อยากสอบถามความเห็นท่านสมาขิกทั้งหลายว่า
ถ้าท่านมาบวชโดยไม่เคยบวช และตั้งใจบวชแค่เดือนเดียว แต่ปัจจุบันผ่านมา6เดือนโดยที่ยังไม่สึกเพราะรึ้สึกว่าปฎิบัติไม่ครบ และดีพอ จึงได้ตัดสินใจอยุ่ต่ออีก1-2เดือนซึ่งคงไม่น่าเกิน วันมาฆ รึสงกรานต์ เพื่อจะได้ทำสิ่งที่ตั้งใจให้ครบคือ
ขึ้นแสดงธรรมในวันพระที่ใกล้วันเกิดโยมพ่อ
นำของแจกเด็กในเรียน
จะเป็นสะพานบุญส่งต่ออุปกรณ์การเรียน รึแจกของผู้มีรายได้น้อย ในสภาพบรรพชิต
ซึ่งตรงหลักทาน3ข้อคือ
1.เทศนามัย (ในเดือนนี้)
2.ไวยาวัจมัย (กลางเดือน)
3.ปัตติทานมัย (กลางเดือนหน้าท่าพร้อมเรื่องการเดินทาง)
แต่กบโดนให้เลือกวันสึกท่าคิดจะทำข้อ1.
ไม่งั้นก้รอหลังสงกรานต์ค่อยวนมาถึงคิว ซึ่งตัวเราได้พลัดงานมาหลายครั้ง กับอายุที่มากขึ้น คงไม่คิดบวชนานถึงปี เพราะมีภาระต้องผ่อนรถ และต้องดูแลครอบครัว แต่ที่ตั้งใจอยุ่ต่อและพยายปฎิบัติเพื่อให้สมกับที่ญาติโยมบางคนก้มกราบเท้าทุกเช้า
บวช6เดือนได้อะไรมาบ้าง
1.สอบนักธรรมตรีผ่าน
2.ลงอบรมพระไตรปิฏกพื้นฐานและสอบผ่านในครั้งที่1จาก4ครั้งซึ่งเหบืออีก3
3.ลงเรียนอภิธรรม
ทุกอย่างที่ลงทำตัดสินใจด้วยตัวเอง และไม่เคยคิดเลียรึแย่งซองใคร
พระบวชใหม่ชุดปีที่แล้วเหลือ3รุปได้ทั้งกิจนิมนต์ สังฆทาน งานศพที่มากกว่าโดยคนผู้มีอำนาจจัดการ
แต่ตัวเราได้ออกแค่กิจนิมนต์บางครั้ง
สังฆทานได้ลงต้นปี
สวดศพไม่เคยลง
แต่มนต์ อิติปิโส พาหุง สัมพุธเธ จักวาลน้อย ยันทุน อายุโท อะทาสิเม อุณหิสะ ยะถาสัพพี สัพโร
ปฎิสังขา ได้ครบ (แต่เลียไม่เก่งวันๆอยุ่แต่กุฏ นั่งอ่านพระไตรปิฏกจนจบเล่มถึงลงเนียนต่อ)
แตกต่างจากพวกเขาที่ได้ลง แต่แค่พาหุงยังไม่คล่อง จะไปสอนใครหุงข้าวได้ฉันได
ดังคำกล่าว......
คนไม่รุ้จักโคย่อมรักษาฝูงโคใว้ไม่ได้
ภิกษุผู้ไม่รุ้จักศีลก้ไม่สามารถรักษาอินทรีย์สังวรใว้ได้
ถ้าต้องเลือทำ1-2แต่3อาจไม่ได้ รึยอมไม่ทำ1 เพื่อทำ2-3 เป็นท่านผู้เจริญทั้งหลายจะเลือกแบบใด
ปล.พอดีมีท่านนึงแนะนำให้ทำทุกอย่สงระหว่างที่เป็นบรรพชิตจะได้อานิสงค์สุงกว่าสึกเป็นฆราวาสแล้วไปทำ
นี่จึงเป็นสิ่งที่ตัวกระผมถึงลังเลว่าจะเลือกข้อใดดี.......กราบขอบพระคุณทุกคำแนะนำครับ
ถ้าต้องเลือกทำ1 แต่อาจขาด2-3 รึ เลือกขาด1 แต่ได้ทำ2*3 อันไกนมีอานิสงค์บุญมากกว่ากัน
ถ้าท่านมาบวชโดยไม่เคยบวช และตั้งใจบวชแค่เดือนเดียว แต่ปัจจุบันผ่านมา6เดือนโดยที่ยังไม่สึกเพราะรึ้สึกว่าปฎิบัติไม่ครบ และดีพอ จึงได้ตัดสินใจอยุ่ต่ออีก1-2เดือนซึ่งคงไม่น่าเกิน วันมาฆ รึสงกรานต์ เพื่อจะได้ทำสิ่งที่ตั้งใจให้ครบคือ
ขึ้นแสดงธรรมในวันพระที่ใกล้วันเกิดโยมพ่อ
นำของแจกเด็กในเรียน
จะเป็นสะพานบุญส่งต่ออุปกรณ์การเรียน รึแจกของผู้มีรายได้น้อย ในสภาพบรรพชิต
ซึ่งตรงหลักทาน3ข้อคือ
1.เทศนามัย (ในเดือนนี้)
2.ไวยาวัจมัย (กลางเดือน)
3.ปัตติทานมัย (กลางเดือนหน้าท่าพร้อมเรื่องการเดินทาง)
แต่กบโดนให้เลือกวันสึกท่าคิดจะทำข้อ1.
ไม่งั้นก้รอหลังสงกรานต์ค่อยวนมาถึงคิว ซึ่งตัวเราได้พลัดงานมาหลายครั้ง กับอายุที่มากขึ้น คงไม่คิดบวชนานถึงปี เพราะมีภาระต้องผ่อนรถ และต้องดูแลครอบครัว แต่ที่ตั้งใจอยุ่ต่อและพยายปฎิบัติเพื่อให้สมกับที่ญาติโยมบางคนก้มกราบเท้าทุกเช้า
บวช6เดือนได้อะไรมาบ้าง
1.สอบนักธรรมตรีผ่าน
2.ลงอบรมพระไตรปิฏกพื้นฐานและสอบผ่านในครั้งที่1จาก4ครั้งซึ่งเหบืออีก3
3.ลงเรียนอภิธรรม
ทุกอย่างที่ลงทำตัดสินใจด้วยตัวเอง และไม่เคยคิดเลียรึแย่งซองใคร
พระบวชใหม่ชุดปีที่แล้วเหลือ3รุปได้ทั้งกิจนิมนต์ สังฆทาน งานศพที่มากกว่าโดยคนผู้มีอำนาจจัดการ
แต่ตัวเราได้ออกแค่กิจนิมนต์บางครั้ง
สังฆทานได้ลงต้นปี
สวดศพไม่เคยลง
แต่มนต์ อิติปิโส พาหุง สัมพุธเธ จักวาลน้อย ยันทุน อายุโท อะทาสิเม อุณหิสะ ยะถาสัพพี สัพโร
ปฎิสังขา ได้ครบ (แต่เลียไม่เก่งวันๆอยุ่แต่กุฏ นั่งอ่านพระไตรปิฏกจนจบเล่มถึงลงเนียนต่อ)
แตกต่างจากพวกเขาที่ได้ลง แต่แค่พาหุงยังไม่คล่อง จะไปสอนใครหุงข้าวได้ฉันได
ดังคำกล่าว......
คนไม่รุ้จักโคย่อมรักษาฝูงโคใว้ไม่ได้
ภิกษุผู้ไม่รุ้จักศีลก้ไม่สามารถรักษาอินทรีย์สังวรใว้ได้
ถ้าต้องเลือทำ1-2แต่3อาจไม่ได้ รึยอมไม่ทำ1 เพื่อทำ2-3 เป็นท่านผู้เจริญทั้งหลายจะเลือกแบบใด
ปล.พอดีมีท่านนึงแนะนำให้ทำทุกอย่สงระหว่างที่เป็นบรรพชิตจะได้อานิสงค์สุงกว่าสึกเป็นฆราวาสแล้วไปทำ
นี่จึงเป็นสิ่งที่ตัวกระผมถึงลังเลว่าจะเลือกข้อใดดี.......กราบขอบพระคุณทุกคำแนะนำครับ