ยังบลัด รวมไทยสร้างชาติ เนเน่-รัดเกล้า สุวรรณคีรี บนถนนการเมืองที่เลือกแล้ว

“พรรครวมไทยสร้างชาติ”ที่ชูพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ในความสนใจของทุกฝ่ายว่าจะมีการขับเคลื่อนทางการเมืองต่อจากนี้ต่อไปอย่างไร



          จุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ รวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคการเมืองที่มีคนรุ่นใหม่-หน้าใหม่ทางการเมืองที่มีโปรไฟล์การศึกษา การทำงาน ที่ดี และน่าสนใจ มาทำงานการเมืองร่วมกันที่พรรครวมไทยสร้างชาติจำนวนไม่น้อย โดยมีทั้งที่จะลงสมัครส.ส.ระบบเขตและบัญชีรายชื่อ รวมถึงมาช่วยงานพรรคในเรื่องการวางนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ ให้กับพรรค

          โดยหนึ่งในนักการเมืองหน้าใหม่-คนรุ่นใหม่ๆทางการเมือง ที่เข้ามาร่วมทีม-เสริมทัพให้กับรวมไทยสร้างชาติที่น่าสนใจก็คือ "รัดเกล้า สุวรรณคีรี หรือเนเน่"บุตรสาวคนเดียวของ “ดร.​ไตรรงค์  สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี -แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ” นักการเมืองอาวุโสที่ผ่านตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมามากมาย

ซึ่งก่อนหน้าจะเข้าสู่ถนนการเมือง “รัดเกล้า-เนเน่”เคยผ่านงานภาคเอกชนมาก่อน โดยทำงานกับบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทยมาหลายแห่ง เช่น​ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)หรือปตท.สผ. -บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และล่าสุด เป็นผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือดีแทค เป็นต้น แต่ขณะนี้ได้เลือกเส้นทางชีวิตด้วยการเดินเข้าสู่ถนนการเมืองเต็มตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากเป็นคนหนึ่งที่ได้ไปร่วมระดมความคิดเห็นเรื่องการแก้ปัญหาประเทศ การออกนโยบายต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ยังไม่มีการเปิดตัวตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ

          เริ่มต้นที่"รัดเกล้า-เนเน่"นักการเมืองหน้าใหม่ ได้เล่าถึงประวัติชีวิตส่วนตัว การศึกษา และการทำงาน รวมถึงเหตุผลที่สนใจการเมือง จนตอนนี้เข้าสู่ถนนการเมืองครั้งแรกในชีวิตกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเธอเล่าให้ฟังว่า เนเน่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวของนักการเมือง ตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นคุณพ่อในบทบาทของนักการเมืองมาตลอด เราได้เห็นเป็นตัวอย่างว่าเส้นทางสายนี้ทำให้คนคนหนึ่งสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้  ซึ่งเป็น passion เป็นความตั้งใจที่เราอยากทำมาโดยตลอด

          เรารู้สึกว่าเกิดมาครั้งหนึ่งแล้ว มีโอกาสที่คุณพ่อ คุณแม่ สร้างให้ ทำให้เรามีการศึกษาที่ดี มีประสบการณ์ได้เห็นโลก ได้อยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งในทุกๆ วันเรารู้สึกขอบคุณ เพราะเรารู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสอย่างนี้ เราโชคดีมาก และในเมื่อเราได้รับโอกาสนี้มาจากคุณพ่อคุณแม่แล้ว ได้มีความรู้ มีความสามารถ  ถ้ามีสักวันหนึ่งที่เราจะมีโอกาสได้นำสิ่งเหล่านั้นมาต่อยอด  มาสร้างประโยชน์กลับคืนให้กับสังคม ให้กับประเทศชาติ สร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้นมาได้  จะทำน้อย หรือทำมาก ก็ตาม   เราควรจะทำ  มันเป็นบทบาทและหน้าที่ของคนที่มีโอกาสมากกว่า ที่ควรสละตน ทำเพื่อให้ชีวิตของคนที่เขามีโอกาสน้อยกว่าดีขึ้นมาได้  อย่างน้อยๆ ตัวเราเองจะได้ตายตาหลับ เพราะรู้แล้วเราไม่เสียชาติเกิด 

เรารู้สึกคุ้มแล้ว ที่ได้เกิดมา
          ....เน่คิดอย่างนี้จริงๆ นะคะ และอยากชวนคนไทยหลาย ๆ คนที่ได้รับโอกาสของการได้ “มีมากกว่า” อย่างเน่ ให้คิดอย่างนี้กันให้เยอะ ๆ ถ้าทุกท่านคิดได้ ทำคนละนิด คนละหน่อย คำว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” จะได้เปลี่ยนมาเป็น “กระจายโอกาส สร้างความเท่าเทียมอย่างไร้กระจุก” ค่ะ แต่หากถามว่า คิดแบบนี้ มาตั้งแต่เด็กเลยไหม ก็ต้องตอบว่าไม่นะคะ เราเคยมีช่วงหนึ่งที่เรามุ่งมั่นไขว่คว้าความฝัน เหมือนที่วัยรุ่น ทุกๆ คนเป็นกัน เราไม่ได้คิดไปไกลมากกว่าการมุ่งมั่นทำฝันของเราให้เป็นจริงเลย

          ตอนเรียนปริญญาตรีอยู่ที่ซานฟรานสซิสโก ที่สหรัฐอเมริกา เราเรียนทางด้าน Computer Arts โดยโฟกัสหลักในด้านการพัฒนาซอฟท์แวร์ Video Game   ซึ่งในระหว่างที่อยู่ในปีสุดท้ายของการเรียน ก็ได้ไปฝึกงานที่บริษัททำเกมส์สัญชาติเยอรมันที่อยู่ที่ San Francisco ด้วยความที่เราทำงานได้ดี มีความสามารถ บริษัทตัดสินใจจ้างงานเราต่อทันที อนาคตด้านการงานเราค่อนข้างไกล ระหว่างทำงานประจำก็ยังมีโอกาสได้ทำ project ดีๆ สนุกๆ กับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติควบคู่ไปด้วย

            บริษัทสุดท้ายที่ได้ทำงานด้วยคือ Electronic Arts หรือ EA ที่ Headquarter ของเขาอยู่แถวๆ Silicon Valley ถ้าเป็นสายเกมเมอร์คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักบริษัทนี้  เขาเป็นบริษัทเกมส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราทำงานได้ดีเข้าสายตาของผู้บริหาร และโดยวางตัวไว้ว่าให้เติบโตไปในสายบริหารต่อไป ตอนนั้นคือเราเหมือนได้เดินชีวิตตามความฝันเลย
 
ข่าว. https://www.thaipost.net/articles-news/307569/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่