โดนหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ฟ้องขับไล่ ซึ่งไม่เคยเจอหรือรู้จักมาก่อนเลย

หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ฟ้องขับไล่เมื่อปี2564 ให้ออกจากศาลเจ้า ซึ่งคนที่โดนฟ้องขับไล่คือประธานศาลเจ้าคนปัจจุบันที่ได้รับผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลเมื่อปี2558 ซึ่งท่านหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นโจทก์ฟ้องและอ้างตัวเป็นพยานปากแรกในชั้นสืบสวนพยานแต่ท่านสุขุมพันธ์ุ
ไม่เคยมาศาลเลยสักครั้งเดียว ทั้งทีฝ่ายจำเลยพยายามจะขอไกล่เกลี่ยกับโจทก์โดยตรงก่อนการสืบพยานแต่ก็ได้รับการปฎิเสธจากทนายฝ่ายโจทก์มาโดยตลอด จำเลยพยามติดต่อขอเข้าพบโจทก์โดยตรงมาหลายครั้งแต่ก็ถูกกีดกันขัดขวางจากคนของโจทก์ไม่ให้เข้าพบแม้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือซึ่งถือว่าเป็นเบอร์ส่วนตัวของหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่ระบุอยู่ในเอกสารที่ส่งฟ้องต่อศาลก็ไม่ใช่เบอรมือถือของท่านสุขุมพันธ์ุ แต่กลับเป็นเบอร์มือถือของทนายผู้รับมอบอำนาจจากท่านสุขุมพันธ์ุ ทุกอย่างทีเกิดขึ้นเหมือนมีการจงใจขัดขวางเพื่อมิให้จำเลยได้ติดต่อกับหม่อมสุขุมพันธ์ุผู้เป็นโจทก์ได้โดยตรงทางจำเลยและโจทก์ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จำเลยได้เข้ามาบริหารศาลเจ้าต่อจากสามีที่เสียชีวิต บริหารศาลเจ้าอย่างเปิดเผยมาโดยตลอดตั้งแต่ปี2558และพยายามขอเข้าพบหม่อมสุขุมพันธ์ุซึ่งเป็นโจทก์เพื่อคุยเรื่องการต่อสัญญาเช่าที่ดินที่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าที่เคยทำใว้กับสามีของจำเลยที่เสียชีวิตไปเเล้วแต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากทั้งทนายเเละคนของท่านมาโดยตลอด ตลอดเวลาที่จำเลยบริหารศาลเจ้ามาตั้งแต่ปี2558จนถึงปัจจุบันไม่เคยมีการติดต่อจากโจทก์ให้เข้าพบเพื่อพูดคุยเรื่องสัญญาเช่าเลย ศาลเจ้ามีการจัดงานเทศการกินเจทุกปีเป็นเวลา10วันซึ่งจะทำให้ศาลเจ้ามีรายได้เพื่อนำมาบริหารจัดการและใช้ในการบูรณะศาลเจ้าตลอดทั้งปีตลอดการจัดงานเทศการกินเจ10วันทางคนของโจทก์ได้เข้ามาเก็บค่าเช่าทีกับพ่อค้าแม่ค้าที่นำของมาขายในบริเวณศาลเจ้ารวมทั้งยังเก็บค่าเช่าที่ดินจากจำเลยที่จำเลยใช้เป็นที่นั่งรับประทานอาหารเจสำหรับผู้ที่มาร่วมงานเทศการกินเจในบริเวณศาลเจ้า โดยที่คนของโจทก์ไม่มีแม้แต่ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าให้กับพ่อค้าแม่ค้าและจำเลยทั้งที่คนของโจทก์อ้างว่านำเงินค่าเช่านี้ไปให้กับโจทก์พอถึงปี2563ในช่วงเทศกาลกินเจ จำเลยจับได้ว่ามีการขโมยเงินจากโต๊ะเสมียนจับได้จากการบันทึกของกล้องวงจรปิดที่ศาลเจ้าได้ติดตั้งใว้แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่ขโมยเงินเพราะเห็นแก่ความเป็นญาติกับสามีของจำเลยที่เสียชีวิตไปหลังจากเหตุการณ์นั้นจำเลยก็ได้ทราบข่าวว่าญาติของสามีที่ขโมยเงินของศาลเจ้าได้ติดต่อไปทางคนของโจทก์ที่วังสวนผักกาดเพื่อให้เข้ามาบริหารศาลเจ้าแทนจำเลยพอถึงปลายปี2564จำเลยก็ได้รับเอกสารจากศาลแพ่งธนบุรีเป็นเอกสารฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นเงิน5หมื่นต่อเดือนเป็นระยะเวลา1ปีรวมไปถึงจนกว่าคดีจะสิ้นสุด สิ่งที่จำเลยแปลกใจและประหลาดใจมากที่สุดคือทำไมโจทก์ไม่ฟ้องขับไล่จำเลยตั้งเเต่ปี2558ตอนที่จำเลยได้นำเอกสารผู้จัดการมรดกจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ในเรื่องสัญญาเช่าต่างตอบแทนในที่ดินที่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าที่สามีของจำเลยได้ทำใว้กับโจทก์ก่อนที่สามีของจำเลยจะเสียชีวิตเข้ามาบริหารศาลเจ้าต่อจากสามีที่เสียชีวิตทำไมถึงมาฟ้องในปี2564หลังจากที่จำเลยจับได้ว่ามีการขโมยเงินบริจาคที่โต๊ะเสมียนในช่วงเทศกาลกินเจในปี2563ถึงแม้จำเลยจะไม่รู้จักกับท่านสุขุมพันธ์ุผู้เป็นโจทก์โดยตรงแต่ที่ได้ติดตามข่าวสารจากสื่อท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือคนหนึ่งท่านตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาและให้ทุนการศึกษารวมไปถึงการบริจาคทรัพย์มากมายเพื่อประโยชน์แก่สังคมท่านไม่น่าจะทำในสิ่งที่ดูแล้วมันไม่สมเหตุสมผลหลายอย่างรวมไปถึงการกระทำของคนของท่านที่พยายามกีดกันไม่ให้จำเลยได้เข้าพบท่านโดยตรงตั้งแต่ได้รับคำฟ้องจากศาลจำเลยได้พยามที่จะขอไกล่เกลี่ยกับท่านทั้งที่ศาลเเละที่วังสวนผักกาดแต่ก็ถูกกีดกันจากคนของท่านมาโดยตลอด จำเลยหมดหนทางจริงๆจำเลยจึงขอความเมตตาจากผู้รู้ทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้หากมีหนทางไหนที่จะให้เรื่องนี้ถึงท่านสุขุมพันธ์ได้โปรดช่วยให้เรื่องนี้ถึงท่านสุขุมพันธ์ด้วยด้วยความบริสุทธ์ใจจำเลยไม่เคยเชื่อว่าเป็นท่านที่ฟ้องจำเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่