ผมรู้ตัวว่าการกระทำบางอย่างของผมมันดูแปลก ๆ ไม่เหมือนอาจารย์ทั่วไปในโรงเรียน เช่น
1. เวลาคุยกับนักเรียนผมจะเรียกแทนตัวนักเรียนว่า "คุณ"
2. เวลามีการถ่ายเอกสารอะไรก็ตามมาแจกนักเรียน ผมจะไม่เก็บเงินนักเรียน ผมเห็นว่าเนื้อหาในหนังสือตรงนี้มันดีมีประโยชน์ก็เลยถ่ายเอกสารมาแจกแล้วอธิบาย นักเรียนไม่ต้องจ่ายเงินผมเพราะเขาไม่ได้ขอให้ผมทำ ผมอยากทำของผมเอง
3. วันไหนที่ผมลาไม่มาสอน ผมจะแจ้งนักเรียนห้องที่เรียนกับผมล่วงหน้าเสมอ และมอบหมายว่าให้ศึกษาด้วยตัวเองตรงไหนบ้าง แล้วเดี๋ยวเจอกันคราวหน้าผมจะมาสรุปให้อีกที
4. ผมไม่รับสอนพิเศษ ไม่เคยได้เงินค่าสอนพิเศษอะไรทั้งนั้น มีหลายครั้งเหมือนกันที่มีนักเรียนมาขอเรียน แต่ผมจะตอบกลับไปว่าถ้าคุณเรียนพิเศษกับผม เนื้อหาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่ผมสอนคุณในชั้นเรียน เพราะฉะนั้นอย่าเรียนเลยไม่ได้มีอะไรใหม่ ถ้าคุณไม่เข้าใจเนื้อหาตรงไหนมาหาที่โต๊ะได้พร้อมจะตอบทุกคำถาม แต่ไม่ต้องจ่ายเงินอะไรทั้งนั้น
5. ผมบอกนักเรียนที่เรียนกับผมแทบทุกคนว่าเวลาเรียนแล้วสงสัยอะไรให้ถาม ไม่ต้องกลัว ถึงมันจะไม่ได้อยู่ในตำราเรียนก็ถามมาเถอะไม่ต้องอาย แต่มีเพื่อนอาจารย์หลายคนบอกว่าครูไม่ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่อง ไปบอกเด็กแบบนี้ถ้าถามคำถามที่ครูตอบไม่ได้จะลำบากอีก อย่างวิชาคณิต คือถ้าไม่รู้ก็คือไม่รู้เลย แต่วิชาที่ผมสอนมันยังแถได้ (เขาเข้าใจแบบนั้น) ตอบกลับได้ว่าครูคิดแบบนี้นะแล้วเธอคิดยังไง อะไรแบบนี้ ผมก็เถียงกลับไปว่ารู้ไหมครับหลายครั้งเหมือนกันที่นักเรียนถามผมแล้วผมตอบไม่ได้ ผมก็บอกเขาไปว่า "ผมตอบคุณไม่ได้ครับ แต่เดี๋ยวจะไปหาคำตอบมาให้ เจอกันคาบเรียนหน้าจะมาตอบครับ" แต่ก็มีเพื่อนอาจารย์เถียงกลับว่าแค่ทำงานก็เหนื่อยแล้วต้องมาเหนื่อยกับอะไรแบบนี้อีก
นอกจากนี้ยังมีหลายครั้งที่ผมเสนอสิ่งที่น่าจะดีออกไปแต่ก็ไม่มีอาจารย์คนไหนสนใจ เช่นผมเสนอให้มีงบประมาณให้นักเรียนทำพานไหว้ครูนักเรียนจะได้ไม่ต้องออกตังค์เอง เสนอให้แบ่งงบมาซื้อคอมพิวเตอร์ให้เพียงพอกับทุกคนไม่ใช่ว่าแบ่งกันเรียนสองสามคนในเครื่องเดียว เสนอให้คนที่เรียนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน เสนอว่าเวลาพานักเรียนไปทัศนศึกษาต้องเตรียมรถบัสให้ที่นั่งเพียงพอกับนักเรียนทุกคนไม่ใช่ว่าให้อาจารย์กับนักเรียนหญิงนั่งแต่ให้นักเรียนชายยืน เสนอให้ทำห้องน้ำนักเรียนให้มีชักโครกแทนส้วมซึม ไม่มีใครสนใจเลยเอาแต่ไปใช้จ่ายพวกโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องแต่งกายของอาจารย์ ล้างแอร์ ติดแอร์เพิ่ม เพิ่มม้านั่ง บูรณะเสาธง จัดทริปสัมมนา ศึกษานอกสถานที่อะไรก็ไม่รู้
เมื่อสิ้นปีที่แล้วมีการแสดงของนักเรียน แล้วมีนักเรียนห้องนึงเขาเล่นละครล้อเลียนผม แต่งตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์ล้อเลียนผมว่า เอ้อ...อาทิตย์หน้าอาจารย์ไม่มา ให้พวกคุณทำอันนี้อันนั้น... อาจารย์ไม่เก็บค่าชีทนะบ้านอาจารย์รวย ขนาดสอนพิเศษยังไม่ต้องสอนเลย คุณต้องตั้งใจเรียนนะมีคำถามอะไรถามผมได้ ผมตอบได้ทุกอย่างแต่ขอเวลาให้ผมไปถามคนที่รู้ก่อน ต่าง ๆ นานา...
ทั้งอาจารย์และนักเรียนที่นั่งดูหัวเราะชอบใจกันมาก คือรู้เลยว่าหมายถึงผม ตอนแรกผมนั่งอยู่ข้างหลังก็มีนักเรียนกลุ่มนึงมาเรียกผมว่าอาจารย์ไปนั่งข้างหน้าเลยครับที่ยังว่าง ตอนแรกผมก็งงว่าจะให้ไปนั่งข้างหน้าทำไม ตอนนี้ผมรู้เลยว่าตอนเล่นละครล้อเลียนพวกนักเรียนต่างมองมาที่ผม อยากให้ทุกคนเห็นผมชัด ๆ เลยให้มานั่งข้างหน้า กล้องก็จับมาที่ผม คนถ่ายวีดิโอก็อัดภาพผมไว้ ผมก็ทำเป็นขำ ๆ หัวเราะไปเรื่อย
ไม่ใช่แค่นักเรียนล้อเลียนแบบนี้ แต่เพื่อนอาจารย์ด้วยกันก็ชอบพูดเหน็บ ว่าชวนไปเที่ยวคงไม่ไปหรอก คนนี้เขามีแต่สอนหนังสือ บ้านรวยไม่ต้องพยายามอะไรมาก โลกสวย ไม่อยู่บนความเป็นจริง ไม่เข้าใจโครงสร้างสังคม
ถ้าทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะทำยังไงกันครับ จะเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนคนอื่นจะได้ไม่เป็นจุดเด่น หรือจะทำสิ่งที่ตัวเองเชื่อต่อไปครับ
รู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกในโรงเรียน ทั้งนักเรียนและเพื่อนอาจารย์ด้วยกันชอบล้อ
1. เวลาคุยกับนักเรียนผมจะเรียกแทนตัวนักเรียนว่า "คุณ"
2. เวลามีการถ่ายเอกสารอะไรก็ตามมาแจกนักเรียน ผมจะไม่เก็บเงินนักเรียน ผมเห็นว่าเนื้อหาในหนังสือตรงนี้มันดีมีประโยชน์ก็เลยถ่ายเอกสารมาแจกแล้วอธิบาย นักเรียนไม่ต้องจ่ายเงินผมเพราะเขาไม่ได้ขอให้ผมทำ ผมอยากทำของผมเอง
3. วันไหนที่ผมลาไม่มาสอน ผมจะแจ้งนักเรียนห้องที่เรียนกับผมล่วงหน้าเสมอ และมอบหมายว่าให้ศึกษาด้วยตัวเองตรงไหนบ้าง แล้วเดี๋ยวเจอกันคราวหน้าผมจะมาสรุปให้อีกที
4. ผมไม่รับสอนพิเศษ ไม่เคยได้เงินค่าสอนพิเศษอะไรทั้งนั้น มีหลายครั้งเหมือนกันที่มีนักเรียนมาขอเรียน แต่ผมจะตอบกลับไปว่าถ้าคุณเรียนพิเศษกับผม เนื้อหาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่ผมสอนคุณในชั้นเรียน เพราะฉะนั้นอย่าเรียนเลยไม่ได้มีอะไรใหม่ ถ้าคุณไม่เข้าใจเนื้อหาตรงไหนมาหาที่โต๊ะได้พร้อมจะตอบทุกคำถาม แต่ไม่ต้องจ่ายเงินอะไรทั้งนั้น
5. ผมบอกนักเรียนที่เรียนกับผมแทบทุกคนว่าเวลาเรียนแล้วสงสัยอะไรให้ถาม ไม่ต้องกลัว ถึงมันจะไม่ได้อยู่ในตำราเรียนก็ถามมาเถอะไม่ต้องอาย แต่มีเพื่อนอาจารย์หลายคนบอกว่าครูไม่ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่อง ไปบอกเด็กแบบนี้ถ้าถามคำถามที่ครูตอบไม่ได้จะลำบากอีก อย่างวิชาคณิต คือถ้าไม่รู้ก็คือไม่รู้เลย แต่วิชาที่ผมสอนมันยังแถได้ (เขาเข้าใจแบบนั้น) ตอบกลับได้ว่าครูคิดแบบนี้นะแล้วเธอคิดยังไง อะไรแบบนี้ ผมก็เถียงกลับไปว่ารู้ไหมครับหลายครั้งเหมือนกันที่นักเรียนถามผมแล้วผมตอบไม่ได้ ผมก็บอกเขาไปว่า "ผมตอบคุณไม่ได้ครับ แต่เดี๋ยวจะไปหาคำตอบมาให้ เจอกันคาบเรียนหน้าจะมาตอบครับ" แต่ก็มีเพื่อนอาจารย์เถียงกลับว่าแค่ทำงานก็เหนื่อยแล้วต้องมาเหนื่อยกับอะไรแบบนี้อีก
นอกจากนี้ยังมีหลายครั้งที่ผมเสนอสิ่งที่น่าจะดีออกไปแต่ก็ไม่มีอาจารย์คนไหนสนใจ เช่นผมเสนอให้มีงบประมาณให้นักเรียนทำพานไหว้ครูนักเรียนจะได้ไม่ต้องออกตังค์เอง เสนอให้แบ่งงบมาซื้อคอมพิวเตอร์ให้เพียงพอกับทุกคนไม่ใช่ว่าแบ่งกันเรียนสองสามคนในเครื่องเดียว เสนอให้คนที่เรียนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน เสนอว่าเวลาพานักเรียนไปทัศนศึกษาต้องเตรียมรถบัสให้ที่นั่งเพียงพอกับนักเรียนทุกคนไม่ใช่ว่าให้อาจารย์กับนักเรียนหญิงนั่งแต่ให้นักเรียนชายยืน เสนอให้ทำห้องน้ำนักเรียนให้มีชักโครกแทนส้วมซึม ไม่มีใครสนใจเลยเอาแต่ไปใช้จ่ายพวกโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องแต่งกายของอาจารย์ ล้างแอร์ ติดแอร์เพิ่ม เพิ่มม้านั่ง บูรณะเสาธง จัดทริปสัมมนา ศึกษานอกสถานที่อะไรก็ไม่รู้
เมื่อสิ้นปีที่แล้วมีการแสดงของนักเรียน แล้วมีนักเรียนห้องนึงเขาเล่นละครล้อเลียนผม แต่งตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์ล้อเลียนผมว่า เอ้อ...อาทิตย์หน้าอาจารย์ไม่มา ให้พวกคุณทำอันนี้อันนั้น... อาจารย์ไม่เก็บค่าชีทนะบ้านอาจารย์รวย ขนาดสอนพิเศษยังไม่ต้องสอนเลย คุณต้องตั้งใจเรียนนะมีคำถามอะไรถามผมได้ ผมตอบได้ทุกอย่างแต่ขอเวลาให้ผมไปถามคนที่รู้ก่อน ต่าง ๆ นานา...
ทั้งอาจารย์และนักเรียนที่นั่งดูหัวเราะชอบใจกันมาก คือรู้เลยว่าหมายถึงผม ตอนแรกผมนั่งอยู่ข้างหลังก็มีนักเรียนกลุ่มนึงมาเรียกผมว่าอาจารย์ไปนั่งข้างหน้าเลยครับที่ยังว่าง ตอนแรกผมก็งงว่าจะให้ไปนั่งข้างหน้าทำไม ตอนนี้ผมรู้เลยว่าตอนเล่นละครล้อเลียนพวกนักเรียนต่างมองมาที่ผม อยากให้ทุกคนเห็นผมชัด ๆ เลยให้มานั่งข้างหน้า กล้องก็จับมาที่ผม คนถ่ายวีดิโอก็อัดภาพผมไว้ ผมก็ทำเป็นขำ ๆ หัวเราะไปเรื่อย
ไม่ใช่แค่นักเรียนล้อเลียนแบบนี้ แต่เพื่อนอาจารย์ด้วยกันก็ชอบพูดเหน็บ ว่าชวนไปเที่ยวคงไม่ไปหรอก คนนี้เขามีแต่สอนหนังสือ บ้านรวยไม่ต้องพยายามอะไรมาก โลกสวย ไม่อยู่บนความเป็นจริง ไม่เข้าใจโครงสร้างสังคม
ถ้าทุกคนตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะทำยังไงกันครับ จะเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนคนอื่นจะได้ไม่เป็นจุดเด่น หรือจะทำสิ่งที่ตัวเองเชื่อต่อไปครับ