Epidemic โดย ดรัสวันต์

กระทู้คำถาม
Epidemic
                   ดรัสวันต์


เรื่องสั้นนี้เขียนเมื่อ ปี 2559  ก่อนที่โควิด 19 จะแพร่ระบาด


        หมู่บ้านโนนแดงแห่งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านนานาชาติ เพราะมีเขยฝรั่งหลายชนชาติต่างพากันมาใช้ชีวิตที่นี่ นั่นคือผลพวงของการที่หมู่บ้านแห่งนี้มีสาวผิวคล้ำปราศจากดั้ง ที่ฝรั่งตะวันตกบอกว่าเธอเหล่านี้สวยมากในสายตาของพวกเขา นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกหมู่บ้านชายที่ส่วนใหญ่เคยไปใช้แรงงานในประเทศแถบทะเลทรายมาแล้ว 

       จึงน่าจะเรียกหมู่บ้านนี้ว่า....ว่าอะไรดี  โนนแดง อินเตอร์เนชั่นแนล วิลเลจ?  เพราะชาวบ้านกว่าครึ่งสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับเขยต่างชาติได้สบาย

       ยุพินก็เป็นหนึ่งในสาวแกร่งที่เคยผ่านงานในต่างประเทศมาแล้ว หล่อนเคยไปทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวในบ้านเศรษฐีชาวอาหรับที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จนสามารถเก็บเงินได้ก้อนใหญ่เพียงพอสำหรับการกลับมาลงทุนค้าขายที่เมืองไทย แต่ความน่ารักอ่อนโยนและความสวยแปลกตา
ในสายตาหนุ่มต่างชาติของยุพิน ก็ทำให้หล่อนมีหนุ่มชาวซาอุฯ มาติดพัน  เขาชื่อซาอิด

       แรกๆ ยุพินก็ไม่คิดอะไรมาก มีผู้ชายมาคุยด้วยก็คุย ทำไปทำมาซาอิดทำท่าว่าจะเอาจริง เขาบอกรักยุพินและต้องการแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน แม้ยุพินจะมีข้อแม้ว่าถ้าจะแต่งงานกับเธอ เขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาที่ต้องปรับตัวกับสภาพความเป็นอยู่และ
วิถีชีวิตที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว และแถมยังมีเรื่องศาสนาที่แตกต่างอีกด้วย แต่ซาอิดก็ไม่ย่อท้อกับการที่เขาจะเป็นมุสลิมคนเดียวในหมู่บ้านคนพุทธ 

       แน่ล่ะที่ซาอิดดูจะหลงรักยุพินมากมาย แต่ยุพินซิ หล่อนไม่ยอมรักใครง่ายๆ และหากถึงขั้นจะแต่งงานด้วยแล้ว หล่อนจะต้องมั่นใจว่าจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่า เพราะฉะนั้นหล่อนจึงอยากทดสอบซาอิด ให้เขาลองมาเที่ยวบ้านนอกของหล่อนดูสักครั้งว่าเขาจะทนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้จริงไหม ก่อนที่จะตกลงแต่งงานกัน  ซึ่งซาอิดก็ยินดี

      ยุพินและซาอิดกลับมาถึงเมืองไทย โดยมีญาติๆ ของยุพินแห่กันไปรับที่สนามบิน โดยเฉพาะแม่ยุพาที่ดีใจมากกว่าใครๆ เพราะจะได้เห็นหน้าลูกสาว
ที่จากไปนานถึง 5 ปี แถมยังมีว่าที่ลูกเขยตามติดมาอีกด้วย

      “เขาหล่อนะ” ผู้เป็นแม่กระซิบบอกหลังจากได้รับการแนะนำให้รู้จักหนุ่มซาอุฯ ผิวขาวหน้าคมเข้ม ยุพินสอนให้ซาอิดรู้จักธรรมเนียมการไหว้ทักทายของคนไทย  ซาอิดเลยไหว้ทุกคนที่เขาเจอ ไม่เว้นยามที่ประตูสนามบิน

      ครั้นพอไปถึงหมู่บ้าน ก็มีชาวบ้านออกมามุงดู เด็กๆ พากันมาห้อมล้อมคนแปลกหน้า ซึ่งในสายตาของซาอิดแล้ว เขาคิดว่าเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นราวกับเขาเป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียง เพราะไม่เคยเลยในชีวิตที่พ่อค้าขายถั่วในตลาดอย่างเขาจะมีคนสนใจมอง

      นอกจากมีคนชมว่าซาอิดหล่อแล้ว ยังมีคนแอบมากระซิบถามยุพินอีกว่า เขารวยไหม

      “รวยซิ  เขาเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเลยล่ะ”  ยุพินแกล้งโกหกประชดไปอย่างนั้น ซึ่งก็ได้ผลสำหรับคนบางคนที่ทำตาโตตื่นเต้น แต่กับบางคน มุกนี้ไม่ได้ผล

      “เอ็งอย่ามาโกหกหน่อยเลยนังยุพิน เจ้าของบ่อน้ำมันที่ไหนจะมาสนใจผู้หญิงอย่างเอ็ง ใครเชื่อออกลูกเป็นหมา”

      ยุพินได้แต่ยกไหล่และหัวเราะขำอย่างไม่ถือสาหาความ ส่วนคนที่ทำตาโตเชื่อคำพูดของหล่อนก็อดสะดุ้งไม่ได้เพราะกลัวออกลูกเป็นหมา

      ซาอิดมาอยู่ได้สองวันเขาก็เริ่มทำความรู้จักกับเขยต่างชาติคนอื่นๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ มันทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเท่าใดนัก ที่ไม่ใช่มีแต่เขาที่เป็นคนต่างชาติ มันทำให้ซาอิดเชื่อว่าเขาคงจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่เขารักที่เมืองไทยแห่งนี้ไปจนตลอดชีวิต

     ความที่ยุพินเคยทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวอยู่ที่บ้านเศรษฐีซาอุฯ มาก่อน หล่อนจึงสามารถทำอาหารพื้นเมืองซาอุฯ ให้ซาอิดทานได้อย่างถูกปาก 
เช่นนี้แล้ว ซาอิดคิดว่าเขาไม่ลำบากแน่นอน เพียงแต่พิธีกรรมทางศาสนาอิสลามเท่านั้น ที่เขาคงต้องไปเสาะแสวงหาว่าในจังหวัดนี้มีสุเหร่าหรือไม่ 
อยู่ที่ไหน

     เพียงเวลา 4 วันที่ซาอิดมาใช้ชีวิตที่บ้านโนนแดงนี้ เขาก็สามารถตัดสินใจได้แล้วว่า เขาสามารถใช้ชีวิตที่เมืองไทยได้อย่างแน่นอน เขาเน้นย้ำเรื่องการแต่งงานกับยุพิน

     “แน่ใจแล้วหรือ” ยุพินถาม ไม่เพียงย้ำกับเขา แต่เหมือนย้ำกับตัวเองว่าหล่อนพร้อมและแน่ใจกับผู้ชายคนนี้แน่แล้วหรือ

      “แน่ซิ” ซายิดตอบยืนยันแล้วจู่ๆ เขาก็จามออกมา แม้จะพยายามปิดปากแล้ว แต่ก็ยังน้ำมูกน้ำลายบางส่วนกระเด็นมาโดนคนที่อยู่แนบชิด

     “เป็นหวัดหรือนี่” ยุพินถามอย่างกังวลพลางยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม “ตัวร้อนด้วยซิ”

      ซาอิดมองการดูแลของคนรักอย่างซาบซึ้ง เขาต้องการผู้หญิงแบบนี้ ผู้หญิงที่ใส่ใจอาทร แถมในความอ่อนหวานก็ยังมีความเข้มแข็ง เป็นธุระโน่นนี่ให้เขาได้อย่างดี 

     “เดี๋ยวทานยาแก้ไข้แก้หวัดหน่อยนะคะ” 

      “ขอบคุณ  ผมรักคุณจังเลย” ซาอิดกล่าวอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ

      ยุพินยิ้มเอียงอาย ปลาบปลื้มใจอยู่ไม่น้อยที่ผู้หญิงบ้านนอกแสนธรรมดา ไม่ได้สะสวยอย่างหล่อนจะมีใครสักคนมารักและอยากร่วมชีวิตด้วย

      “ผมจะกลับไปเตรียมเรื่องแต่งงานของเรานะ คงกลับไปไม่นาน แล้วจะขนของอพยพมาอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย”

      “ญาติพี่น้องของคุณเขาคง...” 

      “เขาต้องยินดีกับเรา พวกเขาอาจจะคิดถึงผมบ้าง แต่เขาก็มาเยี่ยมเราได้ ถือโอกาสมาเที่ยวเมืองไทยซะเลย ส่วนผม กะว่าทุกสองสามปีจะกลับไปเยี่ยมบ้านสักหน่อย คุณจะว่าอะไรไหม”

      ยุพินสั่นหน้าปฏิเสธ ยามนี้หล่อนมีความสุขแทบล้นอก หล่อนกำลังจะแต่งงานกับเจ้าบ่าวหนุ่มหล่อชาวต่างชาติ หล่อนจะมีโอกาสได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านที่ต่างประเทศพร้อมกับเขาบ้างเป็นครั้งคราว  ดูโก้เก๋ไม่แพ้ผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านที่แต่งงานกับฝรั่ง

      สองวันต่อมาซาอิดก็เดินทางกลับซาอุฯ ท่ามกลางความห่วงใยของยุพิน

      “ไข้หวัดของคุณยังไม่หายดีเลยนะ จะเดินทางไหวหรือ”

       “ผมอาจจะแพ้อากาศ หรือแพ้ฝุ่นที่นี่ก็ได้”  เขาพยายามหาเหตุผลของความป่วยไข้นี้ “ไม่เป็นไรหรอก กลับไปถึงที่โน่นแล้ว ผมรู้จักหมอที่เก่งมาก
คนหนึ่ง เขาจะดูแลผมเอง”  เขายืนยันแล้วดึงคนรักมาจูบลาก่อนที่จะเดินเข้าไปยังทางออกขึ้นเครื่อง ของสนามบินประจำจังหวัดที่ยุพินมาคอยส่ง
ซาอิดขึ้นเครื่องบินภายในประเทศจากจังหวัดขอนแก่นเพื่อไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนจะต่อสายการบินนานาชาติไปยังประเทศของตนอีกที

        ระหว่างที่ห่างไกลกันนี้ คนรักทั้งสองจะส่งข้อความถึงกันตลอด นอกจากช่วงอยู่บนเครื่องบินที่ซาอิดจะงดใช้อุปกรณ์สื่อสาร แต่เขาสัญญาว่าจะโทรศัพท์กลับมาหายุพินทันทีที่ถึงเมืองริยาร์ด
 

       เกินกว่า 12 ชั่วโมงแล้ว ยุพินคาดเดาว่าซาอิดน่าจะเดินทางไปถึงบ้าน แต่ทำไมเขายังไม่โทร.มา ด้วยความร้อนใจหญิงสาวจึงเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหา แต่มีเพียงเสียงเรียก แต่ไม่รับจนสายหลุดไปเอง ยุพินพยายามติดต่อหลายครั้งด้วยความวิตกกังวล  

      ผู้เป็นแม่มองอาการเช่นนั้นแล้วอดหวั่นใจไม่ได้จนต้องถามขึ้นว่า

      “ยังติดต่อไม่ได้หรือ”

      “เขาไม่รับสาย”

      “เขาอาจจะยุ่งก็ได้”

      “หนูเป็นห่วงว่าเขาอาจจะไม่สบาย เพราะก่อนไปก็ยังมีไข้  กินยาแล้วไข้ก็ไม่ลดลงเลย”

      มารดาพยักหน้ารับ แต่ในส่วนลึกอดจะหวั่นใจไม่ได้ว่าซาอิดจะกลับไปแล้วไปลับ ปล่อยทิ้งให้ลูกสาวของนางช้ำใจหรือไม่  

      “หวังว่าเขาคงไม่...เอ่อ..”

     “ไม่อะไรหรือแม่”

      ยุพาถอนหายใจก่อนจะบอกว่า “คงไม่ได้หลอกแกนะยุพิน”

     “วุ้ย ! แม่ก้อ คิดไปได้  เขาจะมาหลอกหนูเรื่องอะไร หนูไม่มีอะไรจะให้เขาหลอกซะหน่อย เงินที่มีก็ยังอยู่ในธนาคารครบทุกบาททุกสตางค์ แก้วแหวนเงินทองของหนูก็ยังอยู่ดี แถมฐานะการเงินของเขาก็มีมากกว่าหนูอยู่แล้ว เลิกคิดแบบนี้ไปได้เลยนะ” ยุพินพูดอย่างโกรธๆ  เรื่องถูกซาอิดหลอก ไม่มีอยู่ในหัวสมองของหล่อนแม้แต่น้อย ยามนี้ยุพินคิดว่าหล่อนรู้จักคนรักของหล่อนดี
 

      เกือบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วที่ยุพินไม่ได้ข่าวคราวของซาอิด หล่อนร้อนรนกินไม่ได้นอนไม่หลับกับความวิตกกังวลว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

     “พินเอ๊ย ทานข้าวหน่อยนะ เดี๋ยวจะป่วยไข้ไปอีกคน”

      “หนูน่าจะขอเบอร์ญาติพี่น้องเขาไว้บ้างนะ เผื่อจะโทร.ไปถาม นี่ไม่รู้เลยว่าจะติดต่อใครได้ว่าซาอิดเป็นอย่างไร ทำไมเขาหายไปแบบนี้” เสียงตอนท้ายเครือลง แล้วในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ

     ยุพาเข้ามาลูบหลังปลอบโยน ชีวิตที่มีเพียงสองแม่ลูกในบ้านหลังนี้ ช่างว้าเหว่เหลือเกินยามมีทุกข์

     “เราก็ตัวร้อนนะพิน ทานข้าวทานยาซะหน่อยไหม” 

     “ไม่เป็นไรจ้ะแม่” ยุพินยามนี้ทุกข์ใจจนกลืนอะไรไม่ลง อาหารที่ไม่มีตกถึงท้องก็พลอยทำให้แสบโหยไปหมดทั้งกระเพาะอาหารและในอก

     “ดูซิปากแห้งเชียว กินน้ำหน่อยนะลูก” ยุพาบอกแล้วหันไปหยิบน้ำมารินใส่แก้วให้ดื่ม ลูกสาวรับมาดื่มดับกระหาย แต่แล้วก็กลับสำลักออกมา

     “เอ้า  กินช้าๆ ซิ สำลักแล้วไหมล่ะ”

      การสำลักน้ำของยุพินตามมาด้วยอาการไอชุดใหญ่ แล้วหล่อนก็ต้องตกใจที่มีเลือดปนออกมากับเสมหะ

     “ไอจนเป็นเลือดเลยหรือนี่” ยุพาอุทานอย่างตกใจไม่แพ้ลูกสาวที่กำลังจ้องมองหยดเลือดในฝ่ามือของตัวด้วยดวงตาเหลือกลาน หล่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่