รายรับเฉลี่ยแสนสอง แต่ภาระหนี้เกิน50% พอจะกู้บ้านราคาประมาณ8ล้านไหวมั้ยครับ

*----- หนี้สิน ----* รวม 65,000 บาท /เดือน (ชำระทุกเดือนไม่เคยเสียประวัติ) เป็นรายละเอียดดังนี้
1. คอนโด ผ่อน 10,000บาท/เดือน (ยอดชำระค้าง 9แสนบาท)
2. รถ ผ่อน 15,000บาท/เดือน (ยอดค้าง2แสนบาท)
3. บัตรเครดิตชำระเกินขั้นต่ำ 15,000บาท/เดือน (ยอดชำระเต็มวงเงิน 120,000บาท) 
4. สินเชื่อบุคคล 25,000บาท/เดือน (ยอดชำระเต็ม 7แสนบาท)

*----- รายรับ ----* แบ่งเป็นสามก้อนดังนี้
1. เงินเดือน 120,000บาท/เดือน
2. Incentive 5,500บาท/เดือน
3. โบนัส    = 300,000บาท/ปี
ปล.มีเงินเก็บประมาณ3แสนบาทครับ

** คำถาม ** ถ้าผมอยากจะยื่นกู้ซื้อบ้านมือ1 ในราคาประมาณ 7-8 ล้านบาท พอจะสามารถกู้ได้มั้ยครับ 
** โฟกัสขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อนะครับ เพราะมีช่องทางช่วยเรื่องความสามารถในการผ่อนครับ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 22
โอ้โหใช้ชีวิตประมาทดีนะครับ ไม่เผื่อวันที่ล้มเลย ไม่เผื่อวันที่โดนไล่ออกจากงาน โดนปลดจากงาน หรือไม่มีรายได้เลยนะครับ

แทบอยากจะปรบมือให้ในความกล้าได้ กล้าเสีย และความขยัน มีรายจ่ายผูกพันธ์ และผ่อนชำระแบบขั้นต่อไปจนตาย

ถ้าจะให้แนะนำเรื่องอยากได้บ้านที่เพ้อฝันหลังละ 8-9 ล้านบาทหลังนั้น ผมขอเวลาคุณสัก 3 ปี ปลดภาระก้อนปัจจุบันทั้งหมดเป็น 0 คุณจะทำได้ไหม

3 ปีเท่านั้น ในทางความเป็นไปได้นะ

ก่อนอื่น รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ไม่รวมโบนัส 125,500 บาท หักลบรายจ่ายประจำ 65,000 บาท คงหลือ 60,500 บาทต่อเดือน ไม่ทราบเงินก้อนนี้มีเก็บเท่าไหร่ รายจ่ายอื่นๆ ความอยากได้ อยากมี โลภ และความฟุ่มเฟือย 60,500 นี้ คุณเหลือเก็บเท่าไหร่? ถ้าเหลือน้อยกว่า 50% เลิกเพ้อฝันถึงบ้านหลังงามหลังนั้นได้เลยพ่อหนุ่มครับ

ต่อมาจะทำยังไงให้ความเพ้อฝันกลายเป็นจริง ใช่ครับ คุณไม่มีปัญญาซื้อบ้านหลังนั้นด้วยเงินสดแน่นอน และเชื่อได้เลยว่ากว่าคุณจะหาเงินสดมาซื้อบ้านหลังนั้นได้ ใช้เวลานับสิบๆปี ถึงตอนนั้นบ้านหลังนั้นคงไม่อยู่แล้ว และแน่นอนทางออกสุดท้ายของคุณก็คือการ กู้ยืม

จะทำยังไงถึงจะกู้บ้านที่ราคา 9 ล้านบาท กับเงินเดือนที่เหลือจิ๊บจ้อยของคุณหน่ะเหรอ ให้มันผ่าน ก็แน่นอนกำจัดรายจ่ายเดิมออกไปให้หมด และหยุดสร้างหนี้ใหม่เสียที การที่คุณจะผ่อนบ้านหลังละ 9ล้านบาท คุณต้องผ่อนตกเดือนละ 60 - 65K แน่นอนเทียบเท่าหนี้สินของคุณที่ต้องจ่ายต่อเดือนในตอนนี้ คุณไม่มีทางทำได้ในตอนนี้ เอาอะไรมาการันตรีก็ได้

เรามาจัดเส้นทางฝันเฟื่องให้คุณกันดีกว่า เงินสดที่มี 300,000 บาท ขอแนะนำบิดบัญชีออกมาครับ ตัดหนี้ที่สามารถตัดได้ก่อน และดอกแพง
1. คอนโด ผ่อน 10,000บาท/เดือน (ยอดชำระค้าง 9แสนบาท)
2. รถ ผ่อน 15,000บาท/เดือน (ยอดค้าง2แสนบาท)
3. บัตรเครดิตชำระเกินขั้นต่ำ 15,000บาท/เดือน (ยอดชำระเต็มวงเงิน 120,000บาท)
4. สินเชื่อบุคคล 25,000บาท/เดือน (ยอดชำระเต็ม 7แสนบาท)
จากทั้งหมด 4 ข้อที่กล่าวมาดอกเบี้ยข้อ 1 และ 4 แพงสุดครับ  แต่เงินเก็บอันน้อยนิดของคุณไม่สามารถปิดยอดหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงสุดได้ ฉะนั้น

แผน 2 ของเราคิดปิดหนี้ ที่ปิดได้เพื่อลดรายจ่ายลง จากในนั้นข้อ 2 และ 3 สามารถทำได้ทันที 2 ยอดดังกล่าวมีมูลค่ารวมกันเท่าๆกับเงินในบัญชีที่คุณมี ฉะนั้น ปิดยอด 2 และ 3 ก่อน ปิดด่วนๆ ปิดไปเลยยยยยยยยยยยยย

ต่อจากนั้นคุณจะมียอดหนี้คงเหลือรวมกันที่ต้องผ่อนต่อเดือนเพียง 10,000 + 25,000 บาท ครับ ยอดหนี้ลดลงไป 30,000 บาท และใช้คุณยังไม่สามารถนำเงิน 30,000 ที่พึ่งดึงกลับมาจากรายจ่ายให้เป็นรายได้ ไม่สามารถใช้มันได้ครับ

คุณยังต้องหยอดกระปุกต่อไปซึ่งในหนึ่งปี 12x30,000 คุณจะมีเงินในกระปุก 360,000 บาทครับ + โบนัสของคุณอีก 300,000 บาท เท่ากับคุณจะมีเงินหยอดกระปุก รวมแล้ว 660,000 บาทครับ

เอาละทีนี้เรามามองกันว่ายอดหนี้สินตัวไหนใกล้เคียงกับตัว 660,000 บาทที่เรามีบ้าง ใช่ครับ ข้อที่ 4 ตอนนั้นยอดหนี้เต็มมันน่าจะเหลือใกล้เคียงเงินในกระปุกของคุณ ซึ่งคุณ จำเป็น ขอใช้คำนี้นะครับว่า จำเป็นต้อง ปิดข้อนี้ไป

เมื่อคุณปิดหนี้ไปแล้ว 3 ข้อ นั้นคือ 2, 3 และ 4 ยอดหนี้ที่คุณผ่อนต่อเดือน จะหายไป 15,000 + 15,000 + 25,000 แน่นอนครับ คุณจะมีรายรับกลับเข้ามา 55,000 บาท และเช่นเดิมคุณยังไม่สามารถใช้เงินก้อนนี้ได้ครับ มันคือเงินปลดหนี้ชีวิตของคุณในก้อนสุดท้าย ถ้าคุณไม่สร้างหนี้ใดๆเพิ่มขึ้นมา จากสมองอันชาญฉลาดของคุณ

ผ่านไป 1 ปีแรก จากเดิมยอดหนี้ผ่อนต่อเดือน 65,000 กลับกลายมาคงเหลือยอดหนี้ที่ต้องผ่อน 10,000 บาทถ้วน จากมูลค่าหนี้สินรวม 1,920,000 บาท ซึ่งปัจจุบันมูลค่าหนี้ของคุณเหลือเพียง 900,000 ซึ่งถ้ามองจากยอดเต็ม มูลค่าหนี้หายไปเพียง 50% เท่านั้น แต่มูลค่าเงินที่ต้องจ่ายต่อเดือน หายไปร่วม 80% ครับ ใช่ครับ วางแผนเป็นชีวิตง่ายขึ้นไหม และขอให้อดทนอีก 2 ปี

ปีที่ 2 ให้คุณเก็บเงิน 55,000 x 12 ภายในหนึ่งปีนั้นคุณจะมีเงินในกระปุก 660,000 บาท + โบนัส 300,000 บาท = ตอนนี้คุณมีเงินในกระปุก 960,000 บาท ว้าว มันว้าวมากใช่มะ แค่ 2 ปี 24 เดือน จากความเพ้อฝันที่อยากมีบ้านมูลค่า 9ล้านบาทใกล้ความจริงเข้ามา ครับทำตามเดิม

นำเงิน 960,000 บาทในกระปุก ไปตัดคอนโดครับ และชีวิตตอนนี้คุณมีอิสระภาพทุกอย่าง ภายใน 24 เดือน หรือเรียกง่ายๆ 2 ปี คุ้มไหม?

ถึงตอนที่ยากที่สุดแล้วครับ ปีที่ 3 ซึ่งคุณจะไม่อยากทำตาม เพราะคุณมีอิสระแล้ว คุณไม่อยากทำตามหรอก ผมรู้ แต่ถ้าคุณทำได้มันคือความเจ๋งที่สุดที่คุณจะสามารถทำความเพ้อฝันตอนแรกที่ผมพูดให้เป็นจริงได้ โดยการนำเงิน 65,000 บาท x 12 เดือนในปีที่ 3 = 780,000 บาท มาบวกโบนัสปีสุดท้าย 300,000 บาท เงินในกระปุก 1,080,000 บาท ครับนั่นคือเงินรางวัลเอาไปต่อเติมความฝัน โดยการดาวน์บ้านหลังนั้นด้วยเงินก้อนนี้

และในที่สุดมาถึงบรรทัดนี้ ถ้าคุณใช้แผนที่ผทกล่าวมาได้จนถึงบรรทัดนี้ ผมขอ Respect คุณในความอดทนที่ยอมเสียสละ 36 เดือน ในการทำตามขี้ปากคนอื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ เขาแค่ชี้ทางให้คุณรู้ว่าคุณควรจัดการสิ่งที่มียังไง และใช้มันพัฒนาต่อยอดมันต่อไปยังไงครับ

ถ้าคุณทำได้ ในอีก 36 เดือน ของสิ่งเดียวได้ไหมครับ แลกกับสิ่งที่ผมพิมพ์มาทั้งหมดนี้ ทักข้อความมาบอกถึงความสำเร็จให้ฟังหน่อย มันสวยงามแค่ไหน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่ไหวแน่นอน
ถ้าไหว ต้องมีเงินเก็บไปแล้ว 1 ปีน่าจะเก็บได้ราว 5แสนขึ้นไป
ถ้าไหว แล้วจะดองหนี้ บัตรเครดิต หนี้บุคคล เพื่อ ?


เพราะหนี้ ดอกแสนแพง ทำงานมาจ่ายดอกบัตรเครดิต ดอกราว 15% สินเชื่อบุคคล ดอกเบี้ย ราว 7%  ดองหนี้ จ่ายดอกให้เดือนละหลายตังค์  เสียดายนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่