เราจะมาแชร์เทคนิคการเรียน ที่อาจจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ คน
ตอนแรก เราไม่ได้ตั้งเป้าเรื่องเกรดไว้เลยค่ะ แต่พอผลออกมามันก็ดีกว่าที่เราคาดไว้มากๆ
จึงขอรวบรวม เทคนิคต่างๆ ไว้ดังนี้ค่ะ
ป.ล. 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราเข้าใจว่าการที่คนๆ นึงจะประสบความสำเร็จจากการเรียน มันมีหลายเหตุปัจจัยมาก
ทั้งความถนัด, พรสวรรค์, การเงิน, ครอบครัว สุขภาพ, ความยากง่ายของหลักสูตรที่เรียน, สภาพจิตใจ, ฯลฯ
ดังนั้นสูตรสำเร็จของแต่ละคน ไม่มีทางเหมือนกันเป๊ะๆ ลองปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองดูนะคะ
ป.ล. 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราไม่ได้กำลังจะผลักดันค่านิยมเรื่องเกรดดี แล้วจะประสบความสำเร็จ หรือมีความสามารถในชีวิตมากกว่าคนอื่นๆ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเกรดก็มีประโยชน์ในการสมัครในบางงาน หรือขอทุนต่างๆ ในอนาคตด้วยเช่นกัน
💗 1. ทัศนคติต่อการเรียน เป็นสิ่งสำคัญ 💗
🤍เราอาจจะแปลกกว่าหลายๆ คน คือเราไม่เคยตั้งเป้าเรื่องเกรดไว้เลยว่าต้องได้ตัวเลขเท่าไหร่
เพราะเป็นคนเรียนปานกลาง + เป็นคนชิลล์ๆ ไม่ชอบความเครียด
คิดเอาซะว่าไหนๆ มีโอกาสได้เรียนก็ทำเต็มที่ .... จะตั้งใจเรียนจริงๆ !!
แล้วก็จะไม่แข่งกับใคร เพราะคิดแบบนั้นมันไม่สบายใจอ่ะ 555.... มันก็เลยทำให้เราไม่เครียด เป็นคนลั้นลาแฮปปี้
( แต่สำหรับคนที่ชอบความท้าทาย การตั้งเป้าก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน แต่ต้องจัดการกับสภาพจิตใจตัวเองให้ได้นะเวลาเฟล )
สำหรับเรา ไม่คาดหวัง = ความสุข
เลย เอาเวลาไปทุ่มเทกับการทำเหตุดีกว่า
----------------------------------------------------------
💗 2. Course Syllabus (ประมวลรายวิชา) สำคัญมากกก 💗
🤍มันคือชีทของแต่ละวิชา ที่บอกรายละเอียดไว้หมด ว่าในวิชานั้น เก็บคะแนนยังไง
วัตถุประสงค์ของการเรียน เน้นเนื้อหาตรงไหน จะทดสอบตรงไหนบ้าง ฯลฯ
ถ้าอ่านใบนี้แตก จะทำให้เราโฟกัสถูกจุด ว่าเราควรจะไปศึกษาเนื้อหาบทไหน
หรือแม้กระทั่งข้อสอบจะออกอะไร สามารถเดาได้จากในนี้ (ก็เพิ่งมาอ๋อตอนเรียนจบ)
ก่อนสอบ หรือก่อนเข้าเรียนอ่านเถอะ......... เพราะจะทำให้เราได้วางแผนการเรียน ล่วงหน้าได้
----------------------------------------------------------
💗 3. ทำไมต้องอ่านก่อนเรียน ? 💗
🤍การอ่านหนังสือมาก่อนเรียน หรือศึกษาเรื่องนั้นๆ มาก่อน.... เป็นการใส่ข้อมูลผ่านตา
ทำให้เรามีข้อมูลเก็บไว้ในใจล่วงหน้าก่อน
ทำให้เวลาเข้าห้องเรียน เราไปได้ยินเรื่องนั้นอีกครั้ง สติก็จะลากข้อมูลที่เราใส่ไว้ ออกมารับการกระทบ
เป็นการตอกย้ำ ทำให้เราเข้าใจบทเรียนมากขึ้น........ และไม่เปลืองพลังงานในการเรียนในห้อง
การอ่านล่วงหน้าโดยที่เราไม่รู้เรื่องนั้นมาก่อน ให้อ่านกวาดๆ ไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจทุกตัวอักษร
หรือถ้าไม่มีเวลา อ่านจับใจความสำคัญหรือหัวข้อ ไฮไลท์ไว้ก็ได้ค่ะ
----------------------------------------------------------
💗 4. ใช้ไหวพริบ** ในการทำข้อสอบ / ทำโปรเจค / ทำการบ้าน 💗💗💗💗
🤍
หลายๆ คนเข้าใจว่า มันต้องทำอะไรให้ยากๆ ถึงจะได้คะแนนเยอะๆ ไม่จริงเสมอไป !!!!
เวลาต้องสอบข้อเขียนปลายเปิด หรือการเขียนรายงาน
พยายามอย่าเลือกหัวข้อยากๆ หรือพิศดารซับซ้อน หรือหลุดออกไปจากวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (ยกเว้นคนชอบความท้าทาย)
ให้หาหัวข้อเบสิคง่ายๆ เรียบเรียงแล้วคนอ่าน (คนตรวจข้อสอบ) เข้าใจ และอ่านง่าย ตรงตามวัตุประสงค์ที่แต่ละวิชาวัดผล
ตัวอย่าง 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลบหลีกความยาก = ตอนเราเรียนวิชาวรรณกรรม อ. ให้เขียนเรียงความ เรื่อง Harry Potter ร้องไห้หนักมากกก เพราะเราไม่เคยอ่านแฮรี่เลย ไม่อ่านเลยยยยย เพราะไม่ชอบนิยายแฟนตาซี แล้วคิดดูแฮรี่มีกี่เล่ม .... กรี๊ดดดดดด
เราเลยเลือกว่าเนื้อหาอะไร แคบบบบที่สุดในเรื่อง คือไม่ต้องอ่านหมดทุกเล่มก็สามารถเขียนรายงานได้ (ตอนนั้นเราเลือกเรื่อง บทบาทความเป็นแม่ที่ปรากฎในเรื่อง เพราะมันมีไม่กี่ฉาก) สรุปงานนั้นก็รอดไป อิอิ
ตัวอย่าง 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เลือกหัวข้อที่ตัวเองถนัด = เราเคยเลือกโปรเจคจบเกี่ยวกับงานอดิเรกตัวเอง กลายเป็นว่าไม่เหนื่อยกับการเรียน.... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับซีรีย์ที่เราชอบ หลายเป็นว่าแทนที่เราจะเหนื่อย กลับเป็นเวลาที่เรา relax เพราะจะได้ดูซีรีย์ .... แล้วโปรเจคนี้ก็จบไปด้วยดี
ตัวอย่าง 3
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีความคิดสร้างสรรค์ = มีวิชานึง เราก็เลือกเอาเรื่องชีวิตตัวเองที่กำลังอินเลิฟนี่แหละ 555555555 เอามาเป็นหัวข้อและเนื้อเรื่องในงาน ... คือขี้เกียจไปคิดใหม่ หาข้อมูลใหม่ เพราะพล็อตเราก็มีแล้ว สรุปได้คะแนนเต็ม เอ้า! แล้วเป็นงาน FINAL คะแนนเยอะด้วยถ้าจำไม่ผิด .... มันเลยทำให้เราคิดว่า เอ้อ ชิลล์ดีจัง แบบนี้ก็ได้หรอ งั้นเราก็ไม่จำเป็นจะต้องคิดมากมายหรือกดดันตัวเองก็ได้ ตราบใดที่มันยังอยู่ในกรอบของวิชา
----------------------------------------------------------
💗 5. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์ + สังเกตอาจารย์ แต่ละคน*******
🤍(ในทางที่ไม่ผิดศีลธรรมนะคะ) ..... คือ เวลาจบชั้นเรียน
ถ้าอาจารย์ดูไม่เหนื่อยจนเกินไป เราก็จะมีเข้าไปถามบ้าง ชวนคุยบ้าง ตรงที่ไม่เข้าใจ
เทคนิคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค แอบเก็งข้อสอบไว้ + มีชั้นเชิงในการถาม ลองถามอาจารย์ว่าควรอ่านตรงไหนเป็นพิเศษ (อ. แต่ละคนไม่เหมือนกันนะ ใช้ไม่ได้กับทุกคน สแกนกันเองเองนะ) .... ทำให้เราพอรู้แนว ที่จะวางแผนการอ่าน การสอบต่างๆ
และ
(ตรงนี้สำคัญ) รู้แนว อ. แต่ละคนว่าท่านมีความถนัด+สนใจด้านไหน ให้เราแอบไปค้นหาความรู้ในเรื่องนั้นๆ .. แล้วเวลาเขียนรายงาน หรือข้อสอบข้อเขียน ให้แอบหยอดเรื่องนั้นลงไปพอสังเขป เพื่อสร้างความประทับจิต เราว่าช่วยได้อ่ะ เพราะฟีดแบคที่ได้กลับมาดี 555555555555
----------------------------------------------------------
💗
7. ที่นั่งในห้องก็สำคัญ
🤍 นั่งหน้า - หลัง มีข้อดีข้อเสียแต่ละแบบ
นั่งหน้า ข้อดี -- **** ไม่มีใครมายุกยิกๆๆ ด้านหน้าเรา ทำให้โฟกัสการเรียนได้ดีกว่า ... แต่บางครั้งก็แอบกดดันเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ใช่ทุกวิชาที่เรานั่งหน้า .... หลายๆ ครั้งวิชาสบายๆ ก็ชอบไปนั่งกับเพื่อนโซนหลังๆ มันผ่อนคลายดี
ถ้ามีคนตอบเก่งๆ อยู่แถวนั่นจะช่วยเราได้เยอะเลย.... เวลาเราไม่เข้าใจ เพื่อนเหล่านี้จะช่วยอธิบายให้เราได้หากนั่งใกล้ๆ กัน
เพื่อนก็สำคัญนะ อย่าทำตัวแข่งกับใครหรือเห็นแก่ตัว...... ให้เป็นคนน่ารัก จะมีเพื่อนดีๆ ที่แวดล้อมเยอะมากกกก และจะช่วยกันเป็นกำลังใจให้กันได้อย่างดี (หรือเราโชคดีไม่รู้ที่เจอเพื่อนดีๆ ในชั้น)
----------------------------------------------------------
สรุป
เราคิดว่าที่เราได้เกรดโอเค อาจะเพราะเป็นที่คณะเราไม่ได้ยาก
และเราก็ไม่ได้มีปัญหาในการเงินเท่าไหร่ (แต่ก็ยังต้องหางานพิเศษทำบ้างเหมือนกัน ถึงจะได้กินอะไรอร่อยๆ บ้าง ชาไข่มุก ขนมเค้กนี่นานๆ จะได้กิน)
เห็นใจหลายๆ คนเหมือนกันว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการรับกับปัญหาการเงิน และครอบครัวต่างๆ ในช่วงเรียน
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ และลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้นะคะ......... หลายๆ ข้อก็แบ่งเบาภาระสมองได้เยอะเลย
ขอบคุณค่ะ
เทคนิคการเรียนมหาวิทยาลัย ให้มีความสุขและได้เกรดดี or ได้เกียรตินิยม เวอร์ชั่นแบ่งเบาภาระสมอง
ตอนแรก เราไม่ได้ตั้งเป้าเรื่องเกรดไว้เลยค่ะ แต่พอผลออกมามันก็ดีกว่าที่เราคาดไว้มากๆ
จึงขอรวบรวม เทคนิคต่างๆ ไว้ดังนี้ค่ะ
ป.ล. 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ล. 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
💗 1. ทัศนคติต่อการเรียน เป็นสิ่งสำคัญ 💗
🤍เราอาจจะแปลกกว่าหลายๆ คน คือเราไม่เคยตั้งเป้าเรื่องเกรดไว้เลยว่าต้องได้ตัวเลขเท่าไหร่
เพราะเป็นคนเรียนปานกลาง + เป็นคนชิลล์ๆ ไม่ชอบความเครียด
คิดเอาซะว่าไหนๆ มีโอกาสได้เรียนก็ทำเต็มที่ .... จะตั้งใจเรียนจริงๆ !!
แล้วก็จะไม่แข่งกับใคร เพราะคิดแบบนั้นมันไม่สบายใจอ่ะ 555.... มันก็เลยทำให้เราไม่เครียด เป็นคนลั้นลาแฮปปี้
( แต่สำหรับคนที่ชอบความท้าทาย การตั้งเป้าก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน แต่ต้องจัดการกับสภาพจิตใจตัวเองให้ได้นะเวลาเฟล )
สำหรับเรา ไม่คาดหวัง = ความสุข
เลย เอาเวลาไปทุ่มเทกับการทำเหตุดีกว่า
----------------------------------------------------------
💗 2. Course Syllabus (ประมวลรายวิชา) สำคัญมากกก 💗
🤍มันคือชีทของแต่ละวิชา ที่บอกรายละเอียดไว้หมด ว่าในวิชานั้น เก็บคะแนนยังไง
วัตถุประสงค์ของการเรียน เน้นเนื้อหาตรงไหน จะทดสอบตรงไหนบ้าง ฯลฯ
ถ้าอ่านใบนี้แตก จะทำให้เราโฟกัสถูกจุด ว่าเราควรจะไปศึกษาเนื้อหาบทไหน
หรือแม้กระทั่งข้อสอบจะออกอะไร สามารถเดาได้จากในนี้ (ก็เพิ่งมาอ๋อตอนเรียนจบ)
ก่อนสอบ หรือก่อนเข้าเรียนอ่านเถอะ......... เพราะจะทำให้เราได้วางแผนการเรียน ล่วงหน้าได้
----------------------------------------------------------
💗 3. ทำไมต้องอ่านก่อนเรียน ? 💗
🤍การอ่านหนังสือมาก่อนเรียน หรือศึกษาเรื่องนั้นๆ มาก่อน.... เป็นการใส่ข้อมูลผ่านตา ทำให้เรามีข้อมูลเก็บไว้ในใจล่วงหน้าก่อน
ทำให้เวลาเข้าห้องเรียน เราไปได้ยินเรื่องนั้นอีกครั้ง สติก็จะลากข้อมูลที่เราใส่ไว้ ออกมารับการกระทบ
เป็นการตอกย้ำ ทำให้เราเข้าใจบทเรียนมากขึ้น........ และไม่เปลืองพลังงานในการเรียนในห้อง
การอ่านล่วงหน้าโดยที่เราไม่รู้เรื่องนั้นมาก่อน ให้อ่านกวาดๆ ไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจทุกตัวอักษร
หรือถ้าไม่มีเวลา อ่านจับใจความสำคัญหรือหัวข้อ ไฮไลท์ไว้ก็ได้ค่ะ
----------------------------------------------------------
💗 4. ใช้ไหวพริบ** ในการทำข้อสอบ / ทำโปรเจค / ทำการบ้าน 💗💗💗💗
🤍หลายๆ คนเข้าใจว่า มันต้องทำอะไรให้ยากๆ ถึงจะได้คะแนนเยอะๆ ไม่จริงเสมอไป !!!!
เวลาต้องสอบข้อเขียนปลายเปิด หรือการเขียนรายงาน พยายามอย่าเลือกหัวข้อยากๆ หรือพิศดารซับซ้อน หรือหลุดออกไปจากวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (ยกเว้นคนชอบความท้าทาย)
ให้หาหัวข้อเบสิคง่ายๆ เรียบเรียงแล้วคนอ่าน (คนตรวจข้อสอบ) เข้าใจ และอ่านง่าย ตรงตามวัตุประสงค์ที่แต่ละวิชาวัดผล
ตัวอย่าง 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัวอย่าง 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัวอย่าง 3
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
----------------------------------------------------------
💗 5. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์ + สังเกตอาจารย์ แต่ละคน*******
🤍(ในทางที่ไม่ผิดศีลธรรมนะคะ) ..... คือ เวลาจบชั้นเรียน ถ้าอาจารย์ดูไม่เหนื่อยจนเกินไป เราก็จะมีเข้าไปถามบ้าง ชวนคุยบ้าง ตรงที่ไม่เข้าใจ
เทคนิคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค แอบเก็งข้อสอบไว้ + มีชั้นเชิงในการถาม ลองถามอาจารย์ว่าควรอ่านตรงไหนเป็นพิเศษ (อ. แต่ละคนไม่เหมือนกันนะ ใช้ไม่ได้กับทุกคน สแกนกันเองเองนะ) .... ทำให้เราพอรู้แนว ที่จะวางแผนการอ่าน การสอบต่างๆ
และ (ตรงนี้สำคัญ) รู้แนว อ. แต่ละคนว่าท่านมีความถนัด+สนใจด้านไหน ให้เราแอบไปค้นหาความรู้ในเรื่องนั้นๆ .. แล้วเวลาเขียนรายงาน หรือข้อสอบข้อเขียน ให้แอบหยอดเรื่องนั้นลงไปพอสังเขป เพื่อสร้างความประทับจิต เราว่าช่วยได้อ่ะ เพราะฟีดแบคที่ได้กลับมาดี 555555555555
----------------------------------------------------------
💗 7. ที่นั่งในห้องก็สำคัญ
🤍 นั่งหน้า - หลัง มีข้อดีข้อเสียแต่ละแบบ
นั่งหน้า ข้อดี -- **** ไม่มีใครมายุกยิกๆๆ ด้านหน้าเรา ทำให้โฟกัสการเรียนได้ดีกว่า ... แต่บางครั้งก็แอบกดดันเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ใช่ทุกวิชาที่เรานั่งหน้า .... หลายๆ ครั้งวิชาสบายๆ ก็ชอบไปนั่งกับเพื่อนโซนหลังๆ มันผ่อนคลายดี
ถ้ามีคนตอบเก่งๆ อยู่แถวนั่นจะช่วยเราได้เยอะเลย.... เวลาเราไม่เข้าใจ เพื่อนเหล่านี้จะช่วยอธิบายให้เราได้หากนั่งใกล้ๆ กัน
เพื่อนก็สำคัญนะ อย่าทำตัวแข่งกับใครหรือเห็นแก่ตัว...... ให้เป็นคนน่ารัก จะมีเพื่อนดีๆ ที่แวดล้อมเยอะมากกกก และจะช่วยกันเป็นกำลังใจให้กันได้อย่างดี (หรือเราโชคดีไม่รู้ที่เจอเพื่อนดีๆ ในชั้น)
----------------------------------------------------------
สรุป
เราคิดว่าที่เราได้เกรดโอเค อาจะเพราะเป็นที่คณะเราไม่ได้ยาก
และเราก็ไม่ได้มีปัญหาในการเงินเท่าไหร่ (แต่ก็ยังต้องหางานพิเศษทำบ้างเหมือนกัน ถึงจะได้กินอะไรอร่อยๆ บ้าง ชาไข่มุก ขนมเค้กนี่นานๆ จะได้กิน)
เห็นใจหลายๆ คนเหมือนกันว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการรับกับปัญหาการเงิน และครอบครัวต่างๆ ในช่วงเรียน
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ และลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้นะคะ......... หลายๆ ข้อก็แบ่งเบาภาระสมองได้เยอะเลย
ขอบคุณค่ะ