รองบช.น. ยืนยันไม่พบหลักฐานตำรวจตั้งด่านรีดเงินดาราสาวไต้หวัน ส่วนกล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ เหตุเวลาผ่านนานกว่า 20 วัน พร้อมเร่งประสานตำรวจไต้หวันสอบปากคำดาราสาว
เหตุทำประเทศไทยเสียชื่อเสียง หากไม่มาพบจะส่งตำรวจไทยไปบันทึกปากคำถึงไต้หวัน...
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 29 ม.ค. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง ร่วมแถลงข่าวกรณี ดาราสาวชาวไต้หวันอ้างว่า ถูกตำรวจตั้งด่านรีดทรัพย์
โดยพล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ได้มีการสอบปากคำพยาน ไปแล้ว กว่า 10 คน เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องคอมแบทคาเมร่า ที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว
เบื้องต้นยืนยันแล้วว่า กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ในส่วนอื่นๆขณะที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว และการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายสามารถดำเนินคดีได้ ตามพ.ร.บ.ศุลกากร และ ยืนยันว่าไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อ อีกว่าในส่วนของเพื่อนชาย ทั้ง 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกันในวันเหตุ ขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 และ วันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งปลายทางไม่ใช่ที่ประเทศไต้หวัน สำหรับในขั้นตอนหลังจากนี้ จะประสานไปยังกองบังคับการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประสานไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและทางการไต้หวัน เพื่อให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน เข้าไปสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว ทั้งนี้หากตำรวจไต้หวัน ต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วย ก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบทันที อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าไต้หวันจะไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล ทางตำรวจไทยก็ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังไต้หวันแล้ว ว่าทางสาวไต้หวันมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอคำตอบอยู่
ไม่พบหลักฐานปมตร.รีดเงินดาราสาวไต้หวัน เร่งประสานตร.ไต้หวันสอบปากคำ...(ข่าวไม่กี ชม. ก่อนชูวิทย์ออกมาแฉ)
รองบช.น. ยืนยันไม่พบหลักฐานตำรวจตั้งด่านรีดเงินดาราสาวไต้หวัน ส่วนกล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ เหตุเวลาผ่านนานกว่า 20 วัน พร้อมเร่งประสานตำรวจไต้หวันสอบปากคำดาราสาว เหตุทำประเทศไทยเสียชื่อเสียง หากไม่มาพบจะส่งตำรวจไทยไปบันทึกปากคำถึงไต้หวัน...
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 29 ม.ค. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง ร่วมแถลงข่าวกรณี ดาราสาวชาวไต้หวันอ้างว่า ถูกตำรวจตั้งด่านรีดทรัพย์
โดยพล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ได้มีการสอบปากคำพยาน ไปแล้ว กว่า 10 คน เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องคอมแบทคาเมร่า ที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว
เบื้องต้นยืนยันแล้วว่า กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ในส่วนอื่นๆขณะที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว และการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายสามารถดำเนินคดีได้ ตามพ.ร.บ.ศุลกากร และ ยืนยันว่าไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อ อีกว่าในส่วนของเพื่อนชาย ทั้ง 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกันในวันเหตุ ขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 และ วันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งปลายทางไม่ใช่ที่ประเทศไต้หวัน สำหรับในขั้นตอนหลังจากนี้ จะประสานไปยังกองบังคับการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประสานไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและทางการไต้หวัน เพื่อให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน เข้าไปสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว ทั้งนี้หากตำรวจไต้หวัน ต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วย ก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบทันที อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าไต้หวันจะไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล ทางตำรวจไทยก็ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังไต้หวันแล้ว ว่าทางสาวไต้หวันมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอคำตอบอยู่