ส่วนตัวเป็นคนเก่งคณิตมากเลยค่ะ พวกแคลคูลัสก็ชอบเพราะเรียนสนุกมาก ชอบคณิตศาสตร์ตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว มันเลยทำให้เราผูกพันกับวิชานี้ค่ะ ความฝันของเราคือ เราอยากทำงานที่เกี่ยวกับผู้คน อยากเปิดบริษัทเป็นของตัวเองค่ะ ส่วนตัวอยากเป็นครูมากๆแต่กระแสของอาชีพครูที่ว่าเงินเดือนน้อยและได้ทำงานพวกเอกสารที่ไม่เกี่ยวกับการสอนก็เยอะมากๆ มันเลยทำให้เรากังวลใจเพราะเราจำเป็นต้องจบและมีการงานที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ที่หาเงินมาเลี้ยงดูเรา ฐานะบ้านเราไม่ได้ดีเท่าไหร่ค่ะ เราเลยมีความรู้สึกว่าถ้าเราเป็นครูเราคงไม่สามารถเลี้ยงดูพวกท่านได้แน่ๆ เราลงคอร์สพิเศษก็เยอะค่ะทำให้ความคาดหวังจากพ่อแม่และคนรอบข้างก็สูงมากเช่นกัน จนมีความคิดที่ว่าหรือจะไปเป็นหมอดีนะ ได้ทำงานช่วยเหลือผู้คนแต่เราก็กลับมาคิดอีกทีนึงค่ะว่า การเรียนหมอมันหนัก จริงอยู่ที่เราสามารถเรียนไหวแต่เราคงไม่มีเวลาให้กับพ่อแม่และคนที่เรารักแน่ๆเลย ซึ่งสุดท้ายเราก็คิดว่ามันไม่เวิร์คเอาซะเลยถ้ามันจะต้องเป็นแบบนั้น เราเลยตัดสินใจว่า งั้นเรียนคณะวิทยาศาสตร์ เอกคณิตดีไหม เป็นติวเตอร์ไปเลย ได้ทำงาน สอนนักเรียนซึ่งก็เป็นงานที่เราอยากทำแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปจัดการเอกสารที่ไม่จำเป็นที่โรงเรียน ซึ่งครูที่โรงเรียนของเรายังบอกเลยว่าอย่ามาเป็นครูเลยมันเหนื่อยนะ แต่เราก็เหมือนถูกทำให้ไขว้เขว่ไปอีกครั้ง เมื่อติวเตอร์ที่สอนเราอยู่เขาบอกว่า งานสายติวเตอร์มันเหมือนซื้อล็อตเตอรี่ทุกวัน เทอมนี้เด็กจะมาเรียนกี่คน ตอนที่เราได้ยินครั้งแรกเราก็แอบกังวล ติวเตอร์เขาก็บอกค่ะว่าเราเรียนสายนี้ได้สบายๆแต่ตัวเราจะไหวไหมกับสายทางติวเตอร์ จะเดินสายนี้ได้ไหม งานติวเตอร์ทั้งคอนเท้น สื่อออนไลน์ หรือการรีวิวตัวเองก็ต้องน่าสนใจเพื่อดึงดูดเด็ก ต้องถามใจตัวเองดู เรามั่นใจค่ะว่าเราทำได้แต่เราก็ไม่รู้เลยว่าอนาคตข้างหน้ามันจะเป็นยังไง ครอบครัวของเราไม่ได้ดีพอที่จะลองรับความเสี่ยงได้ ถ้าตกงานก็ถือว่าจบ เราก็เลยมีตัวเลือกขึ้นมาอีกคณะนึง นั่นก็คือคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอม หรือสั้นๆคือวิทย์คอม ส่วนตัวเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคอมเลยค่ะแต่มั่นใจว่าตัวเองแม่นคณิตมาก ถ้าจบวิทย์คอมคิดว่างานก็คงมีให้เลือกหลากหลายกว่า บางทีถ้าถึงเวลาที่ต้องเลือกเราอาจจะเลือกเส้นทางที่ทำให้เราล้มหรือทำให้เราประสบความสำเร็จ ซึ่งมันเกิดขี้นได้หมดเลย เรามีแพลนว่าระหว่างเรียนมหาลัยเราจะศึกษาพวกการลงทุนและการเล่นหุ้นดูด้วยแล้วก็จะฝึกภาษาอังกฤษเพื่ออัพสกิลภาษาด้วยค่ะ และถ้ามีเวลามากพอก็จะเรียนภาษาที่สามด้วยค่ะ เพราะเราอยากเปิดบริษัทเป็นของตัวเองและเป็นติวเตอร์ไปด้วย เราอยากให้คุณผู้อ่านทุกคนให้คำแนะนำว่าเราควรจะไปทางไหนดี ถึงแม้ว่าการตัดสินใจสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับเรา แต่ถ้าทุกคนกรุณาพิมพ์คำแนะนำซักอย่างหรือมีแนวคิดที่ต่างจากเรา เราคิดว่าทุกความเห็นเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจสุดท้ายของเรา ขอความกรุณาด้วยนะคะ