เตือน นศ. จบใหม่ โดนหลอกว่าเป็น sale แต่ที่จริงคือขอเงินบริจาคเด็กกำพร้า

**** เป็นประโยชน์กับน้องๆและทุกคน  ส่งต่อไปให้คนรู้จัก ***** แต่ถ้าชอบแบบนี้เราต้องขออภัย

ถ้าใครลังเล ที่จะอ่าน เลื่อนไประหว่างข้อ 3 กับ 4

ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่าเราเป็นนักศึกษาจบใหม่ เลยหางานทำที่ได้เงินเยอะ แล้วไปเจอบริษัทนี้ที่แอปหางาน (สีนำ้เงิน) เงินเดือน 25,000-40,000+ ในตำแหน่ง sale(………….)  ทางบริษัทจะใช้หลายsale มาก sale บลาๆๆ ชื่อดูดีมากก เราสนใจจึงส่งเรซูเม่ไป เราอยากทำเพราะเราคิดว่าน่าสนุก อยู่ ออฟฟิตบ้าง ออกไปหาลูกค้าบ้าง ได้ค่าคอม เศรษฐกิจแบบนี้ใครดี ใครได้


👎ระวังให้ดี ชอบเขียนว่า ออกบูธ อีเว้นต์ ( เดี๋ยวเล่าให้ฟัง)
👎อบรมฟรี ( ฝึกจิตวิทยา  )
👎จะชอบแจ้งว่า indoor outdoor  ( in 10% out 90% )
👎ลักษณะงานคือ ทำงานร่วมกัน บริษัทชื้อดัง พูดถึงค่ายมือถือ ยักษ์ใหญ่ ว่ามาจ้างบริษัทนี้  ช่องรายการทีวี ชื่อดัง นำ้หอมแบรนดัง

👎สิทธิประโยชน์ ของ sale ที่รู้กันดี ค่าเดินทางสามารถเบิกได้เพราะคือหน้าที่ที่ทำให้บริษัท ( ที่นี่ไม่มี )
👎เงินเดือนที่เขีบนไว้คือ ต้องถึงเป้าที่กำหนดถึงจะได้ 12,000-15,000 ที่เหลือเราหาเพิ่มเองได้ ถ้าไม่ถึงยอด ก็ไม่ถึง12,000

ตอนโฆษณาหางาน กับการทำงานจริง ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย โกหก ชอบโพสต์ตามกลุ่มหางาน นศ จบใหม่
บริษัท มีทั้ง อโศก พญาไท สาทร   มาเราจะเริ่มเลย

** บางทีบริษัทเดียวกัน แต่เพิ่มหลายๆชื่อให้คน รู้สึกหลากหลาย ให้สังเกตุที่ตั้ง จะอยู่ตึกเดียวกันชั้นเดียวกัน แต่ใช้หลายชื่อ **

คนที่มาโพสต์หางานก็ไม่ใช่ HR แต่เป็นพี่เลี้ยง หัวหน้าทีม ที่มาหาคนเข้าทีมตัวเอง

1. วันสัมภาษณ์ : เราเห็นคนไปเยอะมาก เกือบ 20 คนนั่งรอเวลาเดียวกัน เริ่มจากการทำข้อสอบ ห้ามคุยกัน ห้ามทำความรู้จักกัน ( ทีแรกคิดว่ากลัวลอกข้อสอบกัน) เราก็โอเค จนเข้าไปสัมภาษณ์ คนที่พาสัม ไม่ใช่หัวหน้าทีมเราแต่การทำงานเหมือนกัน เลยมาสัม ถามปกติ ไม่มี test english เค้าถามเราว่า ทำไมถึงอยากทำงานนี้ เราก็บอกไม่ชอบงานจำเจ  ชอบออกข้างนอก ได้เที่ยว อิอิ

2. สรุป ได้งานนี้ : ( แต่พูดเชิงว่าเลือกเราคนเดียว ทั้งๆที่ทำคนได้งานนี้หมด แต่ให้มาทำงานคนละรอบ เพื่อนที่มาสัมวันเดียวกัน จำเราได้เราก็จำเค้าได้ เจอกันในห้องนำ้ !!)  เพื่อนคนนั้นเริ่มงานก่อนเรา แต่เค้าไม่คุยกับเรา ทำเหมือนจะทัก แต่ก็ไม่ เราก็เฉย ( เจอวันที่เราไปเริ่มงานวันแรก)

3. วันแรกที่เริ่มงาน จะเป็นการเทรน สอนงาน จะมี เมนเทอร์ หรือ หัวหน้าทีม ( คนที่ทำงานมาหลายปี ) จะมานั่งกับเราตอนเทรน  หมายความว่า ใครก็ตามที่มาเทรนวันนั้น จะมี พี่เลี้ยงนั่งประกบคู่ ให้จดเอาไว้ที่เค้าสอน ไปกินข้าวด้วยกัน ให้เราอยู่แค่กับพี่เลี้ยง แล้วก็จะมีการแจ้งกฎ ในตอนบ่าย
-ห้ามคุยกับเพื่อนร่วมงาน (พี่เลี้ยงคอยดูตลอด)
-ห้าม แอดไลน์คุยกัน (ถ้ารู้ไล่ออก) ผิดกฎร้ายแรง !
การสอนคือการ ชักจูง เขิญชวน ศึกษานิสัยมนุษย์ จิตวิทยา
เราก็เทรนแบบนั้นประมาณ 2-3 วัน พอวันที่ 4 เริ่มออกพื้นที่  
“ เราเริ่มสงสัยไหนแผนก sale ไหนแผนกอื่น ทำไมทุกคนออกพื้นที่กันหมดเลย “ ออฟฟิตเช่าอยู่ในตึกใหญ่ ( ห้องเล็กมาก) สวสัยมาก แต่สุดท้าย อ๋อออออเลย

*** เค้าจะบอกว่าเจ้าของ project (บริษัท ) รวยมาก เรียนมหาลัยเอกชนชื่อดัง

** เค้าจะสอนให้เราดูลักษณะลูกค้าที่ดูมีเงิน จากการแต่งตัว เสื้อผ้า กระเป๋า  พยาบาล นักเรียนแพทย์  ดูใจดี ให้เล็งไว้ไกลๆละรอดัก **

** การบริจาค ไม่รับเงินสด เราแค่บัตรเครดิต เท่านั้น  แล้วจะมีขั้นตำ่ 3000฿/เดือน หรือกี่พัน ก็ตามค่าคอมที้เราจะได้รับ**

** ขั้นตอนแรกคือการขอบัตรประชาชนก่อน พอ เค้าเปิดกระเป๋าให้สังเกตุมีบัตรเครดิตมั้ย **

** เค้าจะมีชีทมาให้ เราพูดให้เราทัก หรือ ดักลูกค้าแล้วพูด 10:1 หมายความว่า ถ้าเรา ดัก10 คนต้องได้สักคนมาบริจาค 20:1 เป็นการจูงใจ จิตวิทยา กับเรามากๆ

4. ออกไปทำงานวันแรก  สมดั่งใจ ไม่จำเจ ไม่อยู่ออฟฟิตตลอด ตั้งแต่บ่ายโมง จน 6โมง เรายืนอยู่ที่สถานี BTS  ร้อนๆ เหงื่อแตก ยืนขาแข็ง (ถ้านั่งนั่งพื้น ) เพราะ bts ไม่ทีที่นั่งอยู่แล้ว  อยากเข้าห้องนำ้ หรือ หิว เดินลงไป เข้าที่ร้านอาหาร เช่น MC KFC  หรือร้านที่อยู่แถวนั้น เค้าให้เรายืนดูเขาทำก่อน  แล้วให้เราลองทำ  

5. การทำงานคือ เดินไปเรียกคน เพื่อขอรับเงินบริจาคให้เด็กกำพร้า พูดว่าเด็กน่าสวสารยังไง ช่วยเค้าตกวันละเท่าไหร่ ต้อเดือนเท่าไหร่ แบ่งให้เด็กใช้บ้าง โบชัว ของ องค์กรช่วยเหลือเด็ก สีฟ้า ระดับโลก ( เราไม่เคยเห็น องค์กรสีฟ้าระดับโลก มาเรื่ยไรแบบนี้)  ตอนเทรนมาเราก็ถาม เค้าบอกว่าตอนนี้ นี่คือ project เรา แต่ทุกทีมทุกคน ก็ทำเหมือนกัน เราเคยถาม พี่เลี้ยงคนอื่นที่อยู่มานาน ที่ดูเป็นคนดี เค้าบอกทีแค่ project เดียวทาตลอด 🫢   ตอนนั้นเรา ช็อตมากก เราท้อเราเหนื่อย  พี่เลี้ยงก็จะคอยพูดเชิงบวก แต่เราพูดลบ ( ถ้าเป็นเราเอง เดินๆอยู่แบบรีบๆ ต้องมาโดนดักยืนฟัง อะไรแบบนี้ ) ยิ่งเห็นคนเมินใส่ แกล้งคุย ทส. มันแบบว่า เรามาทำไรที่นี่วะเนี่ย!!!!   พวกพี่เลี้ยง วิ่งตามเดินตาม แบบที่เราไม่ชอบ แล้วบอกให้เราทำ



6.หลังจากนั้นเราขอหยุด แล้วไปทำงานอีกที นึงคือที่ห้าง indoor แอร์เย็นมาก  ( ทำงาน 5-6 วันจะได้มาในห้าง แค่วันเดียว ) เราก็กลับมาฮึดอีกครั้งเพราะห้างชิ่อดังติด bts ใจกลางเมือง มีบูธ จริงอยู่ชั้นเดียวกับ ธนาคาร รอดักคนทีเงิน หรือมาทำธุรกรรม  เราก็รู้สึกว่า เออไม่ใช่ แบบในข่าวหลอกมั้ง ต้มตุ๋น  จนเราได้ลูกค้า มาคนนึง คือ คุณปู่ คุณตา เป็นอดีตข้าราชการ ปลดเกษียณ เรารู้สึกสงสารเขามาก ถ้าเราเป็นลูกหลานเค้าคงตามมาด่า หลอกคนแก่!! แต่คุณตาใจดีมาก นั่งคุยเรื่องอาชีพเขา ละก็ทำบุญ ( เราได้ค่าคอมจากคุณตาคนแรก)  อ่อแล้วถ้าเข้าห้องนำ้เข้ารวมกันได้หมด พอกินข้าวของในนั้นก็แพงต้องไปกิน จุดกินข้าวของพนักงาน

7.  เรากลับไป outdoor แบบเดิม bts เหมือนเดิมแต่ที่พีคคือ เจอคู่แข่ง ต้องย้ายที่ 555 อย่างที่เราแจ้งว่าบริษัทแบบนี้มี3 ที่ ถือกระดาษแบบเดียวกัน เราเลยรู้ และย้าย สถานี bts ต่อ

8. วันต่อมา รอบนี้ไม่ใช่ bts แล้วเด้อออ เป็น สะพานลอย ยืนที่สะพานลอยแบบสับ ดักคนที่จะเข้าห้าง ห้างชื่อเดียวกับข้อ6 แต่สาขานี้น่าจะไม่ให้ตั้งบูธ เลยต้องเป็นสะพานลอย  ( out door เราไม่ได้ลูกค้าเลย )  หิวข้าวนั่งกินหน้าห้าง ถ้าอยากประหยัด


**เล่ามาถึงตอนนี้ มีแค่เรากับพี่เลี้ยงนะ เพื่อนที่มาตอนนั้น คือกระจายตัวกันไปไม่เจอกันเลยตอนทำงาน **

ส่วนของบริษัท1 สัปดาห์จะต้องเข้าไป meeting1ครั้งเพื่ออวดผลงาน ว่า ใครได้ลูกค้าเยอะ ใครเก่ง ใครเลิศ ใครปัง ถ้าน้องใหม่ ก็ต้องแนะนำตัว ชื่อไร มาจากไหน มหาลัยอะไร ที่พีคคือเราเจอคน ม.เดียวกัน  ละสุดไปกว่านั้นเจอลักษณะคนลูกคุณหนู เรียบร้อย ผิวพรรณดี ( ม.รัฐ อันดับต้นของประเทศ ที่สอบเข้ายาก) เราอึ้งไปเลย เค้าจะทำงานนี้ได้หรอ ขนาดเรายังจะตาย ทั้งๆที่บึกบึนกว่าเขาเรายังร้องไห้ เลยอะและแบบยืนตามสะพานลอย กินข้าวข้างทาง ( ไม่ใช่ร้านอาหารริมทางนะ นั่งกินที่ฟุตบาทกับพื้น!!) สรุปเค้าออกก่อนเรา1 วัน 555


9. ต่อไปตามที่ลงไว้ใน การสมัครงานจะมีไปต่างจังหวัดเราเข้าไปว่าไปเที่ยว สรุปก็ไปทำแบบเดิม แถบภาคอีสาน ตรงนี้สำคัญมากกก มันคือจุดจบของทุกๆอย่าง

ในการไปครั้งนี้เราต้องเสียเงิน ค่าที่พัก และค่ารถ (ในหัวคือเสียตังปะวะ สรุปเสีย อันนี้เรารู้ทีหลังนะว่าเสียตอนไปเราไม่รู้ ค่ากินเสียเอง ทุกอย่าง ))) ถ้าเราทำถึงยอด ไม่ต้องเสีย ครั้งนี้เราเหล่าพี่เลี้ยง ละเด็กใหม่อย่างเรา1 คน และคนมาหลังเราอีก1 คน (พวกเราไม่คุยกันไม่รู้จักกัน คุยกันได้ในสายตาพี่เลี้ยง)  ที่พัก ไม่มีลิฟต์ ประหยัดงบ

วันนั้นที่ไปถึงคือไปหาไรกิน กลับมากินดื่มนิดหน่อย อันนี้ปกติดี เราก็เริ่มชินกับคน อ่อลืมบอกเราไปหลายวันนะ 5-7 วันมั้ง

วันแรกที่เริ่มงานต่างจังหวัด เค้ากระจายตัวกันไปตามสถานที่ที่คนพลุกพล่าน ส่วนเราได้ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด สิ่งแรกเลยที่รู้ว่ามาที่นี่ เราถามเค้าว่าทำไมถึงมาโรงพยาบาล 1. หมอ 2.พยาบาล 3. ญาติคนป่วย เราก็เฉยๆ

ต่อมาเราก็ยืนกันประจำจุด คอยดักหมอ พยาบาล หรือใครที่เดินผ่าน (ไม่มีบูธใดๆนะไปยืนเฉยๆ) มีพยาบาลมีอายุคนนึงเดินมาถามว่า มาที่นี่ ขออนุญาตหรือยัง พี่เลี้ยงเราตอบว่ายัง แล้วเค้าก็บอกว่ามาทำแบบนี้ต้องขออนุญาตก่อนนะ พี่เลี้ยงก็พาเดินหนีแล้วไปยืนที่อื่น ใน รพ.ต่อ ละก็บอกไปว่า อย่าไปสนใจ ( เราถามตัวเอง นี่เราคือมิจฉาชีพ หรือป่าววะ)   แล้วก็เปลี่ยนชุดยืนไปเรื่อยๆ

++อันนี้สนุก ++

ตอนบ่ายพี่เลี้ยงพาขึ้นไปบนตึกที่หมอ พยาบาลอยู่  กระจายกันไป เราก็ไปกับพี่เลี้ยงเหมือนเดิม วิธีการคือ เดินไปตามห้องตรวจและอ่านชื่อหมอหน้าห้อง แล้วไปแจ้งพยาบาลว่ามาขอพบหมอ …. (ชื่อหน้าห้อง) เค้าจะนั่งดูว่าหมอมีคนไข้ไหม ว่างไหม เปลี่ยนเวรไหม แล้วก็ไปบอกพยาบาลหน้าหัองว่า มีจดหมายส่งมาจาก มูลนิธิแล้วแต่หมอน่าจะไม่ได้รับ เค้าเลยตามมาเพื่อแจ้ง( แต่จริงๆแล้วไม่มีจนหมาย อะไรทั้งนั้น ) หมอบางคนก็ ดุ บางคนก็ใจดี เราก็กลัวพูด 10:1 แบบตะกุกตะกัก พี่เค้าก็พูดให้  แต่ทุกคนก็ไม่ทำบอกขอคิดดูก่อน

ต่อมาย้ายไปอีกแผนก พูดเหมือนกันหมด แต่ที่พีคอีก คือ พี่เลี้ยงอีกทึม ดูราดราวละเดินเข้าไปเลย ใช้ความสวย เข้าไป คะขา แล้วหัวหน้าproject บอกให้สอนน้องแต่เค้าไม่สอน ดึงมือเราเข้าไปละนั่งพูดเราก็นั่งดู (ไม่ใช่พี่เลี้ยงเรา) แล้วพอหมอพูดว่า ผมขอคิดดูก่อน พี่เค้าก็พยายามจะให้หมอบริจาค จนหมอพูดว่า ขนาดผมยังให้โอกาสคุณมานั่งพูดเลย คุณจะไม่ให้โอกาสผมได้ตัดสินใจได้คิดหน่อยเลยหรอ เราหน้าชา มือเย็นเลย สรุปก็ออกมา
พี้เค้าดูไม่รู้สึกอะไรเลย ก็ลงไปข้างล่างทำเหมือนเดิม


สรุปแล้ววันนี้ ได้ลูกค้าน้อยมาก พวกเค้าจึงมารวมกันขุ้นรถตู้และไปคุยกันว่าจะเอาไงต่อ สรุปแล้วเค้าเลือกไปที่คอนโด แห่งนึง ซึ่งสืบมาแล้วว่าหมอ พยาบาลอยู่ที่นี่เยอะ ไปดักที่หน้าเซเว่นตรงข้ามคอนโด สรุปก็เจอหมอพยาบาลจริงแล้วพวกเขาก็ได้ ลูกค้าจริงๆ เราอึ้งในความหา คนของพวกเขามาก


ต่อมากลับมาถึงที่พัก โทรหาเพื่อน และเล่าเรื่องทั้งหมด ของวันนั้น เพื่อนๆที่สนิทที่นัดมาสัมภาษณ์ที่บริษัทนี้แต่เราห้ามไว้ เล่าเหมือนที่เราลงในพันทิปเพื่อนเราเลยไม่ไป เพราะมันไม่ตรงกับ รายละเอียดที่ลงไว้เพื่อนเรายังหลง แต่ดีที่เราไปก่อนแล้วมาบอกต่อ  

สรุปวันต่อมา เราหาวิธีกลับบ้านจนได้กลับ เรามีของเยอะขึ้นเครื่องไม่ได้ (เท่าที่ 5-6 หัวช่วยกันหาตอนนั้น ) เราจึงเลือก รถทัวน์ เราไม่เคยนั่ง พวกเค้าก็โบกๆให้ขึ้น ไป กรุงเทพ น่ากลัวมาก มีแอร์ แต่ร้อน  เรานั่งซึมจนถึง กทม. หลาย ชม มากเพื่อนไม่ทิ้ง โทรถาม ตลอด share location ตลอด จนสุดท้าย ถึงบ้านเกือบเช้า

10. เราตัดสินใจโทรไปลาออก เราโดนหักเงิน ค่ารถ ที่พัก ทั้งๆที่ ไม่มีเตียงสำหรับเรา (นอนเบียด ระหว่างเตียง ) เราจ่ายหลักพัน เพื่อเป็นบทเรียนชีวิต first job  


ที่เราตีความได้คือ ถ้าเราคุยกับเพื่อน จะพากันลาออกขาดคน

แล้ว sale ของบริษัทนี้คือเอาแค่เด็กจบใหม่ ไม่เอาคนมีประสบการณ์ เค้าให้คำตอบว่า  เอาหัวใสๆมา ผ้าขาวจำง่ายไม่ขัดแย้ง

หลังจากนั้นเราค้นหา งานเราก็ยังเจออยู่ เราเคยทักไปหาผู้ดูแลกลุ่มหางาน เค้าเลยไปเม้นว่าให้อธิบายรายละเอียดงาน บริษัทไม่ตอบผู้ดูแลเลยบล็อก ละบอกเราว่า เจอบ่อยมาก ไล่บล็อกไม่หมดสักที เราเองจนตอนนี้ก็ยังเจอ ในกลุ่มหางาน นศ จบใหม่ เราจึงตัดสินใจมาโพสต์ที่นี่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่