารถบอกได้ว่า โลกทุนนิยม มันโหดร้ายนะ เขามองคนเป็นแค่ต้นทุนของระบบธุรกิจ คนที่มีอำนาจมากที่สุดคือนายทุน ที่มองอย่างเดียวว่าจะลดต้นทุนยังงัย ทำอย่างไรให้ใช้เงินน้อยที่สุด และดึงเงินออกจากกระเป๋าคนอย่างเรา ๆ ให้ได้มากที่สุดโดยผ่าน วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ และ การเงินโดยการให้กู้ วิธีการนี้ นายทุนกำไร 2 ต่อคือขายสินค้าได้และได้เงินจากดอกเบี้ยเงินกู้
ซ้ำร้ายที่สุดของระบบการทำงานคือ นายทุนมีหน้าที่ในการ รีดเอาประสิทธิภาพ และกำไีร จากลูกจ้าง กล่าวคือ เขารีดประสิทธิภาพจาก CEO แล้ว CEO ก็รีดต่อจาก ผู้จัดการ แล้วก็รีด ๆ ต่อ ๆ กันมาจนถึงระดับพนักงาน สิ่งนี้แหละที่สร้างความเลวร้ายให้กับคนทำงานเกือบ 7 พันล้านคนทั่วโลก ที่ต้องผจญกับความเครียด สังคมทำงานที่เลวร้ายจากคนที่ทำงานด้วยกันเพราะต้องแข่งกันสร้างผลงาน และต้องผจญสิ่งนี้ โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จนกว่าจะเกษียณตัวเอง ออกจากระบบ
ที่ผมเล่ามาทั้งหมด หลายคนอาจจะไม่เคยมอง เพราะมันคือความคุ้นชิน ว่าเรียนจบต้องหางาน ทำงานแล้วก็ต้องปั่นผลงานตลอดชีวิต เพื่อหาเงินที่เขากำหนดมาแล้วในกระบอกเงิน เพื่อให้มีกินมีใช้ ซึ่งผมบอกได้เลยว่าความเลวร้ายของระบบในสังคมนี้ มันทำให้มนุษย์ ทุกข์ระทมกันทั้งโลก คนที่สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้ มีแค่คน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนายทุน กับ กลุ่ม ผู้บริหารที่มีรายได้สูงจนสร้างเงินได้และไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงเงินจากระบบการทำงาน อย่างที่ผมเป็น
ใครที่คิดจะว่าคนรุ่นใหม่ว่า ไม่ขยัน โง้นงี้ ลองทำความเข้าใจชีวิตให้ถ่องแท้ ว่าจริง ๆ แล้ว เรามีลูก เราสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่ออะไรกันแน่ หรือเพื่อมารับกรรม เฉกเช่นเดียวกับคนรุ่นก่อน จนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป
ส่วนตัวผมเห็นว่า สังคมควรถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงสักที ไม่เข่นนั้นในอนาตค จะได้เห็น คนแค่ 0.1% ของคนบนโลก ครอบครอง สินทรัพย์ 99% ของทรัพยากรบนโลกใบนี้ ที่เหลือก็วนเวียนกันหาเศษเงินบนโลกด้วยควาทเครียด จนกว่าจะตายจากโลก
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมสามารถบอกได้ว่า โลกทุนนิยม มันโหดร้ายนะ เขามองคนเป็นแค่ต้นทุนของระบบธุรกิจ คนที่มีอำนาจมากที่สุดคือนายทุน ที่มองอย่างเดียวว่าจะลดต้นทุนยังงัย ทำอย่างไรให้ใช้เงินน้อยที่สุด และดึงเงินออกจากกระเป๋าคนอย่างเรา ๆ ให้ได้มากที่สุดโดยผ่าน วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ และ การเงินโดยการให้กู้ วิธีการนี้ นายทุนกำไร 2 ต่อคือขายสินค้าได้และได้เงินจากดอกเบี้ยเงินกู้
ซ้ำร้ายที่สุดของระบบการทำงานคือ นายทุนมีหน้าที่ในการ รีดเอาประสิทธิภาพ และกำไีร จากลูกจ้าง กล่าวคือ เขารีดประสิทธิภาพจาก CEO แล้ว CEO ก็รีดต่อจาก ผู้จัดการ แล้วก็รีด ๆ ต่อ ๆ กันมาจนถึงระดับพนักงาน สิ่งนี้แหละที่สร้างความเลวร้ายให้กับคนทำงานเกือบ 7 พันล้านคนทั่วโลก ที่ต้องผจญกับความเครียด สังคมทำงานที่เลวร้ายจากคนที่ทำงานด้วยกันเพราะต้องแข่งกันสร้างผลงาน และต้องผจญสิ่งนี้ โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จนกว่าจะเกษียณตัวเอง ออกจากระบบ
ที่ผมเล่ามาทั้งหมด หลายคนอาจจะไม่เคยมอง เพราะมันคือความคุ้นชิน ว่าเรียนจบต้องหางาน ทำงานแล้วก็ต้องปั่นผลงานตลอดชีวิต เพื่อหาเงินที่เขากำหนดมาแล้วในกระบอกเงิน เพื่อให้มีกินมีใช้ ซึ่งผมบอกได้เลยว่าความเลวร้ายของระบบในสังคมนี้ มันทำให้มนุษย์ ทุกข์ระทมกันทั้งโลก คนที่สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้ มีแค่คน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนายทุน กับ กลุ่ม ผู้บริหารที่มีรายได้สูงจนสร้างเงินได้และไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงเงินจากระบบการทำงาน อย่างที่ผมเป็น
ใครที่คิดจะว่าคนรุ่นใหม่ว่า ไม่ขยัน โง้นงี้ ลองทำความเข้าใจชีวิตให้ถ่องแท้ ว่าจริง ๆ แล้ว เรามีลูก เราสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่ออะไรกันแน่ หรือเพื่อมารับกรรม เฉกเช่นเดียวกับคนรุ่นก่อน จนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป
ส่วนตัวผมเห็นว่า สังคมควรถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงสักที ไม่เข่นนั้นในอนาตค จะได้เห็น คนแค่ 0.1% ของคนบนโลก ครอบครอง สินทรัพย์ 99% ของทรัพยากรบนโลกใบนี้ ที่เหลือก็วนเวียนกันหาเศษเงินบนโลกด้วยควาทเครียด จนกว่าจะตายจากโลก
ความคิดเห็นที่ 9
มันก็ไม่ได้ดี แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดที่ว่ามาหรอกครับ
ไม่ใช่ "คนเริ่มอยู่ไปวันๆ" แต่เป็น "คุณเริ่มอยู่ไปวันๆ" ในทุกวันนี้ คนที่ใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายก็มีมากมาย คนที่สนุกไปกับชีวิตก็มีไม่น้อย คุณแค่อยู่ในกลุ่มของคนที่แพ้หรืออาจจะยอมแพ้เท่านั้นเอง อย่าเอาตัวเองเป็นตัวแทนคนในสังคมเลยครับ ก็เสียใจด้วยที่คุณไปอยู่ในหมวดนั้น แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นเขาจะไปอยู่ตาม ถึงปัจจุบันค่าใช้จ่ายกับรายได้มันจะเริ่มไม่สอดคล้องกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่ทำให้ชีวิตคนในสังคมเป็นแบบนั้นเลย บางทีลองเริ่มลืมตาดูดีมั้ยครับ ขั้นแรกก็ต้องมองว่าคนอื่นเขาไม่ได้เป็นแบบคุณ ขั้นสองค่อยมองหาวิธีว่าเขาทำยังไงถึงไม่ได้เป็น เพราะถ้าเอาแต่คิดว่าทุกคนเป็นโดยที่หลับตาอยู่แบบนั้น คุณก็อยู่แต่แบบนั้นนั่นล่ะ
ไม่ใช่ "คนเริ่มอยู่ไปวันๆ" แต่เป็น "คุณเริ่มอยู่ไปวันๆ" ในทุกวันนี้ คนที่ใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายก็มีมากมาย คนที่สนุกไปกับชีวิตก็มีไม่น้อย คุณแค่อยู่ในกลุ่มของคนที่แพ้หรืออาจจะยอมแพ้เท่านั้นเอง อย่าเอาตัวเองเป็นตัวแทนคนในสังคมเลยครับ ก็เสียใจด้วยที่คุณไปอยู่ในหมวดนั้น แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นเขาจะไปอยู่ตาม ถึงปัจจุบันค่าใช้จ่ายกับรายได้มันจะเริ่มไม่สอดคล้องกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่ทำให้ชีวิตคนในสังคมเป็นแบบนั้นเลย บางทีลองเริ่มลืมตาดูดีมั้ยครับ ขั้นแรกก็ต้องมองว่าคนอื่นเขาไม่ได้เป็นแบบคุณ ขั้นสองค่อยมองหาวิธีว่าเขาทำยังไงถึงไม่ได้เป็น เพราะถ้าเอาแต่คิดว่าทุกคนเป็นโดยที่หลับตาอยู่แบบนั้น คุณก็อยู่แต่แบบนั้นนั่นล่ะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
มนุษย์เงินเดือน
เศรษฐกิจ
โลกยุคนี้ คนเริ่มอยู่ไปวันๆ ไม่มีอนาคต ทำงานไปเหมือนตำข้าวสารกรอกหม้อ