ฐานะการคลังไทยแข็งแกร่ง จัดเก็บรายได้ทะลุเป้า บาทแข็งค่าต่อเนื่องสู่ 32.63 บาทในวันนี้
เงินบาทไทยแข็งค่าต่อเนื่องแตะ 32.63 บาท นักกลยุทธ์ทางการเงินมองระยะสั้นรอบนี้น่าจะแตะ 32.50 บาท สะท้อนความมั่นคงทางเศรษฐกิจและฐานะทางเงิน หลังกระทรวงการคลังจัดเก็บภาษีเกินเป้ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาท สู่ระดับ 6.33 แสนล้านบาทในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 22/23 เงินคงคลัง มีจำนวน 7.1 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็น สภาพัฒน์ฯเตรียมปรับประมาณการณ์ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย เป็น 3.5-4%
กระทรวงการคลังเผยการจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม – ธันวาคม 2565) จำนวน 633,139 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 73,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.3
โดยได้รับแรงหนุนตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภค และการค้าระหว่างประเทศ และยังมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน รายได้จากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และใบอนุญาตคลื่นวิทยุ รวมทั้งอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี
คาดว่ารายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2566 จะยังคงขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจ
การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการ จากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
หากไม่รวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากร ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 40,175 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.3
กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะมีรายได้นำส่งคลัง 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านบาท และมีการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 6.95 แสนล้านบาท
เงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 7.1 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นของภาครัฐ ภาพรวมฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2566 มีความมั่นคงและเข้มแข็ง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมทบทวนประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี pตามแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอีกด้วย
เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ และล่าสุดอยู่ที่ 32.690 บาทต่อดอลลาร์
เช้านี้เงินบาทแข็งค่าตามทิศทางของสกุลเงินอื่นในภูมิภาค หลังจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่า เนื่องจากเมื่อคืนวันศุกร์ มีท่าทีจาก สมาชิกของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่สนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% ใน 2 ครั้งติดต่อกัน ส่งผลให้เงินยูโรปรับ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า เคลื่อนไหวในกรอบ 32.60 – 32.95 บาท/ดอลลาร์ แต่คาดว่า การซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากหลายประเทศในเอเชียยังติดวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน
Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่าเงินบาทจะมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่ก็พร้อมผันผวนอ่อนค่าลง หากตลาดปิดรับความเสี่ยงและเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้จริง ทั้งนี้ เงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญในช่วง 33.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นต่างชาติก็รอจังหวะเพิ่มสถานะ Short USDTHB ตามความหวังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ขณะที่นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้กรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท วันนี้ที่ระดับ 32.60-32.95 บาท
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียปรับตัวขึ้นได้ดี จากความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและรายงานผลประกอบการโดยรวมออกมาแย่กว่าคาด นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ระบุ
ในสัปดาห์นี้ ควรระวัง รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯ, ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ Microsoft, ASML และ Tesla
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น ควรระวังเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์ขึ้นได้ หากตลาดเดินหน้าปิดรับความเสี่ยงต่อ (รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด) หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อาทิ อัตราเงินเฟ้อ PCE ไม่ได้ชะลอลงตามคาด ทำให้ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ธนาคารกรุงไทยคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในสัปดาห์นี้ ควรระวัง รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯ, ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ Microsoft, ASML และ Tesla เป็นต้น
ธนาคารกรุงไทยคาดการณ์ด้วยว่า ระดับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะยิ่งได้แรงหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +25bps สู่ระดับ 1.50% ในวันที่ 25 ม.ค. นี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.thunkhaotoday.com/news/investing/2223/%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88-3263-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89
อาคม” รัฐมนตรีคลังเอเปคแห่งปี 66
กรุงเทพฯ 23 ม.ค.- ขุนคลัง “อาคม” คว้ารางวัล Finance Minister of the Year 2023 ของเอเปค จากนิตยสาร The Banker งัดหลายมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ มาตรการคนละครึ่ง ช่วงปัญหาโควิด-19 เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคมเติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งปี2566 (Finance Minister of the Year 2023) ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากนิตยสาร The Banker ในเครือFinancial Times เป็นสิ่งพิมพ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำ ได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยนิตยสาร The Banker ได้กล่าวยกย่องการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของนายอาคม ทั้งการใช้หลายมาตรการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19
โดยเฉพาะมาตรการเศรษฐกิจ มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาทิ มาตรการคนละครึ่ง เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Economy) ผ่านมาตรการทางภาษีต่าง ๆ โดยภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนทำให้เศรษฐกิจไทยได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้กล่าวกับนิตยสาร The Banker ว่า การดำเนินนโยบายการคลังของไทยผ่านโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบการชำระเงินออนไลน์ ก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้มาตรการเยียวยาสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเข้าถึงเป้าหมายกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาวินัยทางการคลังในระยะที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงการคลังไทยสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาหลากหลายและยังสามารถบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้อย่างดี และปฏิบัติตามกฎหมายด้านวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในระยะยาว กระทรวงการคลังจะมุ่งรักษาสถานะทางการคลังที่เข้มแข็งและยั่งยืน มุ่งสู่ดุลการคลังแบบสมดุลภายใน10 ปี ข้างหน้า .-สำนักข่าวไทย
https://tna.mcot.net/business-1100168
นายกฯลุงตู่ เก่งในการบริหารโดยไม่ต้องคุยยกยอตัวเองเหมือนนายกฯหนีศาลเพราะคดีทุจริต
ท่านมีผลงานการันตี ปี2566นี้ รมว.คลัง ท่านอาคม ก็คว้ารางวัล Finance Minister of the Year 2023 ของเอเปค จากนิตยสาร The Banker เพราะนายกฯลุงตู่ส่งเสริมศักยภาพให้มาทำงานด้านนี้ ยุคอื่นๆก็เห็นจะมีแต่คุณกรณ์ พรรคชาติพัฒนากล้า สมัยอยู่ ปชป.เป็นรัฐมนตรีคลังโลก
ไม่เห็นยุคใดสมัยใดอีกเลยค่ะ
คนไม่โอ้อวดมักมีดีให้เห็นด้วยผลงาน ไม่ใช่พ่นน้ำลายออกมาอวยตัวเองจนน่ารำคาญ
เพราะอย่างนี้จึงมีพวกไม่อยากเห็นลุงตู่ทำงาน ออกมาขัดขาท่าน เพราะท่านยิ่งทำงานผลงานยิ่งดีขึ้นๆเป็นที่ประจักษ์
ดิฉันเชียร์ลุงตู่ นอกจากทำงานได้ดีแล้วท่านยังซื่อสัตย์เป็นที่ไว้วางใจได้ ว่าท่านไม่โกงเงินแผ่นดิน และจะไม่ให้ใครในรัฐบาลท่านโกงโดยเด็ดขาด
ยุคท่านถือว่า...เป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังจะพัฒนาดีขึ้น การเงินการคลังแข็งแกร่ง ก้าวผ่านวิกฤตต่างๆได้อย่างน่าชื่นชมค่ะ
🌺มาลาริน🌺ยุคลุงตู่ แข็งแกร่งทางการเงินการคลัง..มีรมว.คลังคว้ารางวัลเอเปค รายได้พุ่ง สภาพัฒน์เตรียมขยาย GDP เป็น3.5-4.0
เงินบาทไทยแข็งค่าต่อเนื่องแตะ 32.63 บาท นักกลยุทธ์ทางการเงินมองระยะสั้นรอบนี้น่าจะแตะ 32.50 บาท สะท้อนความมั่นคงทางเศรษฐกิจและฐานะทางเงิน หลังกระทรวงการคลังจัดเก็บภาษีเกินเป้ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาท สู่ระดับ 6.33 แสนล้านบาทในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 22/23 เงินคงคลัง มีจำนวน 7.1 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็น สภาพัฒน์ฯเตรียมปรับประมาณการณ์ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย เป็น 3.5-4%
กระทรวงการคลังเผยการจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม – ธันวาคม 2565) จำนวน 633,139 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 73,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.3
โดยได้รับแรงหนุนตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภค และการค้าระหว่างประเทศ และยังมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน รายได้จากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และใบอนุญาตคลื่นวิทยุ รวมทั้งอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี
คาดว่ารายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2566 จะยังคงขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจ
การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการ จากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
หากไม่รวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากร ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 40,175 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.3
กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะมีรายได้นำส่งคลัง 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านบาท และมีการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 6.95 แสนล้านบาท
เงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 7.1 แสนล้านบาท เป็นระดับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นของภาครัฐ ภาพรวมฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2566 มีความมั่นคงและเข้มแข็ง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมทบทวนประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี pตามแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอีกด้วย
เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ และล่าสุดอยู่ที่ 32.690 บาทต่อดอลลาร์
เช้านี้เงินบาทแข็งค่าตามทิศทางของสกุลเงินอื่นในภูมิภาค หลังจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่า เนื่องจากเมื่อคืนวันศุกร์ มีท่าทีจาก สมาชิกของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่สนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% ใน 2 ครั้งติดต่อกัน ส่งผลให้เงินยูโรปรับ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า เคลื่อนไหวในกรอบ 32.60 – 32.95 บาท/ดอลลาร์ แต่คาดว่า การซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากหลายประเทศในเอเชียยังติดวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน
Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่าเงินบาทจะมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่ก็พร้อมผันผวนอ่อนค่าลง หากตลาดปิดรับความเสี่ยงและเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้จริง ทั้งนี้ เงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญในช่วง 33.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นต่างชาติก็รอจังหวะเพิ่มสถานะ Short USDTHB ตามความหวังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ขณะที่นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้กรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท วันนี้ที่ระดับ 32.60-32.95 บาท
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียปรับตัวขึ้นได้ดี จากความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและรายงานผลประกอบการโดยรวมออกมาแย่กว่าคาด นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ระบุ
ในสัปดาห์นี้ ควรระวัง รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯ, ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ Microsoft, ASML และ Tesla
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น ควรระวังเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์ขึ้นได้ หากตลาดเดินหน้าปิดรับความเสี่ยงต่อ (รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด) หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อาทิ อัตราเงินเฟ้อ PCE ไม่ได้ชะลอลงตามคาด ทำให้ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ธนาคารกรุงไทยคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในสัปดาห์นี้ ควรระวัง รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯ, ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ Microsoft, ASML และ Tesla เป็นต้น
ธนาคารกรุงไทยคาดการณ์ด้วยว่า ระดับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะยิ่งได้แรงหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +25bps สู่ระดับ 1.50% ในวันที่ 25 ม.ค. นี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาคม” รัฐมนตรีคลังเอเปคแห่งปี 66
กรุงเทพฯ 23 ม.ค.- ขุนคลัง “อาคม” คว้ารางวัล Finance Minister of the Year 2023 ของเอเปค จากนิตยสาร The Banker งัดหลายมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ มาตรการคนละครึ่ง ช่วงปัญหาโควิด-19 เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคมเติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งปี2566 (Finance Minister of the Year 2023) ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากนิตยสาร The Banker ในเครือFinancial Times เป็นสิ่งพิมพ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำ ได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยนิตยสาร The Banker ได้กล่าวยกย่องการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของนายอาคม ทั้งการใช้หลายมาตรการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19
โดยเฉพาะมาตรการเศรษฐกิจ มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาทิ มาตรการคนละครึ่ง เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Economy) ผ่านมาตรการทางภาษีต่าง ๆ โดยภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนทำให้เศรษฐกิจไทยได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้กล่าวกับนิตยสาร The Banker ว่า การดำเนินนโยบายการคลังของไทยผ่านโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบการชำระเงินออนไลน์ ก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้มาตรการเยียวยาสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเข้าถึงเป้าหมายกลุ่มเปราะบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาวินัยทางการคลังในระยะที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงการคลังไทยสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาหลากหลายและยังสามารถบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้อย่างดี และปฏิบัติตามกฎหมายด้านวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในระยะยาว กระทรวงการคลังจะมุ่งรักษาสถานะทางการคลังที่เข้มแข็งและยั่งยืน มุ่งสู่ดุลการคลังแบบสมดุลภายใน10 ปี ข้างหน้า .-สำนักข่าวไทย
https://tna.mcot.net/business-1100168
นายกฯลุงตู่ เก่งในการบริหารโดยไม่ต้องคุยยกยอตัวเองเหมือนนายกฯหนีศาลเพราะคดีทุจริต
ท่านมีผลงานการันตี ปี2566นี้ รมว.คลัง ท่านอาคม ก็คว้ารางวัล Finance Minister of the Year 2023 ของเอเปค จากนิตยสาร The Banker เพราะนายกฯลุงตู่ส่งเสริมศักยภาพให้มาทำงานด้านนี้ ยุคอื่นๆก็เห็นจะมีแต่คุณกรณ์ พรรคชาติพัฒนากล้า สมัยอยู่ ปชป.เป็นรัฐมนตรีคลังโลก
ไม่เห็นยุคใดสมัยใดอีกเลยค่ะ
คนไม่โอ้อวดมักมีดีให้เห็นด้วยผลงาน ไม่ใช่พ่นน้ำลายออกมาอวยตัวเองจนน่ารำคาญ
เพราะอย่างนี้จึงมีพวกไม่อยากเห็นลุงตู่ทำงาน ออกมาขัดขาท่าน เพราะท่านยิ่งทำงานผลงานยิ่งดีขึ้นๆเป็นที่ประจักษ์
ดิฉันเชียร์ลุงตู่ นอกจากทำงานได้ดีแล้วท่านยังซื่อสัตย์เป็นที่ไว้วางใจได้ ว่าท่านไม่โกงเงินแผ่นดิน และจะไม่ให้ใครในรัฐบาลท่านโกงโดยเด็ดขาด
ยุคท่านถือว่า...เป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังจะพัฒนาดีขึ้น การเงินการคลังแข็งแกร่ง ก้าวผ่านวิกฤตต่างๆได้อย่างน่าชื่นชมค่ะ