สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์เที่ยวไต้หวันช่วงตรุษจีนกับครอบครัว ช่วงวันที่ 19-23 ม.ค.66 กันค่ะ

เราไปกัน 3 คน มี เรา ป๊า ม้า ค่ะ 

***ปล.ทุกอย่างเป็นความเห็นของเราทั้งหมดนะคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดไป ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ***

ช่วงตรุษจีน ร้านค้าปิดเยอะมากค่ะ บางเมืองก็เหมือนเมืองร้างเลย แต่บางเมืองก็เปิดอยู่นะคะ ต้องลุ้นเอาหน้างานอีกทีถ้าเป็นพวกที่เที่ยว แนะนำเช็คให้ดีก่อนไปค่ะว่าเปิดไหม

อันนี้เป็นแพลนเที่ยวของเราคร่าวๆค่ะ แต่บอกก่อนว่าไม่ได้เป็นตามนี้ทั้งหมดนะคะ เพราะจิ่วเฟิ่น น้ำพุร้อนเป่ยโถว และ เขาเซียงซาน เราไม่ได้ไปค่ะ 

แต่ว่า sun moon lake เราซื้อ one day trip ไปนะคะ สะดวกดี รายละเอียดใน part ถัดๆไปค่ะ ราคาที่เห็นในแพลนคือรวมทั้งหมด 3 คนนะคะ

เราเดินทางด้วย EVA airline ค่ะ ช่วงนี้การท่องเที่ยวกำลังกลับมาบูม ราคาไป-กลับต่อคน ประมาณ 12,000 บาท 🥹เวลาเที่ยวบินจะแปลกๆนิดนึงแต่ว่าเราเลือกราคาถูกสุดแล้วค่ะ😂

   

เราซื้อผ่าน agoda เลยไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อตั๋วโดยตรงจากเป็นสายการบินจะราคาต่างกันมากไหม แต่ถ้าซื้อตั๋วจากสายการบินโดยตรงจะสามารถ manage booking ได้ผ่านแอพ eva air ในโทรศัพท์ค่ะ ซึ่งเราว่าสะดวกดี เปิด notification ในแอพไว้ แล้วตั้งค่า auto check-in ได้เลยค่ะ แอพจะเชคอินให้เรา 48 ชม ก่อน flight ป้องกันคนขี้ลืมแบบเราๆ แต่ว่าหน้าแอพจะโบราณๆหน่อยนะคะ555 ต้องการกราฟฟิกดีไซน์มาช่วยพัฒนาหน่อยค่ะ😂

ไต้หวันจะเร็วกว่าเรา 1 ชม.นะคะ ค่าเงินแพงกว่าเราหลัก 0. กว่าๆ เรียกว่าพอๆกันเลยคะ

**ยังใส่ mask อยู่นะคะ เข้มงวดด้วย ถ้าไปสถานที่ราชการหรือที่ๆมีพนักงานใดๆอยู่ โดนเตือนค่ะ แล้วก็น่าจะผิดกม.บ้านเขาด้วย แต่ไต้หวันก็เป็นประเทศที่จำนวนคนติดโควิดน้อยๆเป็นอันดับต้นๆเลยค่ะ**

เกริ่นมานาน ขอเริ่มที่แพลนเที่ยวเลยแล้วกันนะคะ ทริปนี้ 5 วัน 4 คืน

วันแรกถึงไต้หวันเวลา 17:00 กว่าๆ เริ่มมืดแล้ว

ถึงที่ Taoyuan international airport เราเดินไปเรื่อยๆมองหาป้าย airport MRT ขึ้นสายสีม่วงจะเป็น express train ค่ะ ประมาณ 30 นาทีก็ถึงสถานี taipei main station แล้ว เสียค่าตั๋วคนละ 150 บาท 

ภายในรถค่อนข้างใหญ่ มีที่วางกระเป๋าเดินทาง และที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 

การเดินทางที่นี่จะใช้ MRT เป็นหลัก จะมี taxi บ้างประปราย ราคาพอรับได้ เหมือนมิเตอร์จะเริ่มที่ 70 ถ้าวันหยุดนักขัตฤกษ์ บวกเพิ่ม 30 บาทค่ะ

เพราะฉะนั้นไปถึงปุ๊บหาร้านสะดวกซื้อสักร้าน ซื้อบัตร easy pass แล้วไปเติมเงินที่ counter MRT ได้เลยค่ะ 

สามารถถอนเงินออกได้นะคะ แต่หลังจากถอนเงินแล้วจะใช้บัตรนั้นไม่ได้อีกตลอดไป

ถึง taipei main station แล้ว เราขึ้นรฟฟสายสีฟ้า ต่อไปที่ ximen ค่ะ เราพักที่ hotel midtown richardson exit 4 MRT ximen สายสีฟ้า

 เรา book ผ่าน booking.com ห้อง superior deluxe ประมาณ 34 ตรม สำหรับ 4 คน แต่เข้าไปจิงรู้สึกเล็กกว่านั้น😂

เป็นห้องมีหน้าต่างจะแพงกว่าห้องที่ไม่มี (ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นต้องมีก็ได้  แต่เราจองตามคำสั่งหม่อมแม่)

เข้ามาแล้วขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมาชั้น2ค่ะ จะเจอเคาน์เตอร์เชคอิน ( check-in หลัง15.00 chect-out ก่อน 11.00 )

เคาน์เตอร์จะมีพนักงานและเครื่องคอมไว้สำหรับเชคอินด้วยตัวเอง ตอนเราไปพนักงานช่วยเราให้เราเชคเองค่ะ 

รรนี้ wifi ไม่ lock password และค่อนข้างช้าาาา ค่ะ แต่มีนะคะไวไฟ 

วางของเสร็จเรียบร้อย ก็ออกไปหาอะไรกิน

ร้านอาหารที่ ximen นี่แล้วแต่ซอยที่เราเดินเข้าจริงๆค่ะ เดินถูกซอยก็จะมีร้านทีเด็ดอยู่ เวลามีก็จะตั้งเรียงกันเป็นแถบๆเลยค่ะ เข้าผิดซอยก็จะมีแต่ร้าน local ซึ่งถ้าทักษะภาษาจีนติดลบแบบเราก็คือไปต่อไม่ถูกจริงๆค่ะ

ถนนในช่วงตรุษจีนก้จะมีไฟคึกคักหน่อย บางทีก็มีโชว์เปิดหมวกใดๆมากมาย

เริ่มออกมาจากโรงแรมก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ ผ่านตึกแดงในตำนานโดยบังเอิญ

ทางเดินเข้าก็จะมีไฟข้างๆประดับตกแต่งประมาณนี้ ย่านนี้คึกแค่ตอนกลางคืนจริงๆ

มาถึงร้านชานมไข่มุก XING FU TANG กินเมนู signature ที่มีน้ำตาลไหม้ๆอยู่ข้างบน ไข่มุกหวานอร่อยดี

จุดขายของร้านเค้าบอกว่า เป็นร้านที่เปิดเผยกรรมวิธีการทำตลอดทุกขั้นตอน ตรงนี้ก็มีครัวอยู่หลังกระจกใส

นี้ร้านบะหมี่อาจง มิชลิน 

วันเวลาเปิดปิด ร้านอาจง ตามในรูปเลย

จริงๆร้านอาหาร กับ street food ที่นี่มีอีกเยอะมากกก เต้าหู้เหม็นเอย เสี่ยวหลงเปา เกี๊ยวซ่า ปีกไก่ยัดไส้ข้าวเหนียวใดๆ 

ซอยข้างๆ uniqlo จะเป็นแหล่งของ street food มากมายที่บอกไป

อันนี้ร้านเสี่ยวหลงเปาสักอย่าง แต่ไม่ได้เดินเข้าไปกิน เนื่องจากดูคิวหน้าร้านก่อน 555

ส่วนร้านตระกูล hotpot บอกเลยว่า ร้านหมาล่าในช่วงนี้ ฮอตปรอทแตก ถ้าไม่ได้จองคิวไปก่อน อดกินแน่ๆค่ะ เว้นแต่เราจะขาแข็ง ยืนรอคิวสัก2ชมกว่าๆไหว แต่เราไม่สู้ค่ะ😂 บางร้านเขามีนามบัตรหรือเบอร์ให้โทรไปก่อน แต่ถ้าโทรไปแล้วเค้าคุยอังกฤษไม่ได้ เราก็แอบเงิบเหมือนกันค่ะ 

เพราะบางทีเค้าไม่สนเราว่าเราฟังภาษาเค้าออกไหมแต่เค้าก็รัวใส่ เราก็เงิบ 

แต่ถ้าร้านดีๆ เค้าจะไปพาคนที่พูดอังกฤษได้บ้างมาให้เราคุยด้วยค่ะ และพยายามสื่อสารกันมาก อันนี้ตบมือค่ะ 

Part day1 around Ximen ขอจบเท่านี้ไปก่อนนะคะ ไว้มีอะไรจะมาอัพเดทเพิ่มเติม 

เจอกันใหม่ใน partต่อๆไปค่ะ