JJNY : 5in1 ‘แอมเนสตี้’ ชวนแอ๊กชั่นด่วน│อ๋อม สกาวใจ เปิดใจซบพท.│ก้าวไกลเหน็บภท.│ชินวรณ์ฉะภท.│ทุเรียนเวียดนาม ปรอทแตก

‘แอมเนสตี้’ ชวนแอ๊กชั่นด่วน เขียนจดหมายถึง ‘ประยุทธ์’ จี้ ปล่อยผู้ต้องหาการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3809911
 
 
‘แอมเนสตี้’ ชวนแอ๊กชั่นด่วน เขียนจดหมายถึง ‘ประยุทธ์’ จี้ ปล่อย ผตห.การเมือง
 
สืบเนื่องกรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม 2 นักกิจกรรม ผู้ต้องหา ม.112 ถูกส่งตัวไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการอดอาหารและน้ำประท้วง 3 ข้อเรียกร้อง ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 โดยวันนี้บิดาและมารดาของทั้งสอง รวมถึงทนายความและเพื่อน เดินทางไปเยี่ยมที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ด้านผู้อำนวยการ รพ.เปิดเผยว่า ขณะนี้อวัยวะสำคัญ เช่น ไต เริ่มเสื่อมสภาพ ยืนว่าจะช่วยชีวิตทันทีตามจรรยาบรรณวิชาชีพ หากเข้าขั้นวิกฤตนั้น

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วน เชิญชวนสมาชิก นักกิจกรรม และผู้สนับสนุนร่วมกันส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว 4 นักกิจกรรมทางการเมือง ได้แก่ ตะวัน แบม เก็ท ใบปอ โดยทันที และยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมด ให้การประกันว่า นักกิจกรรมที่อดอาหารประท้วงจะได้รับการคุ้มครองจากการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ รวมทั้งได้รับการดูแลสุขภาพที่สอดคล้องตามจริยธรรมทางการแพทย์ ทั้งยังกระตุ้นให้ทางการไทยปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ที่กำหนดให้รัฐบาลไทยต้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชน ทั้งสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ ซึ่งการรณรงค์ดังกล่าวจะมีไปถึงวันที่ 10 มีนาคมนี้
 
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ระหว่างการปราบปรามการชุมนุมประท้วงโดยสงบอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ซึ่งมีการตั้งข้อหาประชาชนหลายร้อยคน ทางการไทยได้สั่งเพิกถอนประกันนักกิจกรรมรุ่นใหม่ 2 คน เมื่อเดือนมกราคม 2566 นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่ากังวลต่อชีวิตและสุขภาพของนักกิจกรรมหญิงอีก 2 คนที่อยู่ระหว่างการอดอาหารประท้วง และปฏิเสธที่จะรับของเหลวตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2566 หลังจากที่ทางการได้ควบคุมตัวพวกเขาและบุคคลอื่นโดยพลการ ซึ่งทั้งหมดตกเป็นเป้าหมายการดำเนินคดีอาญาเนื่องจากการใช้สิทธิของตนโดยสงบ
 
นับตั้งแต่ 4 นักกิจกรรมถูกควบคุมตัวโดยพลการ จากการออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของการประกันตัวที่เข้มงวด ซึ่งเป็นการจำกัดจนเกินขอบเขตต่อสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการเดินทาง การชุมนุมโดยสงบ และการแสดงออก นำโดย ใบปอ ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ และเก็ท โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ที่ถูกสั่งเพิกถอนประกันจากการชุมนุมประท้วงโดยสงบในระหว่างการประชุมเอเปคเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ในขณะที่โสภณถูกดำเนินคดีจากการปราศรัยระหว่างการชุมนุมเมื่อปี 2565 รวมทั้งถูกดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายข้อหายุยงปลุกปั่นและหมิ่นประมาท

ด้าน ตะวัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และเเบม อรวรรณ ภู่พงษ์ ซึ่งถูกดำเนินคดีเนื่องจากการทำโพลสำรวจความคิดเห็นในที่สาธารณะของตะวัน ได้เริ่มการอดอาหารและน้ำตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อประท้วงการควบคุมตัวดังกล่าวจนส่งผลกระทบต่อชีวิตและร่างกายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
 
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อประกันว่านักกิจกรรมที่อดอาหารประท้วงจะได้รับการคุ้มครองจากการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ และได้รับการดูแลสุขภาพที่สอดคล้องตามจริยธรรมทางการแพทย์ รวมทั้งหลักการของการเก็บข้อมูลเป็นความลับ การตัดสินใจด้วยตนเอง และการให้ความยินยอมที่ได้รับการบอกกล่าว” แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุ
 
แอมเนสตี้ ระบุเพิ่มว่า ตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย กำหนดให้รัฐบาลต้องคุ้มครองสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบอย่างมีประสิทธิภาพ คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ เคยให้ความเห็นไว้ว่า ในทางปฏิบัติทางการไทยยังคงใช้การดำเนินคดีและการควบคุมตัวโดยพลการต่อผู้ต้องสงสัยในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ทั้งที่เป็นการละเมิดต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนสากล
 
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงเชิญชวนสมาชิก นักกิจกรรม ผู้สนับสนุน ตลอดจนผู้ที่สนใจประเด็นสิทธิมนุษยชนเขียนจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวโดยทันที และอย่างไม่มีเงื่อนไข ยกเลิกข้อกล่าวหาและการดำเนินคดีอาญาต่อนักกิจกรรมที่ออกมาใช้สิทธิของตนโดยสงบ และดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อประกันว่า นักกิจกรรมที่อดอาหารประท้วงจะได้รับการคุ้มครองจากการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ รวมทั้งได้รับการดูแลสุขภาพที่สอดคล้องตามจริยธรรมทางการแพทย์ ทั้งยังเรียกร้องให้ทางการไทยปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งสิทธิที่จะได้รับการประกันตัว สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ

ลงชื่อรณรงค์ได้ที่นี่ https://www.amnesty.or.th/get-involved/take-action/ua26/
ปฏิบัติการด่วน (ภาษาอังกฤษ) https://www.amnesty.org/en/documents/ASA39/6389/2023/en/


 
อ๋อม สกาวใจ เปิดใจซบ พท. ลั่น ไม่ได้มาเพื่อแพ้ อยากอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7494617

อ๋อม สกาวใจ เปิดใจสวมเสื้อ เพื่อไทย ลงสนามการเมือง อยากเปลี่ยนประเทศเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ลั่น ไม่ได้มาเพื่อแพ้ ตอบชัดจะรับงานบันเทิงต่อมั้ย
 
วันที่ 6 ก.พ.2566 จากกรณี พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดตัว น.ส.สกาวใจ หรือ อ๋อม พูนสวัสดิ์ อดีตดารานักแสดง ลงสมัครส.ส.กทม. เขตสะพานสูง  ประเวศ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว : อ๋อม สกาวใจ สวมเสื้อเพื่อไทยชิงส.ส. น้องชายปวีณาก็มา มั่นใจ กทม.แลนด์สไลด์

ล่าสุด อ๋อม สกาวใจ กล่าวเปิดใจถึงการเข้าร่วมงานกับพรรค พท. ว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ตนอยู่วงการบันเทิงมาเกือบ 30 ปี พี่น้องประชาชนให้แรงสนับสนุนตนมา ให้ตนได้เป็น อ๋อม สกาวใจ ในทุกวันนี้ จึงอยากตอบแทนพี่น้องประชาชน ตนคิดมาตลอดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน และทุกอย่างเป็นเรื่องของการเมือง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เป็นเรื่องใกล้ตัวเสมอ
 
น.ส.สกาวใจ กล่าวต่อว่า การที่ตนออกมาคอลเอาต์ ออกมาพูดถึงปัญหาตลอด ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ตนถามตัวเองตลอดว่าเมื่อไหร่ปัญหาจะถูกแก้ไข และการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนที่สุด คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ คือการนำเอานโยบายดี ๆ ไปเสนอในสภา ที่เป็นประชาธิปไตย จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจลงมาทำงานการเมือง เข้ามาเพื่อแก้โครงสร้าง
 
น.ส.สกาวใจ กล่าวอีกว่า และที่ต้องเป็นพรรค พท. เพราะตนแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องเป็นประชาธิปไตย ​ต้องเข้าถึงปัญหา ต้องยึดโยงเรากับประชาชน ซึ่งพรรคพท.มีความชัดเจนในส่วนนี้ ทำให้มีความอุ่นใจ ตั้งแต่ พรรคพท. ชื่อพรรคไทยรักไทยก็เห็นผลงานตลอด รวมถึงเห็นมาตลอดว่าตอบโจทย์ประชาชน ​คิดนโยบายแล้วทำได้จริง
 
น.ส.สกาวใจ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ตนยังได้ลงพื้นที่กับเพื่อนสนิท คือ ส.ส.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ และยังมีผู้ใหญ่ที่เคารพรัก เมื่อเข้าไปปรึกษาปัญหาก็ได้รับความรู้กลับมาเยอะแยะ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรค พท.ชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล หากได้จัดตั้งรัฐบาลประเทศก็คงไม่ย่ำอยู่กับที่มาตลอด 8 ปี
 
อ๋อม สกาวใจ กล่าวว่า ส่วนเมื่อประกาศตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แล้ว จะรับงานด้านการบันเทิงหรือไม่นั้น งานไหนรับได้ก็จะรับ และยังตอบไม่ได้ว่าในอนาคตจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร หากตนได้เข้ามาเปลี่ยนให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยเต็มใบได้ ตนถือว่าคุ้ม การตัดสินใจครั้งนี้ ตนไม่ได้ทำเพื่อใคร ทำเพื่อตนเอง เพราะอยากอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่ประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ตราบใดที่รถถังยังออกมาเพ่นพ่านอยู่แบบนี้ ประเทศก็จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้
 
อ๋อมได้ลงพื้นที่ในเขตสะพานสูงไปบ้างแล้ว เพราะอ๋อมใช้ชีวิตในพื้นที่นั้นมาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เห็นมาตลอดแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ควรเจริญไปได้มากกว่านี้ หลายคนคงเคยเห็นอ๋อมเรื่อย ๆ จึงตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง การมาครั้งนี้อ๋อมไม่ได้มาเพื่อแพ้ มาเพื่อชนะกับปัญหาทุกอย่าง ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า เรามั่นใจในตนเอง มั่นใจในทีมงาน และมั่นใจในพรรค” น.ส.สกาวใจ กล่าว
 

 
ก้าวไกล เหน็บ ภท. เล่นเกมล่มประชุมฯ หนีซักฟอก เชื่อกลัวถูกแฉ-เสียคะแนนนิยม
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7494994

‘ก้าวไกล’ เหน็บ ‘ภูมิใจไทย’ คิดเล่นเกมล่มประชุมฯ หนีซักฟอก เชื่อ กลัวถูกแฉจนเสียคะแนนนิยม ย้ำอย่ากลัวอภิปรายพรรคร่วมฝ่ายค้าน เชื่อประชาชนจะตัดสินในคูหาเลือกตั้งแน่นอน
 
6 ก.พ. 66 – นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยังไม่แสดงความชัดเจนว่า ส.ส. พรรคภท. จะเข้าร่วมเป็นองค์ประชุมในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 หรือไม่ ว่า
 
การอภิปรายรอบนี้ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้จะเป็นการอภิปรายตามมาตรา 152 ที่ไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ แต่สังคมโดยทั่วไปรับรู้ว่า การอภิปรายรอบนี้จะมีเนื้อหาจึงไม่แตกต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่พุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีแต่ละคน
 
การที่พรรคร่วมพรรครัฐบาลบางพรรค ออกมาใช้เหตุผลต่างๆ นานาว่า จะโต้ตอบกับสิ่งที่พรรคร่วมฝ่ายค้านบางพรรคเล่นเกมการเมือง แล้วตัวเองจะไม่มาเป็นองค์ประชุม ตนคิดว่า ประชาชนคงฟังไม่ขึ้น จึงขอให้ไตร่ตรองให้ดีว่า จะทำอย่างไร
 
ขณะนี้ใกล้เลือกตั้งมากแล้ว ประชาชนคงจะตัดสินทุกคนในคูหาเลือกตั้งแน่นอน การจะหนีไม่เป็นองค์ประชุม เพื่อไม่ให้สามารถเปิดเวทีอภิปรายได้ เป็นสิ่งที่ไม่เคารพในกติกา และวิถีทางของรัฐสภา
 
เมื่อถามว่า หากองค์ประชุมล่ม จะส่งผลกระทบต่อใครเป็นพิเศษหรือไม่ นายพิจารณ์ กล่าวว่า ถ้าองค์ประชุมล่ม สื่อมวลชนคงสามารถค้นหาข้อมูลได้ว่า สมาชิกคนใดที่ไม่ปรากฏชื่อในที่ประชุม ไม่ว่าจะอยู่ในที่ประชุมหรือไม่ แต่การที่ไม่แสดงตนสะท้อนว่า ไม่เคารพกติการัฐสภา และหนีการถูกอภิปราย
ถ้ารัฐมนตรีมั่นอกมั่นใจในผลงานตัวเอง และมั่นใจว่า การทำงานที่ผ่านมารับใช้พี่น้องประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวการอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทุกข้อกล่าวหา ทุกการอภิปรายก็สามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว
 
ฉะนั้นการหนีไม่เป็นองค์ประชุม จึงไม่มีเหตุผลที่สามารถฟังขึ้นได้ นอกจากหนีการถูกแฉและหนีการถูกเปิดโปง เพราะกลัวเสียคะแนน เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่