🌺มาลาริน🌺ยุคลุงตู่ แข็งแกร่งทางการเงินการคลัง..มีรมว.คลังคว้ารางวัลเอเปค รายได้พุ่ง สภาพัฒน์เตรียมขยาย GDP เป็น3.5-4.0

ฐานะการคลังไทยแข็งแกร่ง จัดเก็บรายได้ทะลุเป้า บาทแข็งค่าต่อเนื่องสู่ 32.63 บาทในวันนี้



เงินบาทไทยแข็งค่าต่อเนื่องแตะ 32.63 บาท นักกลยุทธ์ทางการเงินมองระยะสั้นรอบนี้น่าจะแตะ 32.50 บาท  สะท้อนความมั่นคงทางเศรษฐกิจและฐานะทางเงิน หลังกระทรวงการคลังจัดเก็บภาษีเกินเป้ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาท สู่ระดับ 6.33 แสนล้านบาทในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 22/23  เงินคงคลัง มีจำนวน 7.1 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็น สภาพัฒน์ฯเตรียมปรับประมาณการณ์ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย เป็น 3.5-4%
 
กระทรวงการคลังเผยการจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม – ธันวาคม 2565) จำนวน 633,139 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 73,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.3
 
โดยได้รับแรงหนุนตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภค และการค้าระหว่างประเทศ และยังมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน รายได้จากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และใบอนุญาตคลื่นวิทยุ รวมทั้งอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี
 
คาดว่ารายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2566 จะยังคงขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจ
 
การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการ จากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
 
หากไม่รวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากร ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 40,175 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.3
 
กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะมีรายได้นำส่งคลัง 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านบาท และมีการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 6.95 แสนล้านบาท
 
เงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 7.1 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นของภาครัฐ ภาพรวมฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2566 มีความมั่นคงและเข้มแข็ง
 
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมทบทวนประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี pตามแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอีกด้วย
 
เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง
 
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.70 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ และล่าสุดอยู่ที่ 32.690 บาทต่อดอลลาร์
 
เช้านี้เงินบาทแข็งค่าตามทิศทางของสกุลเงินอื่นในภูมิภาค หลังจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่า เนื่องจากเมื่อคืนวันศุกร์ มีท่าทีจาก สมาชิกของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่สนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% ใน 2 ครั้งติดต่อกัน ส่งผลให้เงินยูโรปรับ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
 
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า เคลื่อนไหวในกรอบ 32.60 – 32.95 บาท/ดอลลาร์ แต่คาดว่า การซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากหลายประเทศในเอเชียยังติดวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน
 
Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่าเงินบาทจะมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่ก็พร้อมผันผวนอ่อนค่าลง หากตลาดปิดรับความเสี่ยงและเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้จริง ทั้งนี้ เงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญในช่วง 33.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นต่างชาติก็รอจังหวะเพิ่มสถานะ Short USDTHB ตามความหวังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
 
ขณะที่นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้กรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท วันนี้ที่ระดับ 32.60-32.95 บาท
 
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียปรับตัวขึ้นได้ดี จากความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและรายงานผลประกอบการโดยรวมออกมาแย่กว่าคาด นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ระบุ
 
ในสัปดาห์นี้ ควรระวัง รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯ, ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ Microsoft, ASML และ Tesla
 
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น ควรระวังเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์ขึ้นได้ หากตลาดเดินหน้าปิดรับความเสี่ยงต่อ (รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด) หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อาทิ อัตราเงินเฟ้อ PCE ไม่ได้ชะลอลงตามคาด ทำให้ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
 
ธนาคารกรุงไทยคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
ในสัปดาห์นี้ ควรระวัง รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯ, ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ Microsoft, ASML และ Tesla เป็นต้น
 
ธนาคารกรุงไทยคาดการณ์ด้วยว่า ระดับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะยิ่งได้แรงหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +25bps สู่ระดับ 1.50% ในวันที่ 25 ม.ค. นี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อาคม” รัฐมนตรีคลังเอเปคแห่งปี 66  



กรุงเทพฯ 23 ม.ค.- ขุนคลัง “อาคม”  คว้ารางวัล Finance Minister of the Year 2023 ของเอเปค จากนิตยสาร The Banker  งัดหลายมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ มาตรการคนละครึ่ง ช่วงปัญหาโควิด-19 เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล
 
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคมเติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งปี2566 (Finance Minister of the Year 2023) ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากนิตยสาร The Banker ในเครือFinancial Times  เป็นสิ่งพิมพ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำ ได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยนิตยสาร The Banker ได้กล่าวยกย่องการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของนายอาคม  ทั้งการใช้หลายมาตรการ  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19  
 
โดยเฉพาะมาตรการเศรษฐกิจ  มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง  การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาทิ มาตรการคนละครึ่ง เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Economy) ผ่านมาตรการทางภาษีต่าง ๆ โดยภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนทำให้เศรษฐกิจไทยได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
 
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้กล่าวกับนิตยสาร The Banker  ว่า การดำเนินนโยบายการคลังของไทยผ่านโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบการชำระเงินออนไลน์  ก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้มาตรการเยียวยาสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเข้าถึงเป้าหมายกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ   การรักษาวินัยทางการคลังในระยะที่ผ่านมา  ทำให้กระทรวงการคลังไทยสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาหลากหลายและยังสามารถบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้อย่างดี และปฏิบัติตามกฎหมายด้านวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในระยะยาว กระทรวงการคลังจะมุ่งรักษาสถานะทางการคลังที่เข้มแข็งและยั่งยืน มุ่งสู่ดุลการคลังแบบสมดุลภายใน10 ปี ข้างหน้า .-สำนักข่าวไทย 

https://tna.mcot.net/business-1100168

นายกฯลุงตู่  เก่งในการบริหารโดยไม่ต้องคุยยกยอตัวเองเหมือนนายกฯหนีศาลเพราะคดีทุจริต

ท่านมีผลงานการันตี  ปี2566นี้  รมว.คลัง ท่านอาคม ก็คว้ารางวัล Finance Minister of the Year 2023 ของเอเปค จากนิตยสาร The Banker เพราะนายกฯลุงตู่ส่งเสริมศักยภาพให้มาทำงานด้านนี้  ยุคอื่นๆก็เห็นจะมีแต่คุณกรณ์ พรรคชาติพัฒนากล้า  สมัยอยู่ ปชป.เป็นรัฐมนตรีคลังโลก

ไม่เห็นยุคใดสมัยใดอีกเลยค่ะ

คนไม่โอ้อวดมักมีดีให้เห็นด้วยผลงาน ไม่ใช่พ่นน้ำลายออกมาอวยตัวเองจนน่ารำคาญ

เพราะอย่างนี้จึงมีพวกไม่อยากเห็นลุงตู่ทำงาน  ออกมาขัดขาท่าน  เพราะท่านยิ่งทำงานผลงานยิ่งดีขึ้นๆเป็นที่ประจักษ์

ดิฉันเชียร์ลุงตู่ นอกจากทำงานได้ดีแล้วท่านยังซื่อสัตย์เป็นที่ไว้วางใจได้  ว่าท่านไม่โกงเงินแผ่นดิน และจะไม่ให้ใครในรัฐบาลท่านโกงโดยเด็ดขาด

ยุคท่านถือว่า...เป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังจะพัฒนาดีขึ้น การเงินการคลังแข็งแกร่ง ก้าวผ่านวิกฤตต่างๆได้อย่างน่าชื่นชมค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่