JJNY : ‘โทนี่’ จวก ‘กกต.’│ก้าวไกลจี้กกต.เคลียร์แบ่งเขต│1 มี.ค. ก๊าซหุงต้มขึ้น│3 ชาติยุโรปลงขันซ่อมรถถัง ส่งให้ยูเครน

‘โทนี่’ จวก ‘กกต.’ รับบทประวิงเวลาให้รบ. ลั่น เอาเปรียบเล็กน้อยไม่ว่า อย่าโกง เดี๋ยวจะยุ่ง!
https://www.matichon.co.th/politics/news_3812232
 
 
‘โทนี่’ จวก ‘กกต.’ รับบทประวิงเวลาให้รบ. ลั่น เอาเปรียบเล็กน้อยไม่ว่า อย่าโกง เดี๋ยวจะยุ่ง!
 
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เฟซบุ๊ก CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี่ วู้ดซัม หรือ นาย  ในหัวข้อเลือก เคลื่อนไทย 2566 EP1 : 90 วันชี้ชะตา
 
โดยช่วงหนึ่ง นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าองค์กรอิสระบ้านเรามันไม่อิสระ เหมือนที่เขาตั้งกันในทุกประเทศ ที่เขาก็หวังให้เป็นองค์กรอิสระมีความเป็นอิสระในตัวเอง ในการวางกฎกติกา บังคับใช้กติกา แต่ของเรานั้นมีนักล็อบบี้ นักจัดการให้เอาคนนั้นไปอยู่ตรงนี้ คนนี้ไปอยู่ตรงนู้น เพื่อประโยชน์ของกลุ่มของพวก ด้วยสังคมไทยเป็นสังคมที่ถึงกันหมด จึงทำให้การรักษากติกาแย่มากๆ
  
อย่างกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการเลือกตั้งครั้งก่อนเรียกได้ว่า ล้มละลาย ทั้งที่มีภาพว่ามีการนำบัตรเลือกตั้งมานับคะแนนนอกคูหา และใส่กลับไปในหีบเลือกตั้งอีกครั้ง ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมีกรณีเครื่องคิดเลขไฟดับ ไม่สามารถคำนวณได้ จึงเรียกได้ว่าล้มละลายอย่างสิ้นเชิง แต่วันนี้แทนที่จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่กลับไม่มีการเตรียมการอะไรเลย นั่งเตรียมรอเอาความได้เปรียบเสียเปรียบให้กับพรรครัฐบาล ฝ่ายค้านถูกเอาเปรียบตลอดเวลา เอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่า แต่อย่าโกงก็แล้วกัน แต่ถ้าตั้งหน้าตั้งตาโกงคงยุ่ง
 
ทุกวันนี้ที่กกต.ไม่พร้อม เพราะต้องการประวิงเวลาให้รัฐบาล ที่ตอนนี้ยังไม่พร้อม” นายทักษิณ กล่าว
 
นายทักษิณ กล่าวว่า ประชาชนจะต้องกำหนดชีวิตของตัวเอง เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น รัฐราชการจะต้องไม่เป็นอยู่อย่างนี้อีกต่อไป วันนี้สิ่งที่ประชาชนเป็นทุกข์มากที่สุด คือ ระบบราชการ ยาเสพติด และความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้นนี้เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่กรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด จึงเป็นภารกิจของฝ่ายประชาธิปไตยต้องไปล้างสิ่งที่ฝ่ายเผด็จการทำทิ้งไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง
 
วันนี้ข้าราชการเองก็อึดอัด แต่เขาจำเป็นต้องเป็นแบบนี้เพราะนายเขาต้องการแบบนี้ ไม่ใช่ว่าราชการทุกคนต้องการที่จะเป็นแบบนี้ วันนี้ก็อยากเงินเดือนขึ้น แต่ปรากฏว่ามีการเพิ่มตำแหน่ง ขยายตำแหน่ง ทำให้การปรับขึ้นเงินเดือนนั้นเป็นไปได้ยาก ซึ่งหากในอนาคตมีการปรับเงินเดือนเงินเดือนข้าราชการต้องมีการปรับขึ้นด้วย
 
แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะมีจำนวนข้าราชการเยอะเกินไป จึงต้องมีการแก้ไขปัญหานี้ เช่น เกษียณอายุราชการแล้วไม่แต่งตั้งเพิ่ม และต้องลดอัตราลงไปเรื่อยๆ โดยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มีการเพิ่มอัตราข้าราชการเยอะมากในทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะทหารที่ไม่มีความจำเป็น ทำให้ไม่สามารถได้ข้าราชการที่มีคุณภาพ
 

 
ผวาผู้มีอำนาจล้มเลือกตั้ง! ก้าวไกล จี้ กกต.เคลียร์แบ่งเขตให้ชัด หวั่นซ้ำรอยปี 49
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7498523

ก้าวไกล กังวลความไม่ชัดเจนแบ่งเขตเลือกตั้ง เชื่ออาจซ้ำรอยปี 49 หากผลเลือกตั้งออกมา ไม่ถูกใจผู้มีอำนาจ ถูกร้องศาลรธน.สั่งเป็นโมฆะ
 
เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2566 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความไม่ชัดเจนของการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) อ้างว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้ จำนวนราษฎรตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรวมทั้งคนไทยและคนต่างด้าว ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุควรนับรวมเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้นว่า ความไม่ชัดเจนของการแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งนี้ อาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การเลือกตั้งโมฆะ แบบที่เคยเกิดเมื่อปี 2549 ที่ศาลรัฐธรรมนูญอ้างเหตุผลเรื่องการจัดคูหาเลือกตั้ง ในการล้มผลเลือกตั้ง เมื่อผลออกมาไม่ถูกใจผู้มีอำนาจ
 
การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องนี้ อาจทำให้การจัดการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปกว่าที่กำหนด ดังนั้น ทางออกที่ง่ายกว่าคือ กกต. ควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา กกต.ใช้วิธีการแบ่งเขตคำนวณแบบนี้หรือไม่ เพราะอะไร ถ้าที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้ จะไม่เป็นเหตุให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่ถ้าที่ผ่านมา กกต.ไม่ได้แบ่งเขตแบบนี้ ในครั้งนี้ก็ไม่ควรทำ
 
ถ้า กกต.ฝืนทำ แล้วมีคนยื่นร้องว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ คนที่ต้องรับผิดชอบแต่ผู้เดียว คือ กกต. ไม่ใช่ไปล้มผลเลือกตั้งเพราะไม่ใช่ความผิดของประชาชน และคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง” นายชัยธวัชกล่าว


 
1 มี.ค. ก๊าซหุงต้มขึ้นกก.ละ 1 บาท จับตาราคาโลกพุ่ง ดันขายปลีกขยับอีก
https://www.matichon.co.th/economy/news_3812393

พอมั้ย! 1 มี.ค. ก๊าซหุงต้มขึ้นกก.ละ 1 บาท จับตาราคาโลกพุ่งอีก ด้านดีเซลจ่อลดอีกรับราคาโลกขยับลง
 
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ได้จ่ายชดเชยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เพิ่มขึ้นจากเดิม 6.13 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็น 9.05 บาทต่อ กก. เนื่องจากราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 642.40 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 738.19 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากมีความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวของกลุ่มประเทศตะวันตก ประกอบกับภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ปริมาณแอลพีจีในตลาดมีจำกัด ส่งผลต่อระดับราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การอุดหนุนดังกล่าวเพื่อตรึงราคาแอลพีจีครัวเรือนไว้ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก. ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ตั้งแต่วันที่ 1-28 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนจะปรับขึ้น กก.ละ 1 บาท หรือ 15 บาทต่อถัง 15 กก. ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม ทำให้ราคาแอลพีจีขยับเป็น 423 บาทต่อถัง 15 กก.

แหล่งข่าวกล่าวว่า ล่าสุดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 กองทุนน้ำมันฯติดลบ 111,409 ล้านบาท แยกเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 65,896 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจีติดลบ 45,513 ล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 471 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 1.31 หมื่นล้านบาทต่อเดือน จากการจัดเก็บเงินดีเซล ล่าสุด ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เก็บที่ 6.41 บาทต่อลิตร เนื่องจากหลังราคาดีเซลตลาดโลกอ่อนตัวลงจากความต้องการของจีนลดลง และระดับสินค้าคงคลังในสิงคโปร์อยู่ในปริมาณสูง
 
แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ราคาดีเซลตลาดโลกที่อ่อนตัวลงน่าติดตามว่าจะสามารถลดลงได้มากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร จากมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่จะมีผลวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ หรือลดลงต่ำกว่า 34.44 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ หากกองทุนน้ำมันฯจัดเก็บดีเซลอยู่ระดับ 6-7 บาทต่อลิตรต่อไป ก็มีโอกาสที่ดีเซลจะลดลงได้ต่อต้องติดตามดีเซลตลาดโลกหลังจีนมีแนวโน้มจะใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน จากกรณีการยิงบอลลูนว่าจะมีผลอย่างไร นอกจากนี้ หากรัฐตัดสินใจต่ออายุลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ก็มีโอกาสที่ขายปลีกดีเซลจะลดมากกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร แต่หากไม่ต่ออายุก็ต้องบริหารความเสี่ยงเพื่อนำรายได้ชำระหนี้ที่มีอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่