The Fabelmans: เดอะ เฟเบิลแมนส์
" ไม่แปลกใจที่ Rolling Stone บอกว่า 'เป็นหนังที่รอ Spielberg สร้างกว่า 45 ปี'... ประสบการณ์ที่สุกงอม คือ สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดอารมณ์ได้ตราตรึง "
สวัสดีครับ ! ในที่สุด The Fabelmans (2022) ภาพยนตร์ชีวประวัติของ Steven Spielberg ก็ได้เข้าฉาย พร้อมกับกระแสออสการ์ที่กำลังจะประกาศในเดือนนี้ โดย The Fabelmans ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 7 รางวัล รวมภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ดังนั้นผมจึงอยากจะมารีวิวความประทับใจ หวังว่าจะเป็นรีวิวที่ทุกคนชอบนะครับ
เรื่องย่อ
THE FABELMANS | Official Trailer | Thai Sub
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
"แซมมี่ เฟเบิลแมน (Gabriel LaBelle)" เด็กน้อยที่บังเอิญได้รับชมภาพยนตร์กับครอบครัว เขารู้สึกเปิดโลกและมีความฝันอยากเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป แซมได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว ซึ่งดำเนินไปควบคู่กับความรักในภาพยนตร์ของแซม
ความรู้สึกหลังชม
- รู้สึกไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่ได้ชมเรื่องนี้ ส่วนแรกขอยกนิ้วให้ คือ
"ภาษาภาพยนตร์อันคมคาย"
สปีลเบิร์กเป็นผู้กำกับที่ชอบเล่าเรื่องใน
สไตล์คลาสสิค (Classical Hollywood cinema) หนังของสปีลเบิร์กให้ความบันเทิงในกระแส เข้าถึงไม่ยาก พร้อมกับมีภาษาภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งสวยงาม ทั้งส่วนการกำกับ บทภาพยนตร์ และองค์รวมของเรื่อง ทำให้งานของเขาโดดเด่น มีมาตรฐานสูงอยู่เสมอ
The Fabelmans ก็คล้ายกับงานก่อนหน้าที่มีลายเซ็นต์อันชัดเจน ตัวเรื่องเข้มข้นเปี่ยมด้วยพลัง ขณะเดียวกัน ทุกจังหวะที่ดำเนินไป ก็ลงเท้าอย่างนุ่มนวล ด้วยประสบการณ์และความเฉียบคมของฝีมือ เขารู้ว่าจังหวะไหนควรไป จังหวะไหนควรหยุด จังหวะไหนควรเร่ง จังหวะไหนควรผ่อน งานที่ออกมาจึงมีเสน่ห์ มีชีวิตชีวา มีทั้งดราม่าเคล้าน้ำตา แทรกความแฟนตาซีเล็ก ๆ อารมณ์ขันนิ่มนวล...
ด้วยคุณภาพขนาดนี้ The Fabelmans แทบจะขึ้นอยู่ในลำดับต้น ๆ ของกลุ่มหนัง Comming of age ได้ไม่ยากเลย
แซมมี่ (Gabriel LaBelle) ขณะถ่ายทำหนังกับเพื่อนในแอริโซนา
- จุดถัดมา
"สิ่งละอันพันละน้อยที่หลอมรวมเป็นเรื่องเดียว"
ตัวตนของคนเกิดจากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ถูกหลอมรวมจนเป็นอัตลักษณ์เฉพาะคน The Fabelmans ถ่ายทอดเรื่องราวที่ถูกกลั่นมาจากชีวิตส่วนตัวของสปีลเบิร์ก ทั้งจุดเริ่มต้นในความรักภาพยนตร์ ความฝัน ความมุ่งมั่น แรงบันดาลใจ ไปจนถึงปัญหาในครอบครัว ความเจ็บปวด ความผิดหวัง และความสูญสลาย... ทุกเรื่องราว คือ สิ่งที่สปีลเบิร์กพบเจอ เป็นสิ่งที่หลอมให้ตัวตนเขาเป็นอย่างที่เป็นในวันนี้
การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย
แซม (สปีลเบิร์ก) ได้พบทั้งความทุกข์และความสุข เขาต้องเรียนรู้ที่จะกัดฟันสู้และปล่อยวางความเจ็บปวด เพื่อให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า สปีลเบิร์กฉายภาพเหล่านี้ผ่าน The Fabelmans เสมือนเป็นบทเรียนชีวิตที่คั้นออกมาจนเหลือแต่เนื้อ แน่นอนว่ามีแง่มุมอ่อนไหวที่ไม่เคยได้เห็นจากเขา ทว่าก็เป็นแง่มุมที่ทุกคนเรียนรู้จากเขาได้
- ในภาพรวม องค์ประกอบของหนังจัดว่า
"ดีเยี่ยม" บทดี นักแสดงดี มุมกล้องดี การจัดแสงดี โปรดักชันดี ดนตรีดี จนไม่รู้ว่าจะหักคะแนนตรงไหน ที่พอหักได้ ก็เป็นแค่รสนิยมของผู้ชมที่ไม่รู้ว่ารสชาติแบบนี้จะถูกปากทุกคนหรือเปล่า แต่ในแง่ภาพยนตร์ นี่คืองานระดับยอดเยี่ยม ใกล้เคียงกับคำว่า Perfect !
- จุดหนึ่งที่น่าสนใจ The Fabelmans ไม่ใช่หนังที่ทำออกมาเพื่อ
"คารวะวงการภาพยนตร์ / ฮอลลีวูดโดยตรง" อย่างที่เราเคยเห็นในหลาย ๆ เรื่อง แต่เป็นหนังที่แสดงถึงความรัก (ส่วนตัว) ของสปีลเบิร์กว่า
" เขามีความสุขกับการสร้างภาพยนตร์มากแค่ไหน ความหลงใหลระดับใดที่พาให้สปีลเบิร์กสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้บนโลกภาพยนตร์ "
ตรงนี้น่าจะทัชใจคนรักภาพยนตร์และแฟนหนัง อย่างน้อยก็อิ่มเอมไปกับมนต์เสน่ห์และความหลงใหลในภาพยนตร์ของเจ้าตัว
- ซีนที่ชอบเป็นพิเศษ รู้สึกชอบการเปิดและปิดเรื่อง หนังเปิดด้วยภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจของแซมและทำให้เขาอยากเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ พร้อมกับปิดด้วยการเริ่มก้าวแรกในวงการภาพยนตร์ แถมด้วยคำสอนจากผู้กำกับที่เป็นไอดอลของตัวเอง... ถือว่าเปิดปิดเรื่องอย่างเฉียบคม
ส่วนช่วงชีวิตที่ชอบในหนัง รู้สึกชอบช่วงที่แซมอาศัยอยู่กับครอบครัวในรัฐแอริโซนา ดูเป็นช่วงที่แซมทั้งมีความสุขกับการถ่ายหนังและมีความสุขกับครอบครัวและผองเพื่อนมาก ๆ
- ปิดท้ายด้วยดนตรีประกอบภาพยนตร์จาก
John Williams คอมโพเซอร์คู่บุญของสปีลเบิร์ก ธีมดนตรีเรียบง่ายสวยงาม สะท้อนชีวิตในวัยเด็กของสปีลเบิร์ก (และแซมมี่) ได้อย่างสวยงาม
John Williams - The Fabelmans
สรุป -
The Fabelmans (2022) จัดเป็นภาพยนตร์ของสปีลเบิร์กที่มีความเป็นส่วนตัว อาจจะมีทั้งคนอินและคนไม่อิน แต่สำหรับคุณภาพยนตร์ ขอยกย่องว่า เป็นหนังยอดเยี่ยมที่เรียบง่ายกินใจ เชื่อว่าคนที่เข้าไปชมคงต้องได้อะไรบางอย่างกลับบ้านไป ทั้งความประทับใจและแง่คิดดี ๆ
ดังนั้นก็ขอแนะนำนะครับ สปีลเบิร์กร่ายมนต์ได้อย่างงดงามอีกครั้ง ยิ่งใครเป็นคอหนังรางวัล / แฟนหนังสปีลเบิร์ก / คนรักภาพยนตร์ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง !
_________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อนะครับ
IG: benjireview
The Fabelmans (2022) - ตราตรึงใจไปกับไฟฝัน ตัวตน และการก้าวผ่านวัยเยาว์ของสปีลเบิร์ก
ความรู้สึกหลังชม
สปีลเบิร์กเป็นผู้กำกับที่ชอบเล่าเรื่องในสไตล์คลาสสิค (Classical Hollywood cinema) หนังของสปีลเบิร์กให้ความบันเทิงในกระแส เข้าถึงไม่ยาก พร้อมกับมีภาษาภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งสวยงาม ทั้งส่วนการกำกับ บทภาพยนตร์ และองค์รวมของเรื่อง ทำให้งานของเขาโดดเด่น มีมาตรฐานสูงอยู่เสมอ
The Fabelmans ก็คล้ายกับงานก่อนหน้าที่มีลายเซ็นต์อันชัดเจน ตัวเรื่องเข้มข้นเปี่ยมด้วยพลัง ขณะเดียวกัน ทุกจังหวะที่ดำเนินไป ก็ลงเท้าอย่างนุ่มนวล ด้วยประสบการณ์และความเฉียบคมของฝีมือ เขารู้ว่าจังหวะไหนควรไป จังหวะไหนควรหยุด จังหวะไหนควรเร่ง จังหวะไหนควรผ่อน งานที่ออกมาจึงมีเสน่ห์ มีชีวิตชีวา มีทั้งดราม่าเคล้าน้ำตา แทรกความแฟนตาซีเล็ก ๆ อารมณ์ขันนิ่มนวล...
ด้วยคุณภาพขนาดนี้ The Fabelmans แทบจะขึ้นอยู่ในลำดับต้น ๆ ของกลุ่มหนัง Comming of age ได้ไม่ยากเลย
ตัวตนของคนเกิดจากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ถูกหลอมรวมจนเป็นอัตลักษณ์เฉพาะคน The Fabelmans ถ่ายทอดเรื่องราวที่ถูกกลั่นมาจากชีวิตส่วนตัวของสปีลเบิร์ก ทั้งจุดเริ่มต้นในความรักภาพยนตร์ ความฝัน ความมุ่งมั่น แรงบันดาลใจ ไปจนถึงปัญหาในครอบครัว ความเจ็บปวด ความผิดหวัง และความสูญสลาย... ทุกเรื่องราว คือ สิ่งที่สปีลเบิร์กพบเจอ เป็นสิ่งที่หลอมให้ตัวตนเขาเป็นอย่างที่เป็นในวันนี้
การเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย แซม (สปีลเบิร์ก) ได้พบทั้งความทุกข์และความสุข เขาต้องเรียนรู้ที่จะกัดฟันสู้และปล่อยวางความเจ็บปวด เพื่อให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า สปีลเบิร์กฉายภาพเหล่านี้ผ่าน The Fabelmans เสมือนเป็นบทเรียนชีวิตที่คั้นออกมาจนเหลือแต่เนื้อ แน่นอนว่ามีแง่มุมอ่อนไหวที่ไม่เคยได้เห็นจากเขา ทว่าก็เป็นแง่มุมที่ทุกคนเรียนรู้จากเขาได้
- ในภาพรวม องค์ประกอบของหนังจัดว่า "ดีเยี่ยม" บทดี นักแสดงดี มุมกล้องดี การจัดแสงดี โปรดักชันดี ดนตรีดี จนไม่รู้ว่าจะหักคะแนนตรงไหน ที่พอหักได้ ก็เป็นแค่รสนิยมของผู้ชมที่ไม่รู้ว่ารสชาติแบบนี้จะถูกปากทุกคนหรือเปล่า แต่ในแง่ภาพยนตร์ นี่คืองานระดับยอดเยี่ยม ใกล้เคียงกับคำว่า Perfect !
- ซีนที่ชอบเป็นพิเศษ รู้สึกชอบการเปิดและปิดเรื่อง หนังเปิดด้วยภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจของแซมและทำให้เขาอยากเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ พร้อมกับปิดด้วยการเริ่มก้าวแรกในวงการภาพยนตร์ แถมด้วยคำสอนจากผู้กำกับที่เป็นไอดอลของตัวเอง... ถือว่าเปิดปิดเรื่องอย่างเฉียบคม
ส่วนช่วงชีวิตที่ชอบในหนัง รู้สึกชอบช่วงที่แซมอาศัยอยู่กับครอบครัวในรัฐแอริโซนา ดูเป็นช่วงที่แซมทั้งมีความสุขกับการถ่ายหนังและมีความสุขกับครอบครัวและผองเพื่อนมาก ๆ
- ปิดท้ายด้วยดนตรีประกอบภาพยนตร์จาก John Williams คอมโพเซอร์คู่บุญของสปีลเบิร์ก ธีมดนตรีเรียบง่ายสวยงาม สะท้อนชีวิตในวัยเด็กของสปีลเบิร์ก (และแซมมี่) ได้อย่างสวยงาม
ดังนั้นก็ขอแนะนำนะครับ สปีลเบิร์กร่ายมนต์ได้อย่างงดงามอีกครั้ง ยิ่งใครเป็นคอหนังรางวัล / แฟนหนังสปีลเบิร์ก / คนรักภาพยนตร์ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง !