สังคมเรามาถึงจุดนี้แล้วหรือ ปกป้องคนผิด แถมส่งเสริมคนผิด [เตือนภัยสังคม]
(บทความนี้ Copy มาจากในเฟสแห่งนึง ขอไม่เอ่ยนาม)
**************************************************************
แชร์ประสบการณ์ถูกฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาครับ
เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมามีเพื่อนในเฟสผมคนนึงเป็นแม่ลูกอ่อนเธอโพสต์ทวงเงินลูกหนี้ และ ขอร้องว่าอย่าโกงเธอ
สักพักตัวลูกหนี้เข้ามาคอมเมนต์ตอบโต้กัน ผมอ่านไปแล้วก็รู้สึกว่านางพูดเก่งจนเจ้าหนี้เถียงไม่ทัน ผมทนไม่ไหวเลยเข้าไปคอมเมนต์ว่า
"ทำไมหน้าด้านจังล่ะครับเป็นหนี้เขาก็แค่ใช้ไปก็จบแล้ว"
ผ่านไปประมาณ 3 เดือนหมายศาลมาที่บ้านครับเพื่อนผมเป็นจำเลยที่ 1 ตัวผมเป็นจำเลยที่ 2 ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายคนละ 300,000 บาท
ผมพยายามศึกษาข้อกฎหมายด้วยตัวเองดูแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เต็มที่ก็เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า แต่เพื่อนที่เป็นทนายทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเหตุมันเกิดบนสื่อสาธารณะมันก็กลายเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาไปแล้วทั้งหมด ถ้าจะสู้คดีกันก็ยาว
และบทเรียนสำคัญ จุดที่เสียเปรียบที่สุดคือ ผมไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ผมไป
เอง ศัพท์กฎหมายเรียกว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
สรุปคดีจบไปแล้วครับ ทนายผมก็ไปต่อรองกันจาก 300,000 บาทเหลือ 10,000 บาท ผมก็ยอมจ่ายไปจะได้จบ เพราะว่าถ้าไม่จบ ให้ทนายไปอีกครั้ง ก็เสียเงินค่าทนายมากกว่านี้แล้ว
เหตุการณ์นี้ ผมรู้สึกเหมือนเห็นคนกำลังโดนปล้น แล้วผมเดินเข้าไปต่อยโจร แล้วตอนนี้ผมกำลังเสียค่าเสียหายให้โจรในข้อหาทำร้ายร่างกาย
แต่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ถ้าผมเจอใครเดือดร้อน ผมก็คงทำเหมือนเดิมแหละ ผมอดไม่ได้หรอก แค่เรียนรู้ว่าบนโลกออนไลน์เราไม่สามารถด่าใครตรงๆได้ เราต้องใช้คำเปรียบเปรยกระทบกระเทียบเหน็บแนมประชดประชัน แบบนั้นไม่ผิดกฎหมายเช่นแทนที่จะด่าว่าหน้าด้าน เราก็ต้องพูดว่า ดีจังนะครับพ่อแม่ผมสอนให้ผมอาย แต่ของคุณสบายเลยน่าจะไม่มีใครสอน ชีวิตอิสระดีครับ
สุดท้ายสิ่งที่จะทำให้ผมจำไม่ลืมกับเหตุการณ์นี้ก็คือ ตอนที่ศาลท่านบอกว่าจบเรื่องกันแล้วนะ เอ้าคุณไปด่าเขา ก็ยกมือไหว้ขอโทษเขานะ ศาลจะได้บันทึกไว้ ... ผมมีคำพูดเป็นล้านคำที่อยากจะพูดบ้าง แต่ก็ ได้แต่เงียบ เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่อก พนมมือแล้วก็พูดว่า.. ขอโทษนะ
และ น้ำตาผมเผลอไหลออกมา
*********** End ****************
เพิ่มเติม ความเห็นส่วนตัว ผมละเบื่อกฏหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับคนผิดจริงๆ คอมเม้นคนนอก ว่าคนผิด แค่ว่า "หน้าด้าน" โดนฟ้อง แถมคนผิดชนะคดีด้วย โอ้วสุดยอดเลยเมืองนี้ เป็นหนี้ไม่จ่าย ไม่ต้องกลัว กฏหมายคุ้มครองลูกหนี้เต็มที่ไปเลย ฉนั้นก็ขอเตือนไว้เลยว่า ถ้าใครมายืมเงิน ก็ไม่ต้องให้ยืม ไม่ต้องช่วยเหลือกัน เพราะถึงเวลา เขาไม่คืนไม่พอ อาจนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้อีกด้วย ตรรกะสังคมมันบิดเบี้ยวไปหมดแล้วตอนนี้ นี้ลูกหนี้เขายังโชคดีเจอคนธรรมดาพิมพ์ตามทวงหนี้ในเฟส ถ้าไปเจอเจ้าหนี้คนจริง กว่านี้ลูกหนี้ไปนั่งเล่นบนยางรถยนต์ ในป่าไปแล้ว คงไม่มีโอกาสได้ไปฟ้องใครเป็นแน่
ผมก็คงต้องลดการตอบคอมเม้นแบบรุนแรงด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ควรจะเม้นได้ถ้ามันเป็นคำพูดที่จริงไม่ได้โกหก แต่สังคมเป็นแบบนี้ ก็ต้องทนๆ ใส่หน้ากากไปละกันครับ
ปล.เรื่องราวนี้ เป็นการนำประสบการณ์จากในเฟสมาแบ่งปัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่มีอยู่จริง และไม่ได้พาดพิงถึงบุคคลไหน เป็นการนำเรื่องราวมาแชร์ไว้ให้เป็นประสบการณ์เตือนสังคมให้รับรู้กันโดยเฉยๆ ครับ
...
..
.
สังคมเรามาถึงจุดนี้แล้วหรือ ปกป้องคนผิด แถมส่งเสริมคนผิด [แชร์ประสบการณ์ถูกฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาครับ]
(บทความนี้ Copy มาจากในเฟสแห่งนึง ขอไม่เอ่ยนาม)
**************************************************************
แชร์ประสบการณ์ถูกฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาครับ
เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมามีเพื่อนในเฟสผมคนนึงเป็นแม่ลูกอ่อนเธอโพสต์ทวงเงินลูกหนี้ และ ขอร้องว่าอย่าโกงเธอ
สักพักตัวลูกหนี้เข้ามาคอมเมนต์ตอบโต้กัน ผมอ่านไปแล้วก็รู้สึกว่านางพูดเก่งจนเจ้าหนี้เถียงไม่ทัน ผมทนไม่ไหวเลยเข้าไปคอมเมนต์ว่า
"ทำไมหน้าด้านจังล่ะครับเป็นหนี้เขาก็แค่ใช้ไปก็จบแล้ว"
ผ่านไปประมาณ 3 เดือนหมายศาลมาที่บ้านครับเพื่อนผมเป็นจำเลยที่ 1 ตัวผมเป็นจำเลยที่ 2 ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายคนละ 300,000 บาท
ผมพยายามศึกษาข้อกฎหมายด้วยตัวเองดูแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เต็มที่ก็เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า แต่เพื่อนที่เป็นทนายทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเหตุมันเกิดบนสื่อสาธารณะมันก็กลายเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาไปแล้วทั้งหมด ถ้าจะสู้คดีกันก็ยาว
และบทเรียนสำคัญ จุดที่เสียเปรียบที่สุดคือ ผมไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ผมไปเอง ศัพท์กฎหมายเรียกว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
สรุปคดีจบไปแล้วครับ ทนายผมก็ไปต่อรองกันจาก 300,000 บาทเหลือ 10,000 บาท ผมก็ยอมจ่ายไปจะได้จบ เพราะว่าถ้าไม่จบ ให้ทนายไปอีกครั้ง ก็เสียเงินค่าทนายมากกว่านี้แล้ว
เหตุการณ์นี้ ผมรู้สึกเหมือนเห็นคนกำลังโดนปล้น แล้วผมเดินเข้าไปต่อยโจร แล้วตอนนี้ผมกำลังเสียค่าเสียหายให้โจรในข้อหาทำร้ายร่างกาย
แต่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ถ้าผมเจอใครเดือดร้อน ผมก็คงทำเหมือนเดิมแหละ ผมอดไม่ได้หรอก แค่เรียนรู้ว่าบนโลกออนไลน์เราไม่สามารถด่าใครตรงๆได้ เราต้องใช้คำเปรียบเปรยกระทบกระเทียบเหน็บแนมประชดประชัน แบบนั้นไม่ผิดกฎหมายเช่นแทนที่จะด่าว่าหน้าด้าน เราก็ต้องพูดว่า ดีจังนะครับพ่อแม่ผมสอนให้ผมอาย แต่ของคุณสบายเลยน่าจะไม่มีใครสอน ชีวิตอิสระดีครับ
สุดท้ายสิ่งที่จะทำให้ผมจำไม่ลืมกับเหตุการณ์นี้ก็คือ ตอนที่ศาลท่านบอกว่าจบเรื่องกันแล้วนะ เอ้าคุณไปด่าเขา ก็ยกมือไหว้ขอโทษเขานะ ศาลจะได้บันทึกไว้ ... ผมมีคำพูดเป็นล้านคำที่อยากจะพูดบ้าง แต่ก็ ได้แต่เงียบ เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่อก พนมมือแล้วก็พูดว่า.. ขอโทษนะ
และ น้ำตาผมเผลอไหลออกมา
*********** End ****************
เพิ่มเติม ความเห็นส่วนตัว ผมละเบื่อกฏหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับคนผิดจริงๆ คอมเม้นคนนอก ว่าคนผิด แค่ว่า "หน้าด้าน" โดนฟ้อง แถมคนผิดชนะคดีด้วย โอ้วสุดยอดเลยเมืองนี้ เป็นหนี้ไม่จ่าย ไม่ต้องกลัว กฏหมายคุ้มครองลูกหนี้เต็มที่ไปเลย ฉนั้นก็ขอเตือนไว้เลยว่า ถ้าใครมายืมเงิน ก็ไม่ต้องให้ยืม ไม่ต้องช่วยเหลือกัน เพราะถึงเวลา เขาไม่คืนไม่พอ อาจนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้อีกด้วย ตรรกะสังคมมันบิดเบี้ยวไปหมดแล้วตอนนี้ นี้ลูกหนี้เขายังโชคดีเจอคนธรรมดาพิมพ์ตามทวงหนี้ในเฟส ถ้าไปเจอเจ้าหนี้คนจริง กว่านี้ลูกหนี้ไปนั่งเล่นบนยางรถยนต์ ในป่าไปแล้ว คงไม่มีโอกาสได้ไปฟ้องใครเป็นแน่
ผมก็คงต้องลดการตอบคอมเม้นแบบรุนแรงด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ควรจะเม้นได้ถ้ามันเป็นคำพูดที่จริงไม่ได้โกหก แต่สังคมเป็นแบบนี้ ก็ต้องทนๆ ใส่หน้ากากไปละกันครับ
ปล.เรื่องราวนี้ เป็นการนำประสบการณ์จากในเฟสมาแบ่งปัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่มีอยู่จริง และไม่ได้พาดพิงถึงบุคคลไหน เป็นการนำเรื่องราวมาแชร์ไว้ให้เป็นประสบการณ์เตือนสังคมให้รับรู้กันโดยเฉยๆ ครับ
...
..
.