🖥🖥🖥
หนังจาก Netflix เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นหนังที่มีไอเดียที่เราเคยเห็นจากหนังแนวเดียวกันแบบนี้ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งมันก็คือแนวทางในรูปแบบที่เป็นเกมอะไรสักอย่างที่บังคับให้ตัวละครต้องเลือกทำภารกิจที่กำหนดให้สำเร็จ หรือไม่ก็ตาย แต่เอาจริงๆ มันก็ยังมีความน่าดึงดูดอะไรบางอย่างให้คนดูอยู่ดี


🖥🖥🖥
เรื่องราวของ Kayla วัยรุ่นที่กำลังหาทางเพื่อจะทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของตัวเองและครอบครัวดีขึ้น จนวันหนึ่งเธอและเพื่อนสนิท Issac (ได้เจอกับเกมปริศนาจากยุค 80 ซึ่งที่เกมมีเขียนไว้ว่าถ้าชนะเกมนี้จะได้รางวัล 1 แสนเหรียญ สุดท้าย Kayla ตัดสินใจที่จะเล่นเกมนี้ แต่เกมนี้กลับกลายเป็นเกมที่อยู่ในชีวิตจริงๆ และเป็นเกมสยองขวัญที่ต้องเลือกเท่านั้น เลิกก็ไม่ได้ ต้องเล่นไปเรื่อยๆ สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร เธอจะต้องเจอกับเกมหฤโหดอะไรบ้าง และจะสามารถเอาชนะเกมนี้ได้หรือไม่


🖥🖥🖥
หนังเรื่องนี้ต้องบอกว่า ถ้าไม่ได้ Asa Butterfield มาเป็นนักแสดงสมทบ เชื่อว่าอาจจะกลายเป็นหนังที่ไม่มีดาราดังเลยก็ได้ ซึ่งหนังเรื่องนี้บอกตรงๆ ว่ามันอาจจะเรียกว่าหนังฟอร์มเล็กหรือหนังเกรดบีก็ได้ การเล่าเรื่องราวของหนัง ถือว่าเล่าได้น่าสนใจตั้งแต่ต้นเรื่อง มีความน่ากลัวสยดสยองตั้งแต่เริ่ม ก่อนจะดึงเข้าสู่ดราม่าตัวละครเหมือนหนังทั่วไปที่ต้องการสร้างปมให้กับตัวละครเพื่อโยงเข้าสู่สิ่งที่หนังต้องการจะชูโรง 


🖥🖥🖥
ตามที่หนังแนวนี้เป็นมาตลอด คือการทำยังไงก็ได้ให้ตัวละครมีปมชีวิต เพื่อตัดสินใจในการเข้าร่วมกับเกมสยองแบบนี้ เรื่องราวก็จะบีบคั้นให้ตัวละครต้องตัดสินใจและต้องทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งตรงจุดนี้ Choose or Die ทำได้โอเคในระดับหนึ่ง เรื่องของภารกิจในเกมที่มีไอเดียดี เรื่องของการตายที่สยอดสยองเลือดสาด ตรงนี้ทำได้ดีเช่นกัน แต่จดอ่อนของหนังก็มีหลายจุด หนังเล่าเรื่องราวเหมือนไปไม่สุดเท่าไหร่ รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร และปมตัวละครที่เหมือนจะไม่ได้คลี่คลายและไม่ได้ทำให้เรื่องราวมันจบลง ซึ่งตรงนี้มันอาจจะทำให้คนดูหนังเรื่องนี้ขัดใจพอสมควร


🖥🖥🖥
สุดท้ายสำหรับ Choose or Die ใครที่อยากดูหนังที่มีตัวละครตายอย่างสยดสยอง ก็ดูได้ครับไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น แต่ถ้าถามว่ามันคือ A Must ที่ต้องดูไหม ส่วนตัวผมว่ายังไม่ถึงขั้นว่า "ต้องดู" ครับ

ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai