Epidemic
ดรัสวันต์
เรื่องสั้นนี้เขียนเมื่อ ปี 2559 ก่อนที่โควิด 19 จะแพร่ระบาด
หมู่บ้านโนนแดงแห่งนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านนานาชาติ เพราะมีเขยฝรั่งหลายชนชาติต่างพากันมาใช้ชีวิตที่นี่ นั่นคือผลพวงของการที่หมู่บ้านแห่งนี้มีสาวผิวคล้ำปราศจากดั้ง ที่ฝรั่งตะวันตกบอกว่าเธอเหล่านี้สวยมากในสายตาของพวกเขา นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกหมู่บ้านชายที่ส่วนใหญ่เคยไปใช้แรงงานในประเทศแถบทะเลทรายมาแล้ว
จึงน่าจะเรียกหมู่บ้านนี้ว่า....ว่าอะไรดี
โนนแดง อินเตอร์เนชั่นแนล วิลเลจ? เพราะชาวบ้านกว่าครึ่งสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับเขยต่างชาติได้สบาย
ยุพินก็เป็นหนึ่งในสาวแกร่งที่เคยผ่านงานในต่างประเทศมาแล้ว หล่อนเคยไปทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวในบ้านเศรษฐีชาวอาหรับที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จนสามารถเก็บเงินได้ก้อนใหญ่เพียงพอสำหรับการกลับมาลงทุนค้าขายที่เมืองไทย แต่ความน่ารักอ่อนโยนและความสวยแปลกตา
ในสายตาหนุ่มต่างชาติของยุพิน ก็ทำให้หล่อนมีหนุ่มชาวซาอุฯ มาติดพัน เขาชื่อซาอิด
แรกๆ ยุพินก็ไม่คิดอะไรมาก มีผู้ชายมาคุยด้วยก็คุย ทำไปทำมาซาอิดทำท่าว่าจะเอาจริง เขาบอกรักยุพินและต้องการแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน แม้ยุพินจะมีข้อแม้ว่าถ้าจะแต่งงานกับเธอ เขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาที่ต้องปรับตัวกับสภาพความเป็นอยู่และ
วิถีชีวิตที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว และแถมยังมีเรื่องศาสนาที่แตกต่างอีกด้วย แต่ซาอิดก็ไม่ย่อท้อกับการที่เขาจะเป็นมุสลิมคนเดียวในหมู่บ้านคนพุทธ
แน่ล่ะที่ซาอิดดูจะหลงรักยุพินมากมาย แต่ยุพินซิ หล่อนไม่ยอมรักใครง่ายๆ และหากถึงขั้นจะแต่งงานด้วยแล้ว หล่อนจะต้องมั่นใจว่าจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่า เพราะฉะนั้นหล่อนจึงอยากทดสอบซาอิด ให้เขาลองมาเที่ยวบ้านนอกของหล่อนดูสักครั้งว่าเขาจะทนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้จริงไหม ก่อนที่จะตกลงแต่งงานกัน ซึ่งซาอิดก็ยินดี
ยุพินและซาอิดกลับมาถึงเมืองไทย โดยมีญาติๆ ของยุพินแห่กันไปรับที่สนามบิน โดยเฉพาะแม่ยุพาที่ดีใจมากกว่าใครๆ เพราะจะได้เห็นหน้าลูกสาว
ที่จากไปนานถึง 5 ปี แถมยังมีว่าที่ลูกเขยตามติดมาอีกด้วย
“เขาหล่อนะ” ผู้เป็นแม่กระซิบบอกหลังจากได้รับการแนะนำให้รู้จักหนุ่มซาอุฯ ผิวขาวหน้าคมเข้ม ยุพินสอนให้ซาอิดรู้จักธรรมเนียมการไหว้ทักทายของคนไทย ซาอิดเลยไหว้ทุกคนที่เขาเจอ ไม่เว้นยามที่ประตูสนามบิน
ครั้นพอไปถึงหมู่บ้าน ก็มีชาวบ้านออกมามุงดู เด็กๆ พากันมาห้อมล้อมคนแปลกหน้า ซึ่งในสายตาของซาอิดแล้ว เขาคิดว่าเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นราวกับเขาเป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียง เพราะไม่เคยเลยในชีวิตที่พ่อค้าขายถั่วในตลาดอย่างเขาจะมีคนสนใจมอง
นอกจากมีคนชมว่าซาอิดหล่อแล้ว ยังมีคนแอบมากระซิบถามยุพินอีกว่า เขารวยไหม
“รวยซิ เขาเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเลยล่ะ” ยุพินแกล้งโกหกประชดไปอย่างนั้น ซึ่งก็ได้ผลสำหรับคนบางคนที่ทำตาโตตื่นเต้น แต่กับบางคน มุกนี้ไม่ได้ผล
“เอ็งอย่ามาโกหกหน่อยเลยนังยุพิน เจ้าของบ่อน้ำมันที่ไหนจะมาสนใจผู้หญิงอย่างเอ็ง ใครเชื่อออกลูกเป็นหมา”
ยุพินได้แต่ยกไหล่และหัวเราะขำอย่างไม่ถือสาหาความ ส่วนคนที่ทำตาโตเชื่อคำพูดของหล่อนก็อดสะดุ้งไม่ได้เพราะกลัวออกลูกเป็นหมา
ซาอิดมาอยู่ได้สองวันเขาก็เริ่มทำความรู้จักกับเขยต่างชาติคนอื่นๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ มันทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเท่าใดนัก ที่ไม่ใช่มีแต่เขาที่เป็นคนต่างชาติ มันทำให้ซาอิดเชื่อว่าเขาคงจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่เขารักที่เมืองไทยแห่งนี้ไปจนตลอดชีวิต
ความที่ยุพินเคยทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวอยู่ที่บ้านเศรษฐีซาอุฯ มาก่อน หล่อนจึงสามารถทำอาหารพื้นเมืองซาอุฯ ให้ซาอิดทานได้อย่างถูกปาก
เช่นนี้แล้ว ซาอิดคิดว่าเขาไม่ลำบากแน่นอน เพียงแต่พิธีกรรมทางศาสนาอิสลามเท่านั้น ที่เขาคงต้องไปเสาะแสวงหาว่าในจังหวัดนี้มีสุเหร่าหรือไม่
อยู่ที่ไหน
เพียงเวลา 4 วันที่ซาอิดมาใช้ชีวิตที่บ้านโนนแดงนี้ เขาก็สามารถตัดสินใจได้แล้วว่า เขาสามารถใช้ชีวิตที่เมืองไทยได้อย่างแน่นอน เขาเน้นย้ำเรื่องการแต่งงานกับยุพิน
“แน่ใจแล้วหรือ” ยุพินถาม ไม่เพียงย้ำกับเขา แต่เหมือนย้ำกับตัวเองว่าหล่อนพร้อมและแน่ใจกับผู้ชายคนนี้แน่แล้วหรือ
“แน่ซิ” ซายิดตอบยืนยันแล้วจู่ๆ เขาก็จามออกมา แม้จะพยายามปิดปากแล้ว แต่ก็ยังน้ำมูกน้ำลายบางส่วนกระเด็นมาโดนคนที่อยู่แนบชิด
“เป็นหวัดหรือนี่” ยุพินถามอย่างกังวลพลางยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม “ตัวร้อนด้วยซิ”
ซาอิดมองการดูแลของคนรักอย่างซาบซึ้ง เขาต้องการผู้หญิงแบบนี้ ผู้หญิงที่ใส่ใจอาทร แถมในความอ่อนหวานก็ยังมีความเข้มแข็ง เป็นธุระโน่นนี่ให้เขาได้อย่างดี
“เดี๋ยวทานยาแก้ไข้แก้หวัดหน่อยนะคะ”
“ขอบคุณ ผมรักคุณจังเลย” ซาอิดกล่าวอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
ยุพินยิ้มเอียงอาย ปลาบปลื้มใจอยู่ไม่น้อยที่ผู้หญิงบ้านนอกแสนธรรมดา ไม่ได้สะสวยอย่างหล่อนจะมีใครสักคนมารักและอยากร่วมชีวิตด้วย
“ผมจะกลับไปเตรียมเรื่องแต่งงานของเรานะ คงกลับไปไม่นาน แล้วจะขนของอพยพมาอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย”
“ญาติพี่น้องของคุณเขาคง...”
“เขาต้องยินดีกับเรา พวกเขาอาจจะคิดถึงผมบ้าง แต่เขาก็มาเยี่ยมเราได้ ถือโอกาสมาเที่ยวเมืองไทยซะเลย ส่วนผม กะว่าทุกสองสามปีจะกลับไปเยี่ยมบ้านสักหน่อย คุณจะว่าอะไรไหม”
ยุพินสั่นหน้าปฏิเสธ ยามนี้หล่อนมีความสุขแทบล้นอก หล่อนกำลังจะแต่งงานกับเจ้าบ่าวหนุ่มหล่อชาวต่างชาติ หล่อนจะมีโอกาสได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านที่ต่างประเทศพร้อมกับเขาบ้างเป็นครั้งคราว ดูโก้เก๋ไม่แพ้ผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านที่แต่งงานกับฝรั่ง
สองวันต่อมาซาอิดก็เดินทางกลับซาอุฯ ท่ามกลางความห่วงใยของยุพิน
“ไข้หวัดของคุณยังไม่หายดีเลยนะ จะเดินทางไหวหรือ”
“ผมอาจจะแพ้อากาศ หรือแพ้ฝุ่นที่นี่ก็ได้” เขาพยายามหาเหตุผลของความป่วยไข้นี้ “ไม่เป็นไรหรอก กลับไปถึงที่โน่นแล้ว ผมรู้จักหมอที่เก่งมาก
คนหนึ่ง เขาจะดูแลผมเอง” เขายืนยันแล้วดึงคนรักมาจูบลาก่อนที่จะเดินเข้าไปยังทางออกขึ้นเครื่อง ของสนามบินประจำจังหวัดที่ยุพินมาคอยส่ง
ซาอิดขึ้นเครื่องบินภายในประเทศจากจังหวัดขอนแก่นเพื่อไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนจะต่อสายการบินนานาชาติไปยังประเทศของตนอีกที
ระหว่างที่ห่างไกลกันนี้ คนรักทั้งสองจะส่งข้อความถึงกันตลอด นอกจากช่วงอยู่บนเครื่องบินที่ซาอิดจะงดใช้อุปกรณ์สื่อสาร แต่เขาสัญญาว่าจะโทรศัพท์กลับมาหายุพินทันทีที่ถึงเมืองริยาร์ด
เกินกว่า 12 ชั่วโมงแล้ว ยุพินคาดเดาว่าซาอิดน่าจะเดินทางไปถึงบ้าน แต่ทำไมเขายังไม่โทร.มา ด้วยความร้อนใจหญิงสาวจึงเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหา แต่มีเพียงเสียงเรียก แต่ไม่รับจนสายหลุดไปเอง ยุพินพยายามติดต่อหลายครั้งด้วยความวิตกกังวล
ผู้เป็นแม่มองอาการเช่นนั้นแล้วอดหวั่นใจไม่ได้จนต้องถามขึ้นว่า
“ยังติดต่อไม่ได้หรือ”
“เขาไม่รับสาย”
“เขาอาจจะยุ่งก็ได้”
“หนูเป็นห่วงว่าเขาอาจจะไม่สบาย เพราะก่อนไปก็ยังมีไข้ กินยาแล้วไข้ก็ไม่ลดลงเลย”
มารดาพยักหน้ารับ แต่ในส่วนลึกอดจะหวั่นใจไม่ได้ว่าซาอิดจะกลับไปแล้วไปลับ ปล่อยทิ้งให้ลูกสาวของนางช้ำใจหรือไม่
“หวังว่าเขาคงไม่...เอ่อ..”
“ไม่อะไรหรือแม่”
ยุพาถอนหายใจก่อนจะบอกว่า “คงไม่ได้หลอกแกนะยุพิน”
“วุ้ย ! แม่ก้อ คิดไปได้ เขาจะมาหลอกหนูเรื่องอะไร หนูไม่มีอะไรจะให้เขาหลอกซะหน่อย เงินที่มีก็ยังอยู่ในธนาคารครบทุกบาททุกสตางค์ แก้วแหวนเงินทองของหนูก็ยังอยู่ดี แถมฐานะการเงินของเขาก็มีมากกว่าหนูอยู่แล้ว เลิกคิดแบบนี้ไปได้เลยนะ” ยุพินพูดอย่างโกรธๆ เรื่องถูกซาอิดหลอก ไม่มีอยู่ในหัวสมองของหล่อนแม้แต่น้อย ยามนี้ยุพินคิดว่าหล่อนรู้จักคนรักของหล่อนดี
เกือบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วที่ยุพินไม่ได้ข่าวคราวของซาอิด หล่อนร้อนรนกินไม่ได้นอนไม่หลับกับความวิตกกังวลว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“พินเอ๊ย ทานข้าวหน่อยนะ เดี๋ยวจะป่วยไข้ไปอีกคน”
“หนูน่าจะขอเบอร์ญาติพี่น้องเขาไว้บ้างนะ เผื่อจะโทร.ไปถาม นี่ไม่รู้เลยว่าจะติดต่อใครได้ว่าซาอิดเป็นอย่างไร ทำไมเขาหายไปแบบนี้” เสียงตอนท้ายเครือลง แล้วในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
ยุพาเข้ามาลูบหลังปลอบโยน ชีวิตที่มีเพียงสองแม่ลูกในบ้านหลังนี้ ช่างว้าเหว่เหลือเกินยามมีทุกข์
“เราก็ตัวร้อนนะพิน ทานข้าวทานยาซะหน่อยไหม”
“ไม่เป็นไรจ้ะแม่” ยุพินยามนี้ทุกข์ใจจนกลืนอะไรไม่ลง อาหารที่ไม่มีตกถึงท้องก็พลอยทำให้แสบโหยไปหมดทั้งกระเพาะอาหารและในอก
“ดูซิปากแห้งเชียว กินน้ำหน่อยนะลูก” ยุพาบอกแล้วหันไปหยิบน้ำมารินใส่แก้วให้ดื่ม ลูกสาวรับมาดื่มดับกระหาย แต่แล้วก็กลับสำลักออกมา
“เอ้า กินช้าๆ ซิ สำลักแล้วไหมล่ะ”
การสำลักน้ำของยุพินตามมาด้วยอาการไอชุดใหญ่ แล้วหล่อนก็ต้องตกใจที่มีเลือดปนออกมากับเสมหะ
“ไอจนเป็นเลือดเลยหรือนี่” ยุพาอุทานอย่างตกใจไม่แพ้ลูกสาวที่กำลังจ้องมองหยดเลือดในฝ่ามือของตัวด้วยดวงตาเหลือกลาน หล่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน
Epidemic โดย ดรัสวันต์
จึงน่าจะเรียกหมู่บ้านนี้ว่า....ว่าอะไรดี โนนแดง อินเตอร์เนชั่นแนล วิลเลจ? เพราะชาวบ้านกว่าครึ่งสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับเขยต่างชาติได้สบาย
ยุพินก็เป็นหนึ่งในสาวแกร่งที่เคยผ่านงานในต่างประเทศมาแล้ว หล่อนเคยไปทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวในบ้านเศรษฐีชาวอาหรับที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จนสามารถเก็บเงินได้ก้อนใหญ่เพียงพอสำหรับการกลับมาลงทุนค้าขายที่เมืองไทย แต่ความน่ารักอ่อนโยนและความสวยแปลกตา
ในสายตาหนุ่มต่างชาติของยุพิน ก็ทำให้หล่อนมีหนุ่มชาวซาอุฯ มาติดพัน เขาชื่อซาอิด
แรกๆ ยุพินก็ไม่คิดอะไรมาก มีผู้ชายมาคุยด้วยก็คุย ทำไปทำมาซาอิดทำท่าว่าจะเอาจริง เขาบอกรักยุพินและต้องการแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน แม้ยุพินจะมีข้อแม้ว่าถ้าจะแต่งงานกับเธอ เขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาที่ต้องปรับตัวกับสภาพความเป็นอยู่และ
วิถีชีวิตที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว และแถมยังมีเรื่องศาสนาที่แตกต่างอีกด้วย แต่ซาอิดก็ไม่ย่อท้อกับการที่เขาจะเป็นมุสลิมคนเดียวในหมู่บ้านคนพุทธ
แน่ล่ะที่ซาอิดดูจะหลงรักยุพินมากมาย แต่ยุพินซิ หล่อนไม่ยอมรักใครง่ายๆ และหากถึงขั้นจะแต่งงานด้วยแล้ว หล่อนจะต้องมั่นใจว่าจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่า เพราะฉะนั้นหล่อนจึงอยากทดสอบซาอิด ให้เขาลองมาเที่ยวบ้านนอกของหล่อนดูสักครั้งว่าเขาจะทนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้จริงไหม ก่อนที่จะตกลงแต่งงานกัน ซึ่งซาอิดก็ยินดี
ยุพินและซาอิดกลับมาถึงเมืองไทย โดยมีญาติๆ ของยุพินแห่กันไปรับที่สนามบิน โดยเฉพาะแม่ยุพาที่ดีใจมากกว่าใครๆ เพราะจะได้เห็นหน้าลูกสาว
ที่จากไปนานถึง 5 ปี แถมยังมีว่าที่ลูกเขยตามติดมาอีกด้วย
“เขาหล่อนะ” ผู้เป็นแม่กระซิบบอกหลังจากได้รับการแนะนำให้รู้จักหนุ่มซาอุฯ ผิวขาวหน้าคมเข้ม ยุพินสอนให้ซาอิดรู้จักธรรมเนียมการไหว้ทักทายของคนไทย ซาอิดเลยไหว้ทุกคนที่เขาเจอ ไม่เว้นยามที่ประตูสนามบิน
ครั้นพอไปถึงหมู่บ้าน ก็มีชาวบ้านออกมามุงดู เด็กๆ พากันมาห้อมล้อมคนแปลกหน้า ซึ่งในสายตาของซาอิดแล้ว เขาคิดว่าเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นราวกับเขาเป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียง เพราะไม่เคยเลยในชีวิตที่พ่อค้าขายถั่วในตลาดอย่างเขาจะมีคนสนใจมอง
นอกจากมีคนชมว่าซาอิดหล่อแล้ว ยังมีคนแอบมากระซิบถามยุพินอีกว่า เขารวยไหม
“รวยซิ เขาเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเลยล่ะ” ยุพินแกล้งโกหกประชดไปอย่างนั้น ซึ่งก็ได้ผลสำหรับคนบางคนที่ทำตาโตตื่นเต้น แต่กับบางคน มุกนี้ไม่ได้ผล
“เอ็งอย่ามาโกหกหน่อยเลยนังยุพิน เจ้าของบ่อน้ำมันที่ไหนจะมาสนใจผู้หญิงอย่างเอ็ง ใครเชื่อออกลูกเป็นหมา”
ยุพินได้แต่ยกไหล่และหัวเราะขำอย่างไม่ถือสาหาความ ส่วนคนที่ทำตาโตเชื่อคำพูดของหล่อนก็อดสะดุ้งไม่ได้เพราะกลัวออกลูกเป็นหมา
ซาอิดมาอยู่ได้สองวันเขาก็เริ่มทำความรู้จักกับเขยต่างชาติคนอื่นๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ มันทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเท่าใดนัก ที่ไม่ใช่มีแต่เขาที่เป็นคนต่างชาติ มันทำให้ซาอิดเชื่อว่าเขาคงจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่เขารักที่เมืองไทยแห่งนี้ไปจนตลอดชีวิต
ความที่ยุพินเคยทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวอยู่ที่บ้านเศรษฐีซาอุฯ มาก่อน หล่อนจึงสามารถทำอาหารพื้นเมืองซาอุฯ ให้ซาอิดทานได้อย่างถูกปาก
เช่นนี้แล้ว ซาอิดคิดว่าเขาไม่ลำบากแน่นอน เพียงแต่พิธีกรรมทางศาสนาอิสลามเท่านั้น ที่เขาคงต้องไปเสาะแสวงหาว่าในจังหวัดนี้มีสุเหร่าหรือไม่
อยู่ที่ไหน
เพียงเวลา 4 วันที่ซาอิดมาใช้ชีวิตที่บ้านโนนแดงนี้ เขาก็สามารถตัดสินใจได้แล้วว่า เขาสามารถใช้ชีวิตที่เมืองไทยได้อย่างแน่นอน เขาเน้นย้ำเรื่องการแต่งงานกับยุพิน
“แน่ใจแล้วหรือ” ยุพินถาม ไม่เพียงย้ำกับเขา แต่เหมือนย้ำกับตัวเองว่าหล่อนพร้อมและแน่ใจกับผู้ชายคนนี้แน่แล้วหรือ
“แน่ซิ” ซายิดตอบยืนยันแล้วจู่ๆ เขาก็จามออกมา แม้จะพยายามปิดปากแล้ว แต่ก็ยังน้ำมูกน้ำลายบางส่วนกระเด็นมาโดนคนที่อยู่แนบชิด
“เป็นหวัดหรือนี่” ยุพินถามอย่างกังวลพลางยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม “ตัวร้อนด้วยซิ”
ซาอิดมองการดูแลของคนรักอย่างซาบซึ้ง เขาต้องการผู้หญิงแบบนี้ ผู้หญิงที่ใส่ใจอาทร แถมในความอ่อนหวานก็ยังมีความเข้มแข็ง เป็นธุระโน่นนี่ให้เขาได้อย่างดี
“เดี๋ยวทานยาแก้ไข้แก้หวัดหน่อยนะคะ”
“ขอบคุณ ผมรักคุณจังเลย” ซาอิดกล่าวอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
ยุพินยิ้มเอียงอาย ปลาบปลื้มใจอยู่ไม่น้อยที่ผู้หญิงบ้านนอกแสนธรรมดา ไม่ได้สะสวยอย่างหล่อนจะมีใครสักคนมารักและอยากร่วมชีวิตด้วย
“ผมจะกลับไปเตรียมเรื่องแต่งงานของเรานะ คงกลับไปไม่นาน แล้วจะขนของอพยพมาอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย”
“ญาติพี่น้องของคุณเขาคง...”
“เขาต้องยินดีกับเรา พวกเขาอาจจะคิดถึงผมบ้าง แต่เขาก็มาเยี่ยมเราได้ ถือโอกาสมาเที่ยวเมืองไทยซะเลย ส่วนผม กะว่าทุกสองสามปีจะกลับไปเยี่ยมบ้านสักหน่อย คุณจะว่าอะไรไหม”
ยุพินสั่นหน้าปฏิเสธ ยามนี้หล่อนมีความสุขแทบล้นอก หล่อนกำลังจะแต่งงานกับเจ้าบ่าวหนุ่มหล่อชาวต่างชาติ หล่อนจะมีโอกาสได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านที่ต่างประเทศพร้อมกับเขาบ้างเป็นครั้งคราว ดูโก้เก๋ไม่แพ้ผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านที่แต่งงานกับฝรั่ง
สองวันต่อมาซาอิดก็เดินทางกลับซาอุฯ ท่ามกลางความห่วงใยของยุพิน
“ไข้หวัดของคุณยังไม่หายดีเลยนะ จะเดินทางไหวหรือ”
“ผมอาจจะแพ้อากาศ หรือแพ้ฝุ่นที่นี่ก็ได้” เขาพยายามหาเหตุผลของความป่วยไข้นี้ “ไม่เป็นไรหรอก กลับไปถึงที่โน่นแล้ว ผมรู้จักหมอที่เก่งมาก
คนหนึ่ง เขาจะดูแลผมเอง” เขายืนยันแล้วดึงคนรักมาจูบลาก่อนที่จะเดินเข้าไปยังทางออกขึ้นเครื่อง ของสนามบินประจำจังหวัดที่ยุพินมาคอยส่ง
ซาอิดขึ้นเครื่องบินภายในประเทศจากจังหวัดขอนแก่นเพื่อไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนจะต่อสายการบินนานาชาติไปยังประเทศของตนอีกที
ระหว่างที่ห่างไกลกันนี้ คนรักทั้งสองจะส่งข้อความถึงกันตลอด นอกจากช่วงอยู่บนเครื่องบินที่ซาอิดจะงดใช้อุปกรณ์สื่อสาร แต่เขาสัญญาว่าจะโทรศัพท์กลับมาหายุพินทันทีที่ถึงเมืองริยาร์ด
เกินกว่า 12 ชั่วโมงแล้ว ยุพินคาดเดาว่าซาอิดน่าจะเดินทางไปถึงบ้าน แต่ทำไมเขายังไม่โทร.มา ด้วยความร้อนใจหญิงสาวจึงเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหา แต่มีเพียงเสียงเรียก แต่ไม่รับจนสายหลุดไปเอง ยุพินพยายามติดต่อหลายครั้งด้วยความวิตกกังวล
ผู้เป็นแม่มองอาการเช่นนั้นแล้วอดหวั่นใจไม่ได้จนต้องถามขึ้นว่า
“ยังติดต่อไม่ได้หรือ”
“เขาไม่รับสาย”
“เขาอาจจะยุ่งก็ได้”
“หนูเป็นห่วงว่าเขาอาจจะไม่สบาย เพราะก่อนไปก็ยังมีไข้ กินยาแล้วไข้ก็ไม่ลดลงเลย”
มารดาพยักหน้ารับ แต่ในส่วนลึกอดจะหวั่นใจไม่ได้ว่าซาอิดจะกลับไปแล้วไปลับ ปล่อยทิ้งให้ลูกสาวของนางช้ำใจหรือไม่
“หวังว่าเขาคงไม่...เอ่อ..”
“ไม่อะไรหรือแม่”
ยุพาถอนหายใจก่อนจะบอกว่า “คงไม่ได้หลอกแกนะยุพิน”
“วุ้ย ! แม่ก้อ คิดไปได้ เขาจะมาหลอกหนูเรื่องอะไร หนูไม่มีอะไรจะให้เขาหลอกซะหน่อย เงินที่มีก็ยังอยู่ในธนาคารครบทุกบาททุกสตางค์ แก้วแหวนเงินทองของหนูก็ยังอยู่ดี แถมฐานะการเงินของเขาก็มีมากกว่าหนูอยู่แล้ว เลิกคิดแบบนี้ไปได้เลยนะ” ยุพินพูดอย่างโกรธๆ เรื่องถูกซาอิดหลอก ไม่มีอยู่ในหัวสมองของหล่อนแม้แต่น้อย ยามนี้ยุพินคิดว่าหล่อนรู้จักคนรักของหล่อนดี
เกือบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วที่ยุพินไม่ได้ข่าวคราวของซาอิด หล่อนร้อนรนกินไม่ได้นอนไม่หลับกับความวิตกกังวลว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“พินเอ๊ย ทานข้าวหน่อยนะ เดี๋ยวจะป่วยไข้ไปอีกคน”
“หนูน่าจะขอเบอร์ญาติพี่น้องเขาไว้บ้างนะ เผื่อจะโทร.ไปถาม นี่ไม่รู้เลยว่าจะติดต่อใครได้ว่าซาอิดเป็นอย่างไร ทำไมเขาหายไปแบบนี้” เสียงตอนท้ายเครือลง แล้วในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
ยุพาเข้ามาลูบหลังปลอบโยน ชีวิตที่มีเพียงสองแม่ลูกในบ้านหลังนี้ ช่างว้าเหว่เหลือเกินยามมีทุกข์
“เราก็ตัวร้อนนะพิน ทานข้าวทานยาซะหน่อยไหม”
“ไม่เป็นไรจ้ะแม่” ยุพินยามนี้ทุกข์ใจจนกลืนอะไรไม่ลง อาหารที่ไม่มีตกถึงท้องก็พลอยทำให้แสบโหยไปหมดทั้งกระเพาะอาหารและในอก
“ดูซิปากแห้งเชียว กินน้ำหน่อยนะลูก” ยุพาบอกแล้วหันไปหยิบน้ำมารินใส่แก้วให้ดื่ม ลูกสาวรับมาดื่มดับกระหาย แต่แล้วก็กลับสำลักออกมา
“เอ้า กินช้าๆ ซิ สำลักแล้วไหมล่ะ”
การสำลักน้ำของยุพินตามมาด้วยอาการไอชุดใหญ่ แล้วหล่อนก็ต้องตกใจที่มีเลือดปนออกมากับเสมหะ
“ไอจนเป็นเลือดเลยหรือนี่” ยุพาอุทานอย่างตกใจไม่แพ้ลูกสาวที่กำลังจ้องมองหยดเลือดในฝ่ามือของตัวด้วยดวงตาเหลือกลาน หล่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน